เตรียมตัวนับเวลาถอยหลังสู่การแข่งขัน UEFA EURO 2020™ กับนาฬิกาคอนเนคเต็ดสุดล้ำยุครุ่นใหม่ Hublot Big Bang e ที่จะไม่ปล่อยให้คุณพลาดทุกแมทช์การแข่งขัน แถมยังได้เกาะติดสนามแบบเรียลไทม์ แม้นั่งชมบนโซฟาจากที่บ้านของคุณเอง
แน่นอนว่า หลังจากเลื่อนการแข่งขันมานานนับแรมปี เป็นใครก็ย่อมตื่นเต้นกับการประกาศยืนยันตารางการแข่งขันฟุตบอล UEFA EURO 2020™ ที่พร้อมจะเปิดสนามขึ้นเร็วๆ นี้ ในระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน ถึง 11 กรกฎาคม 2021 แต่หากใครอยากตื่นเต้นมากไปกว่านั้น กับอารมณ์การได้ร่วมเคาน์ดาวน์สู่วินาทีแห่งการเริ่มต้นการแข่งขัน อูโบลท์ (Hublot) ก็พร้อมสร้างความตื่นเต้นให้บรรดาแฟนๆ ฟุตบอลด้วยการประเดิมเปิดตัวกันด้วยนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง Big Bang e UEFA EURO 2020™ เรือนเวลาอย่างเป็นทางการของ UEFA EURO 2020™ European Championship ซึ่งนับเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีสุดล้ำยุคของนาฬิกาคอนเนคเต็ด Big Bang e ที่เคยดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งในและนอกสนามมาแล้ว จากการแข่งขันครั้งก่อน อย่าง 2018 FIFA World Cup™ ที่รัสเซีย และวันนี้ Hublot ในฐานะนาฬิกาอย่างเป็นทางการ หรือ Official Watch ของการแข่งขัน UEFA EURO 2020™ ก็จะได้นำบรรยากาศและความสนุกตื่นเต้นเหล่านั้นให้หวนกลับมาอีกครั้ง พร้อมด้วยผลงานที่เต็มไปด้วยลูกเล่นใหม่ๆ นี้ซึ่งจะแฟนๆ ฟุตบอลและแฟนนาฬิกาได้ครอบครองในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 เรือน เท่านั้น
เนื่องจากจำเป็นต้องเลื่อนการแข่งขันมานานนับปีในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นี่จึงได้กลายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแข่งขัน ที่ UEFA EURO 2020™ European Championship ซึ่งกำลังจะเปิดฉากขึ้นเร็วๆ นี้จะมีการจัดการแข่งขันขึ้นใน 11 เมือง และใน 11 ประเทศแตกต่างกัน โดยรายชื่อของเจ้าสนามภาพต่างๆ ยังปรากฏอยู่บนขอบตัวเรือนของนาฬิกา Big Bang e UEFA EURO 2020™ รุ่นใหม่ ซึ่งประดับไว้ด้วยสีสันของธงจาก 12 ชาติ ผู้ริเริ่มการเป็นเจ้าภาพของการแข่งขัน และเพื่อความสวยงามและสมเกียรติ นาฬิการุ่นนี้จึงออกแบบมาภายใต้ความสง่างามอันเป็นไอคอนิกของแบรนด์ Hublot และจิตวิญญาณการแข่งขันอย่างแท้จริง
Black Magic “LIMITED EDITION 1000 PIECES”
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกหยิบเอาความเท่และสไตล์สปอร์ตทันสมัยของนาฬิกาตระกูล Big Bang อันโด่งดังมาใช้ ทั้งยังปรับปรุงให้รับกับสรีระข้อมือได้ดียิ่งขึ้น ด้วยตัวเรือนขนาด 42.0 มิลลิเมตร หนา 12.80 มิลลิเมตร โดยทำจาก Black Magic ซึ่งเป็นเซรามิกสีดำล้วน ผ่านการตกแต่งแบบไมโครบลาสต์และขัดเงาวาวเสริมความโดดเด่น ขณะเดียวกันก็ให้อารมณ์แห่งความเข้มขรึมและดุดันเมื่ออยู่ใต้สปอตไลท์กลางสนามแข่งขัน ส่วนฝาหลังประกอบด้วยไทเทเนียมตกแต่งแบบซาติน พร้อมแกะสลักด้วยข้อความ “LIMITED EDITION 1000 PIECES” และกระจกแซฟไฟร์แกะสลักด้วยโลโก้ UEFA EURO 2020™ รวมทั้งได้รวบรวมไว้ด้วยคุณสมบัติเด่นๆ ที่พัฒนาขึ้นโดยทีมเทคนิค และนวัตกรรมวัสดุของ Hublot ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความแข็งแกร่งทนทานสูง และการกันรอยขีดข่วนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยยังคงมาพร้อมประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 30 เมตร
ขณะที่หน้าปัดเป็นกระจกแซฟไฟร์ซึ่งถูกเนรมิตให้กลายเป็นหน้าจอทัชสกรีนความละเอียดสูง AMOLED ขนาด 38.0 มิลลิเมตร ซึ่งง่ายต่อการใช้งาน ขณะเดียวกันก็มีความคล้ายกับนาฬิกาจักรกล ที่มีปุ่มกดบนเม็ดมะยมปรับหมุนได้สำหรับเปิดการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ นอกจากนี้ยังติดตั้งด้วยโมดูลอิเล็กทรอนิกส์อันซับซ้อน ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ ภายใน LVMH Group พร้อมทั้งขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Wear OS by Google ซึ่งผ่านการปรับประยุกต์ และเสริมความสมบูรณ์แบบให้ตรงกับความต้องการของ Hublot รวมถึงตอบสนองรูปแบบการใช้จริงๆ ของบรรดาแฟนฟุตบอลได้มากยิ่งขึ้น โดยสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชันที่ออกแบบขึ้นพิเศษ และอุทิศให้กับกีฬาฟุตบอลโดยเฉพาะ ซึ่งช่วยให้เจ้าของนาฬิกาสามารถติดตามการแข่งขันได้อย่างทันเหตุการณ์หรือแบบเรียลไทม์
และท่ามกลางฟังก์ชั่นต่างๆ อันน่าตื่นเต้นของนาฬิการุ่นนี้ แน่นอนว่า ย่อมรวมไปถึงฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องกับทั้งการจับเวลา และแสดงข้อมูลเวลาต่างๆ ของการแข่งขัน โดยนาฬิกาเรือนนี้สามารถแสดงการจับเวลาการแข่งขันแมทช์ต่างๆ ได้ด้วยความแม่นยำโดยระบบจับเวลาอันล้ำสมัย รวมถึงยังสามารถแสดงข้อมูลเวลาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ช่วงเวลาพักครึ่ง การต่อเวลาพิเศษ และสิ้นสุดเวลาการแข่งขันได้ทั้งหมด
รูปแบบหน้าปัดต่างๆ ด้วยสีสัญลักษณ์ของแต่ละทีมชาติ
นอกจากนี้ Big Bang e UEFA EURO 2020™ ยังสามารถแจ้งข้อมูลถึงการให้ใบเตือนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสนาม รวมทั้งการเปลี่ยนตัวผู้เล่น การยิงลูกโทษ และการทำประตู และยังมีตัวเลือกในการชมข้อมูลตัวผู้เล่นของทีม การจัดอันดับต่างๆ ของผู้เล่น และตำแหน่งผู้เล่นบนสนามได้อีกด้วย มากไปกว่านั้น ผู้ใช้งานยังสามารถดาวน์โหลดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกับรูปแบบหน้าปัดต่างๆ ด้วยสีสัญลักษณ์ของแต่ละทีมชาติซึ่งพัฒนาขึ้นพิเศษสำหรับนาฬิกานี้ โดยการดาวน์โหลดง่ายๆ ได้จาก Google Play Store ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความพิเศษที่ไม่สามารถใช้ได้กับนาฬิกาคอนเนคเต็ดรุ่นอื่นๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน
และเพื่อให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น Hublot ยังส่งมอบนาฬิกามาพร้อมกับสายยางสีดำและหัวเข็มขัดสายแบบปรับระดับได้ทำจากไทเทเนียมและเซรามิกสีดำ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้บรรดาแฟนๆ ได้เลือกซื้อสายอื่นๆ เพิ่มเติม กับโทนสีสัญลักษณ์ของทีมที่พวกเขาชื่นชอบ และสามารถถอดเปลี่ยนสายได้เองอย่างง่ายดายด้วยระบบ One-click อันโด่งดังที่พัฒนาและจดสิทธิบัตรโดย Hublot
Big Bang e Referee
ส่วนภายในสนามการแข่งขัน นาฬิกา Hublot ยังสวมบทบาทสำคัญกับการติดตั้งคู่ไปกับผู้ตัดสิน ซึ่งทำหน้าที่ในระหว่างการแข่งขันของรายการนี้ทั้งหมด ด้วยนาฬิกา Big Bang e Referee ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นพิเศษเฉพาะ ทำหน้าที่ช่วยกรรมการผู้ตัดสินในการบริหารเวลาการแข่งขันของแมทช์ต่างๆ รวมถึงการต่อเวลาพิเศษ นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อเข้ากับ goal-line technology และระบบควบคุมด้วยวิดีโอภาพช้า VAR เพื่อการตัดสินที่แม่นยำบนสนาม ไปจนถึงบอร์ดซึ่งใช้โดยผู้ตัดสินคนที่สี่สำหรับการแสดงการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ที่ออกแบบขึ้นพิเศษและถ่ายทอดผ่านสีสันสไตล์สปอร์ตของ Hublot เช่นกัน
ขณะที่ Hublot เองก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาและเดินหน้าเพื่อค้นพบพรมแดนใหม่ๆ แห่งนวัตกรรมเครื่องบอกเวลามาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเสาะหาทุกๆ มิติของเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่จะสามารถนำมาปรับใช้ และผสมผสานเข้ากับเรื่องราวของเรือนเวลา Hublot เสมอ ซึ่งนั่นเองจึงเป็นที่มาของความน่าตื่นเต้นนอกสนามแข่งขันครั้งใหม่ล่าสุด โดยนอกเหนือจากการร่วมสนามจริงของนาฬิกา Big Bang e Referee และนาฬิการุ่นพิเศษสำหรับข้อมือของเหล่าแฟนๆ ฟุตบอลแล้ว นับจากวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา แบรนด์ยังได้เปิดตัวซีรีส์ Podcast ใหม่ที่มีชื่อว่า “Hublot Fusion Podcast” ขึ้น โดยมี Anne-Laure Bonnet นักข่าวรายการกีฬาชาวฝรั่งเศสมาร่วมเป็นพิธีกรและมีการถ่ายทอดทั้งหมด 12 ตอน กับการสัมภาษณ์เหล่าตำนานแห่งกีฬาฟุตบอล รวมไปถึงเพื่อนๆ นักกีฬา และแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของ Hublot อาทิ Kylian Mbappé, Gareth Southgate & Dina Asher-Smith, Didier Deschamps, Ada Hegerberg & Usain Bolt, José Mourinho, Alex Morgan & Dustin Johnson
คุณค่าแห่งชัยชนะอันเป็นสากลทั้ง 12 ข้อของการแข่งขันกีฬา
และปิดท้ายรายการด้วย Pelé ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2021 โดย Podcast แต่ละตอนนี้ยังมุ่งเน้นไปที่การแสดงออกถึงคุณค่าแห่งชัยชนะอันเป็นสากลทั้ง 12 ข้อของการแข่งขันกีฬา นั่นคือ solidarity, union, passion, commitment, inclusion, equality, friendship, justice, respect, fair play, tolerance และ sharing ผ่านประสบการณ์และเรื่องราวอันน่าสนใจจากเหล่านักกีฬาระดับตำนาน โดยแฟนๆ ของพวกเขาสามารถเช็คตารางการเผยแพร่และรับฟัง podcast ตอนต่างๆ นี้ได้ทาง https://www.hublot.com/en-th/fusion-podcast และนอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งการริเริ่มครั้งใหม่ที่สำคัญ นั่นคือการที่ลูกค้า 200 ท่านแรก ที่ซื้อนาฬิกา Big Bang e และร่วมเป็นหนึ่งใน Hublotista community จะได้รับโทเคนหรือ NFT บรรจุไว้ด้วยการสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งที่ตัดตอนมาจากหนึ่งในพอดแคสต์ตอนต่างๆ ของ “Hublot Fusion Podcast” และเจ้าของโทเคนซึ่งพัฒนาโดย ConsenSys บริษัทซอฟแวร์ Ethereum ชั้นนำบนมาตรฐาน ERC-1155 เหล่านี้ยังสามารถแลกเปลี่ยนได้บนแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับทางการค้าระดับโลกของ NFT เช่นกัน
ส่วนนาฬิกาคอนเนคเต็ด Hublot Big Bang e UEFA EURO 2020™ ในจำนวนจำกัดพิเศษเพียง 1,000 เรือนนี้ จะมีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ Hublot Boutiques และนับเป็นการตอกย้ำอีกครั้งถึงบทบาทของ Hublot ที่ยังคงอุทิศอย่างมุ่งมั่นให้กับการสร้างสรรค์แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูง (Haute Horlogerie)
ด้วยวิสัยทัศน์และอนาคตซึ่งผสมผสานเข้ากับการร่วมบทบาทสำคัญระดับโลกต่างๆ ซึ่งนั่นรวมไปถึงโลกแห่งกีฬาและฟุตบอล ทั้ง FIFA World Cup™, UEFA Champions League™, UEFA EURO™ และผสานความร่วมมือกับเหล่าแอมบาสซาเดอร์ชั้นยอดของยุคนี้ ทั้ง Kylian Mbappé และ Pelé ผู้เป็นทั้งดาวเด่นและตำนานแห่งวงการฟุตบอลระดับโลกอีกด้วย
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF Hublot
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
Music: John_Yasutis from Pixabay
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่