Girard-Perregaux และ Aston Martin เผยโฉมเรือนเวลารุ่นที่สองแห่งความร่วมมือในรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตร่วมสมัยของ Laureato Chronograph Aston Martin Edition
Girard Perregaux: Laureato Chronograph Aston Martin Edition หากยังจำกันได้ เมื่อต้นปีค.ศ. 2021 ที่ผ่านมา แบรนด์เรือนเวลาเก่าแก่ 230 ปี Girard-Perregaux (จีราร์ด-แพร์โกซ์) ได้ประกาศถึงความร่วมมือครั้งสำคัญกับค่ายยนตรกรรมอังกฤษระดับโลกอย่าง Aston Martin พร้อมทั้งได้เปิดตัวนาฬิการุ่นแรกจากสัมพันธภาพครั้งนี้มาแล้วในรุ่น Girard-Perregaux Tourbillon with Three Flying Bridges – Aston Martin Edition ซึ่งเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั้งจากผู้ซึ่งหลงใหลในเรื่องราวแห่งเรือนเวลาจักรกลและชื่นชอบในนวัตกรรมแห่งยนตรกรรม
และวันนี้ ทั้งคู่ก็เดินทางมาสู่การเปิดตัวผลงานแห่งความร่วมมือรุ่นที่สองใน Laureato Chronograph Aston Martin Edition โดยครั้งนี้เลือกนำเสนอผ่านดีไซน์และตำนานอันเป็นต้นตำรับของนาฬิกา Laureato พร้อมทั้งผสมผสานด้วยรหัสและรายละเอียดที่ได้มาจากทั้งความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์นาฬิกาและเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมของ Aston Martin รวมไปถึงการไม่ลืมที่จะแทรกไว้ด้วยรายละเอียดการตกแต่งที่บอกเล่าได้ถึงที่มาและประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของทั้งคู่
จุดเด่นของ Laureato Chronograph Aston Martin Edition อย่างแรกนั้นคงต้องยกให้กับหน้าปัดดีไซน์สีเขียวและตกแต่งด้วยลวดลายพิเศษ ที่มีเรื่องราวเชื่อมโยงถึงโลกแห่งการแข่งขันความเร็วอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อย้อนเวลากลับไปในช่วงต้นยุค 1900s ที่สีสันต่างๆ ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์อันเปี่ยมด้วยความหมายมากมายบนสนามแข่งขันความเร็วจนถึงบนบรรดารถแข่งระดับตำนานมากมาย หนึ่งในนั้นคือการใช้สีเป็นสัญลักษณ์เพื่อช่วยแยกความแตกต่างระหว่างทีมรถแข่งที่มาจากหลากหลายประเทศและสัญชาติ ไปจนถึงการใช้สีจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำของแต่ละทีมแข่งขัน เช่น รถแข่งจากฝรั่งเศสมักปรากฏตัวภายใต้สีน้ำเงิน ขณะที่รถอิตาลีมาพร้อมสีแดงเด่น ส่วนรถเบลเยียมมีเอกลักษณ์ของสีเหลือง รถเยอรมันกับโทนสีเงิน และรถอังกฤษด้วยเอกลักษณ์ของเฉดสีเขียวที่เรียกกันว่า British Racing Green ซึ่งแน่นอนว่า Aston Martin ที่เป็นรถสัญชาติอังกฤษ ก็ได้รับเอาสีเขียวนี้มาใช้เป็นสีสัญลักษณ์ในรถแข่งของตน เช่นตัวอย่างที่มีชื่อเสียงสูงสุดของรถ Aston Martin DBR1 ซึ่งคว้าชัยชนะจากการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ในปีค.ศ. 1959 มาได้สำเร็จ และจากรถชื่อดังนั้นสีเขียวสัญลักษณ์นี้ก็ยังคงถูกใจในบรรดารถแข่งของ Aston Martin เรื่อยมา
นั่นเองที่เป็นที่มาของหน้าปัดเฉดสีเขียวโดดเด่นของนาฬิกา Laureato Chronograph Aston Martin Edition ผลงานรุ่นที่สอง ภายใต้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของ Aston Martin Lagonda ซึ่งหน้าปัดของรุ่นนี้ได้อาบด้วยการใช้เฉดสีเขียวซึ่งกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่า “Aston Martin Green” โดยสร้างสรรค์ขึ้นด้วยวิธีการวาดสีลงบนหน้าปัดอย่างบรรจงและพิถีพิถันถึง 21 ครั้ง ก่อนจะสร้างรูปเป็นการวาดสีถึง 7 ชั้นต่างๆ และให้ผลลัพธ์ของภาพหน้าปัดสีเขียวอันสวยเด่นสะดุดตา ขณะที่อิทธิพลจากโลกแห่งยานยนต์และเอกลักษณ์ของ Aston Martin นั้นยังได้ซ่อนอยู่ภายใต้เทคนิคการแรเส้นเงาขวาง หรือ cross-hatching ซึ่งเป็นลวดลายคล้ายเพชรที่ปรากฏให้เห็นเป็นครั้งแรกจากโลโก้ ‘AM’ ของผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ (ระหว่างปีค.ศ. 1921 – 1926) ซึ่งลวดลายนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเบาะที่นั่งสไตล์ควิลท์ (quilted seats) ที่พบได้ในบรรดารถสปอร์ตสมรรถนะสูงอีกมากมายจากค่ายรถอังกฤษนี้เช่นกัน
ส่วนหัวใจของนาฬิการุ่นที่สองนี้ยังคงเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันระหว่างความร่วมมือ องค์ความรู้ ประสบการณ์ และวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ของทั้งสองพันธมิตรที่ถือว่าผนึกความร่วมมือได้อย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และนำมาสู่การรังสรรค์เรือนเวลารุ่นสองแห่งความภาคภูมิใจสำหรับทั้งคู่ด้วย ซึ่งการแสดงออกเหล่านี้ได้เผยให้เราได้เห็นผ่านรายละเอียดมากมายที่ปรากฏอย่างแยบยลในเรือนเวลารุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น เข็มชี้ชั่วโมงและนาทีที่สลักเสลาแบบโอเพนเวิร์ก (openworked) บางส่วน ซึ่งถูกออกแบบขึ้นอย่างมีวัตถุประสงค์ในการย้ำเตือนให้ได้หวนนึกไปถึงบรรดารถแข่งที่พยายามหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุที่มากเกินความจำเป็น เพื่อมอบซึ่งสมรรถนะที่เหนือกว่า เช่นกันกับเข็มวินาทีกลางจับเวลาโครโนกราฟที่บรรจุไว้ด้วยตุ้มถ่วงบนปลายอีกด้านหนึ่ง ซึ่งดูคล้ายกันกับใบมีดด้านข้างกระโปรงที่พบได้ครั้งแรกในรถ Aston Martin DB4 รุ่นปีค.ศ. 1958 เป็นต้น
นอกจากนี้ บนลวดลายและเฉดสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์ของหน้าปัดกลางยังเผยความสง่างามผ่านหน้าปัดย่อยอีกสามวง สำหรับทำหน้าที่จับเวลาโครโนกราฟสองวงและหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีเล็กหนึ่งวง โดยแต่ละหน้าปัดย่อยนี้ยังบรรจุด้วยเข็มชี้แบบโอเพนเวิร์กบางส่วน ซึ่งรับไปกับงานออกแบบของเข็มชี้ชั่วโมงและนาทีอย่างลงตัว ขณะที่พื้นที่ส่วนกลางของแต่ละหน้าปัดย่อยยังตกแต่งด้วยลวดลายแบบก้นหอย (snailed) รวมทั้งการแสดงวันที่ที่จัดวางไว้ ณ ตำแหน่ง 4.30 นาฬิกา ซึ่งนับเป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับทุกฟังก์ชั่นของนาฬิกาได้ทั้งหมด
หน้าปัดดีไซน์สปอร์ตก็ต้องลงตัวมากับตัวเรือนสไตล์สปอร์ตด้วยเช่นกัน ซึ่งรุ่นนี้ได้หยิบเอาคุณสมบัติและความโดดเด่นของนาฬิการุ่นไอคอนิกด้านดีไซน์อย่าง Laureato ที่เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 1975 แต่ยังคงความร่วมสมัยและทันสมัยมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งในรุ่นใหม่นี้มาพร้อมตัวเรือนที่มีลูกเล่นของการผสมผสานระหว่างรูปทรง ซ่อนไว้ด้วยความโค้งและเหลี่ยมด้าน ไปจนถึงเส้นสายและงานขัดตกแต่งที่ตัดกันอย่างประณีต โดยเฉพาะการให้ผลลัพธ์เป็นการเล่นกับแสงสะท้อนได้อย่างสวยเด่น เหมือนกับตัวถังของเหล่ายอดยนตรกรรมอันโด่งดัง
ส่วนฝาหลังของนาฬิกาติดตั้งด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ สำหรับเปิดโชว์ให้เห็นการทำงานของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติผลิตขึ้นภายในโรงงานของตนเองกับ Calibre GP03300-0141 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่นาฬิกา Laureato Chronograph จะมาพร้อมด้วยฝาหลังแบบเปิดเปลือยนี้ ส่วนกลไกที่ต่อยอดมาจาก Calibre GP03300 นี้ยังผ่านการตกแต่งด้วยลวดลาย Côtes de Genève ทั้งแบบลายวงกลมและแถบตรง รวมถึงขอบของช่องโพรงขัดเงา สกรูทำให้เป็นสีน้ำเงินโดยความร้อน และลวดลาย perlage พร้อมทั้งประทับไว้ด้วยสัญลักษณ์อินทรี ที่บ่งบอกถึงการเป็นกลไกคาลิเบอร์ผลิตในโรงงานของตนเองหรือเครื่อง in-house นั่นเอง
ความพิเศษของนาฬิกาสปอร์ตร่วมสมัยสำหรับนักสะสมตัวยงนี้ยังรวมไปถึงตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42.0 มิลลิเมตร ที่ผลิตจากสเตนเลสสตีล 904L ซึ่งเป็นเกรดพิเศษของสตีลที่ใช้กันแพร่หลายน้อยกว่า 316L และมีราคาสูงกว่า แต่ให้ผลลัพธ์จากคุณสมบัติเด่นๆ ที่เหนือกว่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นความทนทานต่อการสึกกร่อนที่มากกว่า กันรอยขีดข่วนได้ดียิ่งขึ้น และมีความสว่างของสตีลที่มากกว่า จึงมีรูปลักษณ์ที่ดูหรูหรายิ่งกว่า ซึ่งสายสเตนเลสสตีลของนาฬิการุ่นใหม่นี้ก็ทำมาจากสเตนเลสสตีล 904L เช่นกัน
เรียกได้ว่าทั้งในแง่งานออกแบบของผลงานรุ่นนี้ บวกกับการพัฒนาด้านสมรรถนะและฟังก์ชั่นนั้นได้รับการผสมผสานได้อย่างลงตัวและให้ผลลัพธ์เป็นความสวยงามที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซ่อนอยู่อีกมากมาย แต่สำหรับนักสะสมเรือนเวลาจักรกลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเช่น Girard-Perregaux และผู้ที่หลงใหลในยอดยนตรกรรมอย่าง Aston Martin นั้นอาจต้องรีบจับจองกันสักหน่อย เพราะ Laureato Chronograph Aston Martin Edition รุ่นที่สองตัวแทนความสัมพันธ์พันธมิตรคู่นี้จะผลิตขึ้นเพียงจำนวนจำกัด 188 เรือนทั่วโลกเท่านั้น
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF GIRARD-PERREGAUX
PHOTOS: Classic convertible roadster martin by Roman Boed from PxHere
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
