สะท้อนคอนเซปต์ The Art of Fusion ที่มีร่วมกันระหว่าง Hublot และเจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ในฐานะ Friend of Hublot ของประเทศไทย ที่ทั้งคู่ได้ร่วมกันเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่อย่าง Big Bang Integrated Ceramic
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งคู่แห่งความร่วมมือระหว่างแบรนด์นาฬิกาชื่อดังอย่าง Hublot (อูโบลท์) และศิลปินและนักแสดงมากด้วยความสามารถ พร้อมทั้งประสบความสำเร็จบนเส้นทางบันเทิง เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ หรือเจมมี่เจมส์ ที่ล่าสุดได้ก้าวมาสู่การเป็น Friend of Hublot ของประเทศไทย ทั้งยังได้ร่วมเปิดตัวนาฬิการุ่นไอคอนิกใหม่ของ Hublot ที่สะท้อนถึงคอนเซปต์ The Art of Fusion ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างในผลงานรุ่น Big Bang Integrated Ceramic ซึ่งนำเสนอด้วย 4 เฉดสีสไตล์โมโนโครม และวัสดุแบบชิ้นเดียว (monoblock) และชนิดเดียว (monomaterial) ทั้งในรุ่น Blue Indigo, Sky Blue, Sand Beige และ Jungle Green ซึ่งแต่ละรุ่นเหล่านี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 250 เรือน
อย่างที่ทราบกันดีว่า ก่อนหน้านี้ Hublot ได้ร่วมงานกับบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในหลากหลายวงการมาแล้วมากมาย ซึ่งต่างก็มีเอกลักษณ์และความโดดเด่น รวมถึงความสามารถในแต่ละสาขาเฉพาะของตน พร้อมทั้งถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความกล้าที่จะแตกต่าง และพัฒนาตนเองให้ก้าวขึ้นไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จเสมอ ซึ่งนั่นยังสอดคล้องกับปรัชญาและแนวทางการทำงานที่ว่า ‘Be First, Unique and Different’ ของ Hublot ที่แสดงออกภายในผลงานสร้างสรรค์และความร่วมมือกันกับพันธมิตรอีกมากมาย โดยเฉพาะพันธมิตรด้าน Art and Music ที่แบรนด์ได้ทำงานร่วมมือกับศิลปินชื่อดัง อย่าง Takashi Murakami ศิลปินป๊อปอาร์ตชาวญี่ปุ่นเจ้าของผลงานดอกมุรากามิอันเลื่องชื่อ หรือ Samuel Ross ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ผู้มีความคิดสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด ตลอดจน Sang Bleu หรือ Maxime Plescia-Büchi ศิลปินผู้สร้างสรรค์ลายสักอันทรงพลัง และ Richard Orlinski ศิลปินนักประติมากรรมที่มีความโดดเด่นของผลงานไม่เหมือนใคร เช่นเดียวกับความร่วมมือกับ DJ Snake โปรดิวเซอร์นักแต่งเพลงระดับโลก และ Lay Zhang ศิลปินและนักแสดงหนุ่มผู้มีความสามารถรอบด้าน
และนับเป็นข่าวดีที่ในประเทศไทยและในปีนี้ Hublot ได้เปิดตัว Friend of Hublot อย่าง เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ หรือเจมมี่เจมส์ พร้อมทั้งเผยโฉมแคมเปญ “Big Bang Integrated” ด้วยนาฬิกาไอคอนิกรุ่นล่าสุดใน Big Bang Integrated Ceramic ด้วยความโดดเด่นของดีไซน์ลักชัวรีสปอร์ต รวมถึงเสน่ห์ของสายนาฬิกาแบบผสานที่ลงตัวเข้ากับโครงสร้างสถาปัตยกรรมตัวเรือน ซึ่งก่อนหน้านี้ในปีค.ศ. 2020 Hublot ได้เคยเปิดตัว Big Bang กับเวอร์ชันสายแบบผสาน หรือ integrated bracelet มาแล้ว และถือได้ว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยจากเสียงตอบรับที่ดี ด้วยเพราะความสะดวกสบายและความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวของนาฬิกาที่ตอบโจทย์ความต้องการเรือนเวลาที่คล่องตัวรับกับไลฟ์สไตล์แอคทีฟยุคใหม่ และในรุ่นใหม่นี้ยังโดดเด่นด้วยนวัตกรรมวัสดุเซรามิกสีที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน และมอบบุคลิกความสวยงามที่แตกต่าง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง
โดยในนาฬิการุ่นล่าสุดทั้ง 4 สีโมโนโครมสุดโฉบเฉี่ยวล้ำสมัยของ Big Bang Integrated Ceramic ยังเป็นการถ่ายทอดถึงตัวแทนของธาตุต่างๆ ทั้ง WATER (น้ำ), EARTH (ดิน) และ WOOD (ไม้) ที่เป็นแรงบันดาลใจในการเดินทางรอบโลกผ่านสีสันต่างๆ ของ Hublot และนำมาสู่การสร้างสรรค์ผลงานแห่งเฉดสีเฉพาะ อย่าง Jungle Green ที่มาจากป่าเขตร้อน หรือ Blue Indigo จาก Majorello Garden และท้องถนนแห่ง Chefchaouen ในโมร็อกโก จนถึง Blue City of Jodhpur เมืองสีน้ำเงิน/สีฟ้าแห่งโชธปุระในรัฐราชสถาน
ขณะที่ Sand Beige ถ่ายทอดพลังแห่งผืนทะเลทราย และชายหาดของทะเลแคริบเบียน และ Sky Blue จากทะเลใต้ ซึ่งทั้งหมดนี้นำเสนอผ่านนวัตกรรมวัสดุเซรามิกของ Hublot โดยผ่านเทคโนโลยีการผลิตเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและกันรอยขีดข่วน ทั้งยังเติมเสน่ห์ด้วยความเข้มข้นของสี ขณะที่ยังคงความมีน้ำหนักเบา และคุณสมบัติเด่นๆ อย่างความสะดวกสบายในการสวมใส่และสัมผัสกับผิว ด้วยค่าการนำความร้อนต่ำและไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้
นำเสนอด้วยตัวเรือนสุดปราดเปรียวคล่องแคล่ว ด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42.0 มิลลิเมตร และหนา 13.45 มิลลิเมตร ที่รับกับสายเซรามิกแบบผสาน ประกอบแบบสามแถว รวมถึงข้อสายผ่านการขัดแต่งและขัดขอบลบมุมอย่างประณีต ทั้งยังสลับระหว่างพื้นผิวขัดเงาและขัดด้านแบบซาติน เพื่อเสริมมิติและเล่นกับแสงสะท้อนได้อย่างสวยงาม ประกอบคู่ด้วยหัวเข็มขัดสายแบบบานพับทำจากไทเทเนียมและปรับระดับได้
ส่วนภายในขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติฟลายแบ็กโครโนกราฟ HUB1280 UNICO ด้วยงานดีไซน์ที่บางลง กับสถาปัตยกรรมโครงสร้างใหม่ ซึ่งง่ายต่อการประกอบยิ่งขึ้น ทั้งยังเสริมคุณสมบัติด้านฟังก์ชันและการอ่านค่าได้อย่างชัดเจนแม่นยำ โดยสำรองพลังงานได้นาน 72 ชั่วโมง ด้วยการทำงานความถี่ 4 เฮิรตซ์ หรือ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ภายในซับซ้อนด้วยชิ้นส่วนประกอบถึง 354 ชิ้น และทับทิม 43 เม็ด คงไว้ด้วยประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 100 เมตร และสมบูรณ์แบบด้วยการแสดงเวลาบนหน้าปัดกลางและหน้าปัดวินาทีเล็ก พร้อมทั้งแสดงวันที่บนช่องหน้าต่าง ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และแสดงผลการจับเวลาโครโนกราฟผ่านหน้าปัดย่อยอย่างแม่นยำ โดยจัดวางอย่างลงตัวบนหน้าปัดกึ่งสเกเลตัน พร้อมทั้งผสานขอบตัวเรือนและฝาหลังเซรามิกตกแต่งด้วยเฉดสีเดียวกันกับตัวเรือนและสายเซรามิกของนาฬิกาแต่ละรุ่น ซึ่งผลิตในจำนวนจำกัดเพียงรุ่นละ 250 เรือนเท่านั้น
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF HUBLOT
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่