“ฮาร์บิน” ดินแดนสองวัฒนธรรม
เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้เขียนมีโอกาสไปเที่ยว “ฮาร์บิน” เป็นเมืองหลวงของ มณฑลเฮย์หลงเจียง ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลเฮย์หลงเจีย สาธารณรัฐประชาชนจีน อยู่ฝั่งใต้ของแม่น้ำซงหัว คนไทยหลายคนรู้จักในฐานะที่เป็นเมืองแห่งน้ำแข็ง ตอนที่เดินทางไป “ฮาร์บิน” เพื่อนๆ หลายคนถามว่า “จะไปทำไม? หนาวจะตาย”
ก็หนาวจริงๆ เพราะตอนที่ไปคือ อุณหภูมิติดลบ 28 องศาเซลเซียส!
เรียกว่าต้องใส่เสื้อกัน 5-6 ชั้น ตั้งแต่ Heat-Tech ขนสัตว์ สเวตเตอร์ แจ๊กเกต ไปจนถึงต้องแปะแผ่นร้อนทั้งที่ตัว และรองเท้า เรียกว่า “ตัวกลม” กลิ้งไปเลยทีเดียว….ถึงจะหนาวขนาดนั้น แต่ก็ยังไป เพราะ?
ช่วงปลายเดือนธันวาคม-มีนาคม ของทุกปี จะมีเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 7 ของโลก
นอกจากเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งแล้ว “ฮาร์บิน” เป็นดินแดนสองวัฒนธรรม ทั้งวัฒนธรรมจีน และ รัสเซีย เพราะ “ฮาร์บิน” เป็นเมืองชายแดนที่อยู่ติดกับรัสเซีย และ รัสเซียเข้ามามีอิทธิพลในการพัฒนาฮาร์บิน ในช่วงปี พ.ศ. 2441 จากหมู่บ้านเล็กๆ ถูกพัฒนาเป็นเมืองสมัยใหม่จากการสร้างทางรถไฟจีนสายตะวันออก โดยรัสเซีย และ การขยายเส้นทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย ที่เชื่อมจีนกับรัสเซียไปสู่เมืองวลาดีวอสตอค และ เชื่อมเส้นทางไปสู่เมืองท่า Dairen และ ฐานทัพเรือรัสเซีย Port Arthur
จากอิทธิพลของรัสเซียใน “ฮาร์บิน” ทำให้ใน “ฮาร์บิน” มีสถาปัตยกรรมของรัสเซีย ในเมืองหลายแห่ง ที่โดดเด่น คือ โบสถ์ เซนต์โซเฟีย ที่ใช้เวลาในการก่อสร้างนาน 9 ปี โดยสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2475 เป็นโบสถ์คริสต์ นิกายออโธดอกซ์ ที่โดดเด่นอยู่ย่านใจกลางเมือง นอกจากนี้ยังมีคฤหาสน์วอล์กา (Volga Manor) ในหมู่บ้านรัสเซีย ที่จำลองมาจากโบสถ์ St Nicholas ในประเทศรัสเซีย
เรียกว่า มา “ฮาร์บิน” คือมาทั้งจีน และ รัสเซีย ในทริปเดียวกัน…
การเดินทางมาฮาร์บิน ไม่มีสายการบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯไปฮาร์บิน จึงต้องบินแบบต่อเครื่อง โดยบินไป 2ชั่วโมงจากกรุงเทพ ไปกวางโจว จากนั้นเดินทางต่อเครื่องจากกวางโจว ไปฮาร์บิน ใช้เวลาบินอีก 4 ชั่วโมง
พอเท้าแตะแผ่นดิน “ฮาร์บิน” คือ ความหนาวก็แทงทะลุเข้าไปในเสื้อผ้ากันเลยที่เดียว แต่ไหนๆ ก็ ไหนๆ แล้ว เราต้องลุยกันต่อไป…
การเดินทางไปฮาร์บินครั้งนี้ นอกจากการเดินทางไปดูเทศกาลน้ำแข็งในเมืองฮาร์บินแล้ว ยังมีเป้าหมายที่ต้องไปเมืองหิมะ (China Snow Town) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Shuangfeng Forest Farm ของเมืองมู่ตัน ที่อยู่ห่างจากเมืองฮาร์บินประมาณ 300 กิโลเมตร นั่งรถไปประมาณ 8 ชั่วโมง ตอนที่ไปก็ขับไปแวะไป เข้าห้องน้ำเป็นระยะ พอเขียนถึงห้องน้ำ ตอนที่ไปหลายคนบอกห้องน้ำที่ฮาร์บินนี่ไม่ไหว แต่ของจริง ใช้ได้เลยนะ สะอาดกว่าที่คิด แต่อาจจะลำบากสำหรับผู้สูงอายุ เพราะเป็นห้องน้ำแบบนั่งยอง เป็นหลัก มีแบบโถชักโครกน้อย แถมยังมีห้องน้ำในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ถือว่าสะดวกสบายกว่าที่คิด
หลังจากนั่งรถไปเกือบ 8 ชั่วโมง ก็ถึง China Snow Town ก็ “ว้าว” สวยงามเหมือนเมืองในเทพนิยาย กับหิมะหนาเกือบเมตร แถมยังมีร้านขายของ มีการจัดเทศกาลน้ำแข็ง ตอนกลางคืนมีคอนเสิร์ตทุกคืน ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลน้ำแข็งของฮาร์บิน
นอกจาก Snow Town แล้ว ภาพเขียนสิบลี้ เป็นอีกสถานที่ที่อยู่ใกล้กับ Snow Town ขับรถไปประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนที่ทัวร์บอกว่าจะพาไป ก็สงสัยอยู่ ว่าจะไปดูภาพเขียนทำไม ปรากฏว่าพอไปถึง ไม่ใช่ภาพวาด แต่เป็นทัศนียภาพของเส้นทางนี้ ที่สวยงามดุจภาพวาด ต้นไม้ที่ผลัดใบทั้งหมด แล้วมีหิมะขาวโพลนเต็มต้นไม้ส่องประกายระยิบระยับตัดกับท้องฟ้าสีสดใส ทำเอาทั้งคณะร้องว้าวไม่หยุดกันเลยทีเดียว
เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน
หลังจากไปเที่ยว Snow Town นั่งรถกลับเข้ามาที่เมือง ฮาร์บิน เพื่อชม 2 งาน งานแรก เป็นเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งนานาชาติที่ เกาะพระอาทิตย์ งานนี้มีงานแกะสลักน้ำแข็งของหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย บริเวณโดยรอบงานมีการละเล่นหิมะและน้ำแข็งทั้งงาน
ในส่วนของเทศกาลน้ำแข็งนอกจากเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งนานาชาติที่เกาะพระอาทิตย์แล้ว ยังมีเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งระดับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์บิน ปีนี้นักศึกษาไทยได้รับสองรางวัลรางวัลชนะเลิศ กับรองชนะเลิศ เป็นงานแกะสลักที่ผสมผสานวัฒนธรรมไทย-จีนอย่างลงตัว
ส่วนอีกงานที่ห้ามพลาดสำหรับการมาเที่ยวฮาร์บิน คือ เทศกาลน้ำแข็ง ที่ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง จากการตัดน้ำแข็งจากแม่น้ำซงหัว มาตกแต่งเป็นสถาปัตยกรรมน้ำแข็ง บนลานกว้างขนาดใหญ่ใจกลางเมืองฮาร์บิน กันเลยที่เดียว
ตลอด 7 วัน 6 คืนที่ฮาร์บิน ทำให้เปลี่ยนความคิดเรื่องเมืองจีนไปได้เยอะเลย จีนตอนนี้พัฒนาไปไกลมาก ระบบอำนวยความสะดวก ต่างๆ ถือว่าสะดวกมาก ส่วนเรื่องเงินที่ใช้ในการซื้อของที่จีนการใช้ Application Alipay ถือว่าสะดวก แต่ใช้เงินสดก็ยังใช้ได้อยู่
ใครอยากไปฮาร์บิน ช่วงเทศกาลน้ำแข็งปีหน้าห้ามพลาด ถึงจะหนาวแต่ก็สวยมาก เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ต้องไปครั้งหนึ่งในชีวิต
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF แก้วพาเที่ยว
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
