เผยการผจญภัยครั้งใหม่ใน Hermès story ที่ถ่ายทอดผ่านเรือนเวลาสองรุ่นจากคอลเลกชันซิกเนเจอร์อย่าง Arceau ของ Hermès Horloger
Hermès: The Arceau Le Temps Vovageur ไม่หยุดยั้งในการขับเคลื่อนพลังแห่งจินตนาการและการสร้างสรรค์ผลงาน ที่ตอกย้ำถึงจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยไม่สิ้นสุดของเรื่องราวแห่ง Hermès story และครั้งนี้ Hermès Horloger (แอร์เมส ออร์โลเฌอร์) ได้เลือกที่จะถ่ายทอดผ่านสองเรือนเวลาใหม่จากคอลเลกชัน Arceau ทั้งยังคงความเชื่อมโยงกับชีวิต การเล่น และจินตนาการ
Hermès story เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่เน้นย้ำถึงการรังสรรค์ซึ่งความใกล้ชิด ความสุขุมละเอียดอ่อน และสัมผัสอันงดงาม พร้อมทั้งแสดงออกถึงความเชี่ยวชาญพิเศษ ที่ครั้งนี้ได้ถ่ายทอดมาสู่นาฬิกาสองรุ่นใหม่ของ Arceau Hermès story กับเรื่องราวชวนสนุกสนาน ที่สะท้อนถึงความนิยมในปัจจุบัน เช่นการถ่ายภาพแบบเซลฟี (selfies) และการ likes ที่เกิดขึ้นและพบเห็นได้บ่อยๆ ในโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งนั่นได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในการออกแบบหน้าปัดนาฬิกาที่เต็มไปด้วยสีสันและเรื่องราวใหม่ของ Hermès story
นาฬิกาสองรุ่นใหม่ซึ่งประกอบด้วย Arceau Hermès story Marquetry และ Arceau Hermès story Mother of Pearl ทั้งคู่นั้นนับเป็นการหลอมรวมระหว่างศิลปะและหัตถศิลป์ชั้นสูงหลากหลายแขนง และส่วนใหญ่แล้วยังได้รับการสืบทอดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่การสร้างสรรค์ผลงานขึ้นครั้งแรกๆ โดยยังคงกำกับโดยเหล่าศิลปินช่างฝีมือของ Hermès ผู้เปี่ยมด้วยทักษะและความชำนาญเชิงศิลป์ ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคเฉพาะ อย่างงานต่อลายไม้ การวาดภาพย่อส่วน และการแกะสลัก ซึ่งได้นำมาใช้ผสมผสานกัน เพื่อสร้างสรรค์องค์ประกอบอันมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวและสนุกสนาน
ขณะที่ลวดลายและฉากแห่งจินตนาการซึ่งบอกเล่าเรื่องราวได้ในทุกๆ รายละเอียดนี้ ยังผสานเข้ากับอีกหนึ่งตำนานและต้นกำเนิดของการสร้างสรรค์นาฬิกา Arceau นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978 เมื่อ Henri d’Origny เห็นนาฬิกาครึ่งเรือนซ่อนอยู่ใต้ใบไม้ เขารู้สึกสนุกกับความคิดนั้น กับการละจากความสมมาตรอย่างสมบูรณ์ และสร้างภาพการจินตนาการไปถึงนาฬิกา Arceau ของเขาซึ่งมีหูตัวเรือนเพียงด้านเดียว ผนวกกับจินตนาการถึงรูปทรงที่คล้ายกันกับโกลน ชวนให้นึกถึงต้นตำนานการขี่ม้าในฐานะช่างทำอานม้าของ Hermès นาฬิกา Arceau นี้จึงนับเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์อันงดงามแห่งการประดิษฐ์สร้างสรรค์นาฬิกาของเขา
เกือบ 45 ปีต่อมา Arceau ได้หวนกลับมาสวมบทบาทในฐานะเวทีแห่งการสร้างสรรค์และบุกเบิกอีกครั้ง ด้วยฉากเหนือจินตนาการครั้งใหม่ ผ่านผลงาน Arceau Hermès story ในวันนี้ ที่เล่นกับทั้ง “เวลา” และการก้าวอยู่เหนือแฟชั่น ภายใต้ฉากแห่งโลกยุคดิจิทัลในปัจจุบัน โดยนาฬิกาสองรุ่นใหม่รังสรรค์ผ่านทักษะเชิงศิลป์อันเก่าแก่ และเรื่องราวที่ถือกำเนิดมาจากลวดลายดินสอสีของนักออกแบบชาวอังกฤษ John Burton ผู้ซึ่งออกแบบผ้าพันคอไหม Hermès Story ในคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2022 เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ตีความใหม่ต่อการใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ ด้วยศิลปะของการสร้างฉากที่นำไปสู่อาณาจักรเหนือจินตนาการ โดยพรรณนาผ่านการจ้องมองของบรรดาฝูงสัตว์ประจำถิ่นหลากหลายชนิด ที่สร้างทั้งฉากอันสวยงามและอารมณ์สนุกสนาน เพราะสัตว์เหล่านั้นกำลังจ้องมองเพื่อรอหรือถ่ายเซลฟีกันอยู่ เช่น เจ้ายีราฟผูกหูกระต่ายหรูหรา กับนกทูแคนสวมหมวกทรงสูง และเจ้าเต่ากับหมวกใบโปรด อย่างหมวกทรงโบว์เลอร์ที่บ่งบอกความเป็นชาวอังกฤษของ John Burton ส่วนใจกลางฉาก ยังเป็นภาพของนักขี่ม้าผู้สง่างามบนม้าไม้ประดับอัสสาภรณ์วิจิตรสวยงาม
โดยในนาฬิกา Arceau Hermès story ทั้งสองรุ่นได้จับภาพฉากของสัตว์เหนือจินตนาการเหล่านี้ไว้ ทั้งรุ่นแรกของ Arceau Hermès story Marquetry ซึ่งผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 12 เรือน พร้อมหมายเลขกำกับ ที่ถ่ายทอดภาพของเสือด้วยเทคนิคงานต่อลายไม้ จากการผสมผสานของไม้พลัม ทิวลิปวูด มะกอกเทา เมเปิ้ล และไซคามอร์หรือไม้ตระกูลมะเดื่อ รวมแล้วถึง 290 ชิ้นที่ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ พร้อมทั้งย้อมสีและประกอบเข้าด้วยกันทีละชิ้นทีละชิ้นอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเพียงเฉพาะเสือตัวเดียวนี้ต้องใช้เวลาถึงห้าวันในการทำงาน เพื่อมอบความเสมือนจริงและความลุ่มลึกมีมิติของรายละเอียดทั้งหมด เหมือนกันกับภาพอันมีชีวิตชีวาของเหล่าสัตว์ในตำนานที่รายล้อมรอบอยู่ ทั้งผีเสื้อ ฮัมมิงเบิร์ด เต่า และนกยูง ตกแต่งด้วยงานแกะสลักมือ และการวาดด้วยมือลงบนเครื่องหมายทองแบบนำมาติด ถัดออกไป คือกระต่ายและตั๊กแตนตำข้าว ใช้เทคนิควาดภาพย่อส่วนหลายชั้นเพื่อมอบมิติให้กับทุกรายละเอียดอ่อนของภาพ โดยในเรือนเวลารุ่นนี้เผยความสง่างามด้วยตัวเรือนโรสโกลด์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 38.0 มิลลิเมตร และขอบตัวเรือนประดับเพชร 82 เม็ด
ต่างไปจาก Arceau Hermès story Mother of Pearl ผลงานอีกหนึ่งรุ่นแห่งจินตนาการ ซึ่งมาพร้อมกับตัวเรือนไวท์โกลด์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 38.0 มิลลิเมตร รวมถึงขอบตัวเรือนประดับเพชร 82 เม็ด ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 24 เรือน พร้อมหมายเลขกำกับ ที่รุ่นนี้ได้ถ่ายทอดฉากอันสนุกสนานของเหล่าสัตว์ไว้เช่นกัน แต่แตกต่างด้วยเทคนิคการวาดภาพย่อส่วนบนเปลือกหอยมุก ทั้งยังผสมผสานเข้ากับหลากหลายขั้นตอนของการเคลือบเงา ขัดเงา และขัดเรียบด้วยมือ รวมถึงการตกแต่งด้วยชั้นต่างๆ ของสีสันหลากหลายรวมถึง 20 ชั้น ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานยาวนานตลอดแปดวัน เพื่อช่วยเผยเฉดสีที่แตกต่างกันแม้เพียงเล็กน้อย และมอบแสงสะท้อนอันแวววาวสะกดสายตา ตามมาด้วยขั้นตอนของการเผาภายในเตา ที่มอบผลลัพธ์อันงดงามของภาพเจ้าหญิงปรากฏโฉมบนม้าไม้ของเธอใจกลางวงล้อมของผองสัตว์ ทั้งนกทูแคน เต่า นกยูง นกนางแอ่นและกระต่าย ซึ่งต่างก็พร้อมร่วมเฟรมถ่ายเซลฟี ท่ามกลางฉากแห่งชานเมืองอันมีชีวิตชีวา
Arceau Hermès story ทั้งสองรุ่นจับคู่มากับสายหนัง และขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Manufacture Hermès H1912 ทำงานความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 4 เฮิรตซ์ สำรองพลังงานได้ 50 ชั่วโมง ครบด้วยฟังก์ชันแสดงชั่วโมงและนาที รวมถึงสามารถชมการทำงานของกลไกได้ผ่านฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ คงไว้ด้วยประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 3 บาร์ หรือ 30 เมตร
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF HERMÈS
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่