Franck Muller เปิดตัวเรือนเวลาชั้นสูง 5 รุ่น สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์อย่างแท้จริง
Franck Muller (แฟรงก์ มุลเลอร์) จัดงาน World Presentation of Haute Horlogerie ประจำปี เปิดตัวเรือนเวลาชั้นสูง 5 รุ่น โดยในครั้งนี้ แบรนด์ได้แนะนำทั้งแนวคิดการออกแบบ ความล้ำหน้าทางเทคนิค และงานฝีมือระดับสูงที่สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Franck Muller อย่างแท้จริง
ด้วยดีไซน์ร่วมสมัยที่ผสานนวัตกรรมอันซับซ้อน เรือนเวลาแต่ละรุ่นเป็นมากกว่าเครื่องบอกเวลา แต่เป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้นำในวงการนาฬิกาชั้นสูงอย่างแท้จริง โดยในงานนี้ได้เปิดตัวทั้งรุ่น Round Triple Mystery, Vanguard Curvex Cut Flower, Vanguard Royal Bauxite, Vanguard Sfumato Slim และรุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน Vanguard Crazy Hour Jisbar ที่ผลิตมาใน 5 วัสดุ ได้แก่ คาร์บอน สตีล ไทเทเนียม แบล็คไทเทเนียม และโรสโกลด์ อย่างละ 50 เรือน
Franck Muller Round Triple Mystery ( ราวด์ ทริเพิล มิสเทรี)




ความดั้งเดิมผสานนวัตกรรมอันโดดเด่น ท้าทายขนบธรรมเนียมการประดิษฐ์เรือนเวลาและกาลเวลา ทุกสิ่งอย่างเริ่มต้นขึ้นด้วยความลึกลับสู่แรงบันดาลใจที่ได้รับจากการรับรู้ถึงกาลเวลาที่ไหลลื่นอย่างไร้ขอบเขต ในการใช้เทคนิคในการออกแบบให้จาน 3 แผ่น เคลื่อนหมุนบอกเวลาคงความแม่นยำ บนตัวเรือนโรสโกลด์หรือไวท์โกลด์ขนาด 39 มิลลิเมตร ถ่ายทอดความงดงามของประติมากรรมเข้ากับความประณีตของการสร้างกลไก เพชรน้ำงามจำนวนมากประดับเรียงตัวกันเป็นเกลียว ตกแต่งสัญลักษณ์บอกเวลารูปสามเหลี่ยม ที่แสดงชั่วโมง นาทีและวินาที เป็นดั่งการเต้นบัลเล่ต์ของแสงในการเคลื่อนไหวที่น่าประทับใจ ยกระดับประสบการณ์ของการดูเวลาสะท้อนจิตวิญญาณแห่งการประดิษฐ์
Vanguard Curvex Cut Flower (แวงการ์ด เคอร์เว็กซ์ คัต ฟลาวเวอร์)





สะท้อนความงดงามของดอกไม้ที่ผลิบานสะพรั่ง สู่เครื่องบอกเวลาประดับอัญมณีชั้นสูง คือการบรรจบของนักประดิษฐ์นาฬิกาชั้นยอดและศิลปินนักประดับอัญมณีชั้นเลิศ บนตัวเรือนโรสโกลด์หรือไวท์โกลด์ขนาดความกว้าง 32 มิลลิเมตร และความยาว 42.3 มิลลิเมตร ผ่านหน้าปัดโปร่งแบบโอเพนเวิร์กด์ ประกายทอแสงระยิบระยับจากเพชรที่ประดับ เผยการเคลื่อนไหวอย่างสง่างามของชิ้นส่วนกลไกด้วยรูปทรงต่างกัน ที่มีชีวิตชีวาจากจังหวะการขับเคลื่อนและความสลับซับซ้อน ถ่ายทอดความสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งและความสง่างาม
Vanguard Royal Bauxite (แวงการ์ด รอยัล บ๊กสิต)







ชื่อเรือนเวลาที่ตั้งตามชื่อหมู่บ้าน Les Baux (เลส์ โบซ์) อันแสนงดงามของฝรั่งเศส และแร่บุกสิทธรรมชาติที่ใช้สกัดอะลูมิเนียม เป็นผลงานที่พิสูจน์ถึงมรดกของแฟรงค์ มุลเลอร์ ในด้านการผสานดีไซน์วัสดุที่ล้ำสมัยและเทคนิค ผ่านตัวเรือนสีสันสดใสที่สร้างขึ้นจาก อะลูมิเนียม อัลลอย ที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ผ่านกระบวนการอโนไดซ์ที่ทำให้มีความแข็งแรงและสีสันที่สดใสเป็นพิเศษ มีความทนทานต่อการขีดข่วนอย่างยอดเยี่ยม สะท้อนความมีชีวิตชีวาผ่านความคิดสร้างสรรค์อันซับซ้อนอย่างมีสีสัน
Vanguard Sfumato Slim (แวงการ์ด สฟูมาโต สลิม)






เป็นมากกว่าเครื่องบอกเวลาเพราะเป็นชิ้นงานที่สะท้อนถึงแสง เวลาและศิลปะ เกิดจากบทกวีแห่งแสงสนธยาและมรดกแห่งมนต์เสน่ห์ของชายฝั่งในอิตาลี ถ่ายทอดความงดงามของการเคลื่อนไหวอย่างสงบนิ่ง โดดเด่นด้วยการตกแต่งหน้าปัด คือ การไล่เฉดสีอย่างนุ่มนวล ซึ่งชวนให้นึกถึงศิลปะยุคเรอเนซองส์ที่เรียกว่า Sfumato (สฟูมาโต) ภาษาอิตาลีซึ่งหมายถึง ‘หายไป’ หรือ ‘อ่อนลง’ พื้นที่ส่วนขอบจะค่อย ๆ เข้มขึ้นเพื่อดึงดูดสายตาให้มองไปยังพื้นที่ส่วนกลาง ให้ความรู้สึกราวกับมีควันลอยผ่านดั่งภาพในความฝันที่ทุกอย่างค่อย ๆ จางหายจนกลายเป็นเพียงร่องรอยของกาลเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นภาพที่ยากจะลืมเลือน
Vanguard Crazy Hours Jisbar (แวงการ์ด เครซี อาวร์ส จิสบาร์ )

เรือนเวลา ลิมิเต็ด เอดิชัน ผสานเครื่องบอกเวลาเข้ากับงานศิลปะร่วมสมัย เป็นผลงานความร่วมมือครั้งแรกของทางแบรนด์ และ Jisbar (จิสบาร์) ศิลปินแนวป็อป-สตรีท ชาวฝรั่งเศส ผู้ตีความประวัติศาสตร์ศิลปะผ่านมุมมองของวัฒนธรรมร่วมสมัย สร้างสรรค์ความหลากสีสันในจักรวาลและเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยแนวคิดอันล้ำสมัยอย่างแท้จริง ถ่ายยทอดความงดงามอันสนุกสนานที่มีรูปแบบการแสดงเวลาต่างจากเรือนเวลาอื่น ๆ จากมุมศิลปะของจิสบาร์ มาเสริมให้เกิดเอกลักษณ์สุดพิเศษ ผ่านดีไซน์หน้าปัดที่เปลี่ยนโฉมให้เป็นงานศิลปะที่มีชีวิตชีวา รูปลักษณ์ของหลักชั่วโมงแต่ละตัวถ่ายทอดผ่านรูปแบบที่เป็นจักรวาลของจิสบาร์ ที่คงรักษาแก่นแท้ของแนวคิดที่ทำให้คอมพลิเคชั่น เครซี อาวร์ส กลายเป็นหนึ่งในไอคอนแห่งวงการนาฬิกา
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF FRANCK MULLER