ในปีนี้ Grand Seiko นำแรงบันดาลใจจากป่าต้นเบิร์ชสีขาวมารังสรรค์เป็นเรือนเวลารุ่นใหม่ Masterpiece Hand-Engraved Spring Drive SBGZ009 เผยความสมบูรณ์แบบของงานหัตถศิลป์ที่สวยงาม ภายใต้มาตรฐานระดับสูงสุด
ไม่ไกลจากเมืองชิโอจิริ อันเป็นที่ตั้งของ Shinshu Watch Studio (ชินชู วอทช์ สตูดิโอ) โรงงานผลิตกลไก Spring Drive และ กลไกควอทซ์คุณภาพสูงของ Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) มีอาณาบริเวณป่าต้นเบิร์ชสีขาวที่กว้างใหญ่อยู่ ณ เชิงเขาทางตอนเหนือของภูเขายัตสึกะทาเคะ ป่าต้นเบิร์ชดังกล่าวนี้ รวมถึงบรรยากาศของธรรมชาติอันงดงามในฤดูหนาว มักสร้างแรงบันดาลใจต่อการสร้างสรรค์นาฬิกาของ Grand Seiko เรื่อยมา
โดยในปีนี้ Grand Seiko นำแรงบันดาลใจจากป่าต้นเบิร์ชสีขาวมารังสรรค์เป็นเรือนเวลารุ่นใหม่ Masterpiece Hand-Engraved Spring Drive SBGZ009 (มาสเตอร์พีซ แฮนด์ เอนเกรฟด์ สปริง ไดร์ฟ SBGZ009) เผยความสมบูรณ์แบบของงานหัตถศิลป์ที่สวยงาม ภายใต้มาตรฐานระดับสูงสุดที่ Grand Seiko กำหนดไว้ในการสร้างผลงานชิ้นเอกของตน
รังสรรค์พื้นหน้าปัดสีเงินและตัวเรือนขนาด 38.5 มิลลิเมตร ด้วยวัสดุแพลทินัม 950 สะท้อนความงามของผืนป่าของต้นเบิร์ชสีขาว ด้วยการแกะสลักและขัดแต่งจากฝีมือของช่างแกะสลักและช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญจาก Micro Artist Studio (ไมโคร อาร์ทิส สตูดิโอ) สตูดิโออันเป็นส่วนหนึ่งของ Shinshu Watch Studio ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2002 เพื่อการสร้างสรรค์ผลงานนาฬิกาเอดิชันพิเศษโดยเฉพาะ
ขั้นตอนในการรังสรรค์ความงดงามของตัวเรือนแพลทินัมเริ่มด้วยวิธีการขัดแต่งที่เรียกว่า Zaratsu (ซารัตสึ) ให้เกิดพื้นผิวที่มีความเงางามดุจกระจก จากนั้นตัวเรือนแต่ละชิ้นจะถูกสลักตกแต่งด้วยมืออย่างพิถีพิถันให้เกิดร่องยาวแต่ละแนวขึ้นโดยช่างแกะสลักทักษะสูง ซึ่งร่องแต่ละร่องได้ทำให้เกิดเป็นลักษณะราวกับทะเลแห่งเหล่าต้นเบิร์ชสีขาว ในรูปแบบเช่นเดียวกับลายบนหน้าปัดอย่างกลมกลืนและต่อเนื่อง
พื้นหน้าปัดมาในรูปแบบต้นเบิร์ชสีขาวแห่งชินชู ยังคงเป็นลวดลายที่เหล่าแฟนๆ ของ Grand Seiko คุ้นเคยกันดี ทั้งนี้หน้าปัดของผลงานเรือนเวลารุ่นใหม่นี้ มีโทนสีที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยและมีพื้นผิวที่ดูมีความเป็นโลหะมากขึ้น ทำให้เกิดประกายอย่างละเอียดเมื่ออยู่ภายใต้แสง เข็มนาฬิกาแสดงชั่วโมงและนาที รวมถึงมาร์กเกอร์หลักชั่วโมง ผลิตจากไวท์โลด์ 14K ตัดแต่งเจียระไนเหลี่ยมราวกับเพชร จัดวางลงบนหน้าปัดด้วยมืออย่างบรรจง เข็มวินาทีกลางหน้าปัดนำเสนอในโทนสีเทา เครื่องหมายรูปดาวที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา แสดงถึงการใช้หลักชั่วโมงที่เป็นทองคำแท้ อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของ Grand Seiko มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960s
สามารถแสดงเวลาได้อย่างราบรื่น อันเป็นผลจากการใช้กลไกสปริงไดรฟ์แบบไขลาน Cal.9R02 ที่ผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถันและเปิดตัวขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2019 โดยมีความโดดเด่นที่ความสามารถในการสำรองพลังงานได้นาน 84 ชั่วโมง จากการใช้ตลับลานแบบ Dual Spring Barrels (ดูอัล สปริง บาร์เรล) ซึ่งมีสปริงลาน 2 ชุด ติดตั้งขนานกันอยู่ภายในตลับลานชิ้นเดียว รวมถึงระบบ Torque Return System (ทอร์ค รีเทิร์น ซิสเต็ม) มอบความแม่นยำในระดับ 1 วินาทีต่อวัน
นอกจากประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยมแล้ว Cal.9R02 เผยถึงมรดกแห่งการผลิตเครื่องบอกเวลาในวิถีแห่งความประณีตผ่านชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ตลับลานที่ได้รับการตกแต่งเป็นรูปดอก Campanula (แคมปานูลา) หรือ ดอกระฆัง อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองชิโอจิริ รวมถึงการตกแต่งสะพานจักรด้วยมืออันมีบริเวณขอบขัดเงา ตัดกับการตกแต่งแบบแฮร์ไลน์ที่เป็นเส้นละเอียดบนพื้นผิวส่วนอื่นๆ แผ่นป้ายทอง 18K ที่ติดตั้งอยู่บนสะพานจักรชิ้นล่างถูกสลักข้อความ “Micro Artist” เอาไว้ โดยสามารถปรับเปลี่ยนข้อความบนแผ่นป้ายนี้ได้ หากเจ้าของนาฬิกาต้องการ
ประกอบเข้ากับสายหนังจระเข้พร้อมตัวล็อกแพลทินัม 950 แบบบานพับ 3 ทบ ปลดล็อกด้วยปุ่มกด นาฬิการุ่นนี้จะวางจำหน่ายในแบบจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือนที่ Grand Seiko Boutique ในเดือนมิถุนายน 2023
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF GRAND SEIKO
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon