Grand Seiko เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ Asia Pacific Limited Edition (Washi) ที่ได้แรงบันดาลใจจากวาชิ กระดาษสาญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) นาฬิกาเรือนหรูสัญชาติญี่ปุ่น เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ Asia Pacific Limited Edition (Washi) ที่ได้แรงบันดาลใจจากวาชิ กระดาษสาญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โดยเอเชียแปซิฟิก – จังหวัดอิวาเตะแหล่งที่ตั้งของ Grand Seiko Studio Shizukuishi (แกรนด์ ไซโก สตูดิโอ ชิสุกุอิชิ) ศิลปะงานฝีมือญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมคือความภาคภูมิใจอันยาวนานที่ได้รับการอนุรักษ์โดยช่างฝีมือ รวมถึงศิลปะกระดาษสาแบบวาชิ ซึ่งมีประวัติสืบทอดทำกันมาถึง 800 ปี
โดยช่างฝีมือที่ผลิตกระดาษวาชิ ด้วยเทคนิคอันเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่ง Washi (วาชิ) แต่เดิมทำจากโคโซ (ต้นหม่อน) นำมาใช้เป็นกระดาษสาบนโคมไฟ และเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งภายใน ดังที่เห็นได้จากฉากโชจิ โดยศิลปะวาชิเป็นการถ่ายทอดความละเอียดอ่อนและสะท้อนถึงความงามญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
เป็นเวลาหลายศตวรรษที่วัฒนธรรมญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับแสงและเงา นาฬิการุ่น SBGJ283 ถ่ายทอดผ่านตัวเรือน Ever-Brilliant Steel ในเคสดีไซน์แบบ 44GS ขนาด 40 มิลลิเมตร หนา 14.04 มิลลิเมตร สะท้อนความงดงามแบบญี่ปุ่นด้วยหน้าปัดสีขาวนวลบนลวดลายกระดาษแบบวาชิ เพลิดเพลินไปกับเล่นแสงและเงาบนลวดลายอันละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรังสรรค์ของ Grand Seiko ทุกเรือน ในขณะที่เข็ม GMT สีแดงสะท้อนให้เห็นถึงผลไม้สีแดงของ Kozo ซึ่งตัดกับพื้นหน้าปัดสีอ่อนได้อย่างสวยงามลงตัว หน้าปัดติดตั้งกระจกแซฟไฟร์คริสตัลแบบโค้งคู่
นาฬิกาเรือนนี้ติดตั้งด้วยกลไก Calibre 9S86 ขับเคลื่อนระบบ Hi-beat 36000 ที่ให้ความแม่นยำ +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน ผสานฟังก์ชัน GMT จากการออกแบบรุ่นดั้งเดิมของตัวเรือน 44GS เริ่มเมื่อปีค.ศ.1967 ซึ่งเป็นการวางรากฐานของภาษาการออกแบบของ (Grand Seiko Style) ด้วยการนำอุดมคตินี้มาตีความแบบร่วมสมัยในการประยุกต์ออกแบบพื้นผิวกระจกที่เรียบและปราศจากการบิดเบือนของเงาสะท้อนบนตัวเรือน และนาฬิกาเรือนนี้สามารถบอกเวลาได้สองประเทศพร้อมกัน โดยสามารถปรับตั้งเข็มแบบ 24 ชั่วโมงไปยังเวลาของเขตเวลาที่ต่างออกไปได้โดยไม่กระทบต่อความแม่นยำในการบอกเวลาของนาฬิกา สามารถกันน้ำ 10 บาร์ (100 เมตร)
เสริมความสง่าด้วยสายที่ทำจาก Ever-Brilliant Steel ต้านทานต่อการกัดกร่อนได้มากที่สุด ซึ่งเป็นโลหะผสมสเตนเลสที่มีค่า PREN (Pitting Resistance Equivalent Number) สูงกว่าเกรดสตีลที่ใช้ในนาฬิการะดับไฮเอนด์ส่วนใหญ่ถึง 1.7 เท่า และสายหนังสีน้ำตาลเย็บตะเข็บด้านข้างด้วยด้ายสีชมพูซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากช่อดอกไม้ตัวเมียของต้นหม่อน
รังสรรค์จำนวน 150 เรือนทั่วโลก สัมผัสความเรียบสง่าของนาฬิการุ่นลิมิเต็ด เอดิชันนี้ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2568 เฉพาะบูติกของ Grand Seiko และร้านค้าที่ได้รับอนุญาตทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF GRAND SEIKO