ภายใต้โครงสร้างเชิงสถาปัตยกรรมและความซับซ้อนของจักรกล Jaquet Droz ได้สร้างสรรค์มุมมองใหม่ของนาฬิกาสเกเลตันด้วยนาฬิกาสามเวอร์ชั่นล่าสุด จากคอลเลกชั่น Grande Seconde Skelet-One
Jaquet Droz Grande Seconde Skelet-One ฌาเกต์ โดรซ์ (Jaquet Droz) แบรนด์ที่เลื่องลือด้วยชื่อเสียงของการสร้างสรรค์นาฬิกาจักรกลชั้นสูงมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การริเริ่มก่อตั้งของ Pierre Jaquet-Droz ผู้ซึ่งเกิดในปี ค.ศ. 1721 ณ ฟาร์มเล็กๆ แห่ง ลา โชส์-เดอ-ฟงด์ (La Chaux-de-Fonds) แต่ด้วยความสนใจอย่างแรงกล้าต่อการประดิษฐ์นาฬิกา และจักรกลที่มีความเที่ยงตรงแม่นยำสูง นับจากปี ค.ศ. 1738 ถึง 1747 Pierre Jaquet-Droz จึงอุทิศตนให้กับความทุ่มเทในการสร้างสรรค์นาฬิกาคล็อกผ่านผลงานซีรีส์ต่างๆ ของนาฬิกาคล็อกตัวเรือนสูง หรือที่เรียกกันว่า “grandfather” clocks และเพิ่มเติมด้วยความซับซ้อนทันสมัยของกลไกจักรกลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากความเชี่ยวชาญและธรรมชาติของการเป็นคนละเอียดอ่อนพิถีพิถันจึงได้ถ่ายทอดสู่งานฝีมือและการประดิษฐ์เรือนเวลา เช่นเดียวกับได้ประยุกต์ใช้สู่หลักการทางจักรกล ซึ่งนำทางให้เขาสะสมทั้งประสบการณ์สู่ความชำนาญ และความรอบรู้ในการสร้างสรรค์กลไกจักรกลเครื่องบอกเวลาที่มาพร้อมกล่องดนตรี และหุ่นเคลื่อนไหวหรือ Automata และนั่นเองที่ทำให้ผลงานของ Pierre Jaquet-Droz และชื่อ Jaquet Droz ในฐานะผู้ผลิตและรังสรรค์สิ่งประดิษฐ์ทางจักรกลได้รับความสนใจ และเป็นที่ปรารถนาของลูกค้า
เรื่องราวการสร้างสรรค์จักรกลเคลื่อนไหวและเรือนเวลาของ Jaquet Droz ยังคงดำเนินต่อมา จวบจนกระทั่งในปี ค.ศ. 2000 ที่ Swatch Group ได้เข้าซื้อกิจการของ มงทร์ ฌาเกต์ โดรซ์ (Montres Jaquet Droz) และผลักดันให้แบรนด์อันมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และน่าสนใจนี้ได้ก้าวสู่ยุคใหม่ของความสำเร็จอีกครั้ง โดยยังคงรักษาไว้ซึ่งมรดกความเชี่ยวชาญอันแสนพิเศษของผู้ก่อตั้ง ขณะเดียวกันก็พัฒนาต่อยอดทั้งแนวคิด และกระบวนการสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยี เทคนิค และนวัตกรรม รวมถึงขั้นตอนการผลิตที่มีชื่อเสียงของกรุ๊ป ที่นำพาให้นาฬิกา Jaquet Droz มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายไปทั่วโลก
เช่นเดียวกับการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่งของผลงานเรือนเวลาในคอลเลกชั่นต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการเปิดตัวของ Grande Seconde ในปี ค.ศ. 2002 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาพก ที่สร้างสรรค์ขึ้นนับจากศตวรรษที่ 18 กับหน้าปัดซึ่งออกแบบด้วยสไตล์และไอคอนแห่งความร่วมสมัยเหนือกาลเวลา พร้อมทั้งแสดงออกถึงความประณีตของงานตกแต่งผ่านศิลปะการลงยาแบบ กรองด์ เฟอ (Grand Feu) บนหน้าปัดแสดงชั่วโมงและนาทีแบบเยื้องศูนย์ไปที่ตำแหน่ง 12.00 นาฬิกา และวางซ้อนกับหน้าปัดย่อยแสดงวินาที ณ ตำแหน่ง 6.00 นาฬิกา กลายเป็นภาพของเลข “8” หนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นเฉพาะของแบรนด์ และมีความหมายถึงความยั่งยืนเป็นนิรันดร์อย่างไร้ที่สิ้นสุด
ชื่อของ Jaquet Droz เป็นที่สนอกสนใจอย่างมากอีกครั้ง เมื่อในปีค.ศ. 2009 นิโคลัส จี. ฮาเย็ก (Nicolas G. Hayek) ได้เข้ามาดูแลแบรนด์และบริษัทนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งช่วยดูแลงานบริหาร กับความตั้งใจที่ชัดเจนในการธำรงรักษาไว้ด้วยประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาอันงดงามและเก่าแก่ กระทั่งในปีถัดมา มาร์ก เอ. ฮาเย็ก (Marc A. Hayek) ก็ได้เข้ามาบริหารแทน ด้วยปณิธานเดียวกันของการสืบทอดและตอกย้ำถึงจิตวิญญาณแห่งความเป็นเลิศและนวัตกรรมจักรกล ขณะเดียวกันก็ยังคงเคารพต่อคุณค่าแห่งความสวยงามและการบอกเล่าเส้นทางของเวลาได้อย่างงดงามราวกับบทกวี ผ่านความเที่ยงตรงของนาฬิกา ซึ่งเป็นมรดกอันเปี่ยมด้วยคุณค่ายิ่งสำหรับ Jaquet Droz ย้อนกลับไปนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 แห่งการริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานของแบรนด์ โดยหนึ่งในนาฬิกาอันเป็นที่จดจำได้มากที่สุด ย่อมหนีไม่พ้นการเปิดตัวของ กรองด์ เซอกงด์ (Grande Seconde) ในปี ค.ศ. 2011 ซึ่งเป็นรุ่นที่ผสมผสานไว้ด้วยจักรกลอันเที่ยงตรงแม่นยำสูงอย่าง ทูร์บิญง (tourbillon) พร้อมทั้งงานลงยาแบบ Grand Feu ซึ่งเป็นรุ่นที่ช่างทำหน้าปัดระดับมาสเตอร์ได้ตัดสินใจวาง tourbillon ไว้ ณ ใจกลางของหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีที่ในรุ่นนี้ยังถูกบรรจุไว้ที่ตำแหน่งใหม่ คือ ณ ตำแหน่ง 12.00 นาฬิกา
มรดกแห่งงานสร้างสรรค์เหล่านี้ยังได้ต่อยอดมาสู่ผลงานคอลเลกชั่น กรองด์ เซกองด์ สเกเลต-วัน (Grande Seconde Skelet-One) ตัวแทนของการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูง (Fine Watchmaking) อันร่วมสมัย และยังคงได้รับการพัฒนาต่อยอดด้วยความล้ำสมัยสูงสุดให้กับหนึ่งในคอลเลกชั่นนาฬิกาดาวเด่นจาก Jaquet Droz ที่ประกอบขึ้นจากงานดีไซน์อันเข้มแข็งและทันสมัย ซึ่งในวันนี้ยังได้มอบมิติใหม่ให้กับผลงานการประดิษฐ์นาฬิกาด้วยเทคนิคที่เรียกว่า “สเกเลตัน” (skeleton) ปรากฏอยู่ในทายาทรุ่นใหม่สามเวอร์ชั่น โดยสืบทอดไว้ด้วยจิตวิญญาณดั้งเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป นั่นคือการบรรจุตัวเลข “8” ขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างรูปขึ้นโดยหน้าปัดกระจกแซฟไฟร์ทั้งหมด ร่วมกับเครื่องหมายหลักบอกเวลาและเข็มชี้ทำจากทอง 18K ที่ดูราวกับลอยอยู่กลางอากาศเหนือวงแหวนสำหรับแสดงชั่วโมงและนาที ที่ขัดตกแต่งแบบด้าน
และ ณ ตำแหน่ง 6.00 นาฬิกาบนหน้าปัด ติดตั้งไว้ด้วยเข็มวินาทีขนาดใหญ่ ทำหน้าที่แสดงเวลาเหนือกระจกแซฟไฟร์ และมอบเป็นภาพเสมือนลอยอยู่กลางหน้าปัดเช่นกัน ขณะที่เบื้องใต้ของการแสดงเวลานี้ยังเผยให้เห็นถึงรายละเอียดที่ประณีตที่สุดของกลไกจักรกลซึ่งล้วนรังสรรค์ขึ้นด้วยมือ พร้อมทั้งพลังขับเคลื่อนที่มาจากกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Jaquet Droz 2663 SQ ผ่านการสลักเสลาแบบเปลือยโปร่งหรือสเกเลตัน พร้อมทั้งเคลือบตกแต่งด้วยสีดำ โดยติดตั้งบาลานซ์สปริงซิลิคอน และหูเดือยกระตุ้นจักรหมุน ประกอบทับทิม 30 เม็ด ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง พร้อมทั้งกระปุกลานคู่ที่มอบพลังงานสำรองได้ถึงเกือบสามวันหรือ 68 ชั่วโมง รวมไปถึงมองเห็นโรเตอร์ไวท์โกลด์ 18K แบบเปลือยโปร่งซึ่งติดตั้งฝังอยู่บนขอบของตัวเรือนนาฬิกาขนาด 41.5 มิลลิเมตร และหนา 12.48 มิลลิเมตร โดยคงประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึก 30 เมตร
คอลเลกชั่นนาฬิกาสเกเลตันซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่นักสะสมนี้ ยังนำเสนอมิติใหม่ของความทันสมัยผ่านการถอดรหัสสี ที่ในรุ่นใหม่นี้มีให้เลือกสามเวอร์ชั่น คือสีเขียว (Green) สีฟ้า (Sky Blue) และสีเหลือง (Yellow) ที่ตกแต่งอยู่บนรายละเอียดของการแสดงเวลาบนหน้าปัด เช่นชุดเข็มชี้และสเกลเครื่องหมายบอกเวลาแบบรางรถไฟ รวมไปถึงสายผ้าแฮนด์เมดในโทนสีเดียวกันของแต่ละรุ่น ขณะที่บนหลักบอกชั่วโมงและสกรูของเวอร์ชั่นสีเขียวและสีฟ้าทำจากไวท์โกลด์ เพื่อสร้างมิติที่ตัดกันกับวงแหวนบอกชั่วโมงและนาที เช่นเดียวกับตัวเรือนของนาฬิกายังประดิษฐ์รังสรรค์ขึ้นจากเซรามิกสีดำ
ส่วนในเวอร์ชั่นสีเหลืองนั้นมีความแตกต่างออกไป ด้วยการเล่นกับโทนสีที่อบอุ่นกว่า โดยบรรจุด้วยเครื่องหมายขีดและสกรูทำจากเรดโกลด์ ส่วนวงแหวนบอกชั่วโมงและนาทีทำจากไวท์โกลด์ มาพร้อมกับตัวเรือนพลาสมาเซรามิกที่ให้โทนสีเทา ซึ่งรู้หรือไม่ว่าตัวเรือนพลาสมาเซรามิกนี้ จำเป็นต้องผ่านกระบวนการสร้างสรรค์อันซับซ้อน โดยผ่านการผนึกหรือฟอร์จภายในเตาอบด้วยอุณหภูมิความร้อนสูง และตกแต่งความวาวแบบโลหะโดยไม่ใช้การเติมสารอื่นๆ เข้าไป แต่เป็นการเปลี่ยนรูปของสีซึ่งเกิดขึ้นในระดับโมเลกุล เพื่อช่วยให้ยังรักษาคุณสมบัติดั้งเดิมทั้งหมดของเซรามิกไว้ ขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มมิติและความกลมกลืนของสีที่ตัดกันไว้ได้อย่างสมบูรณ์สวยงาม
นาฬิกาสามเวอร์ชั่นใหม่นี้จะผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 28 เรือนของแต่ละสี ตามคอนเซ็ปต์ตัวเลขนำโชค อย่างเลข “8” ของ Jaquet Droz ที่สะท้อนถึงความทรงพลัง ความทันสมัย และหยั่งรากลึกอย่างมั่นคงสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยนาฬิกาสามเวอร์ชั่นเหล่านี้ที่ได้มอบซึ่งนวัตกรรมแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาอันร่วมสมัย และย้อนหวนสู่ตำนานการสร้างสรรค์นาฬิกาสเกเลตันที่แบรนด์เชี่ยวชาญ และยังคงสืบทอดมรดกอันทรงคุณค่านี้เสมอมา
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF JAQUET DROZ
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
