Dolce&Gabbana เสนอ DG Alta Gioielleria – Filigrana 2024
งานศิลปะ Filigree (ฟิลิกรี) เป็นวิธีการทำชิ้นงานจิวเวลรี่แบบโบราณซึ่งทำด้วยมือในทุกขั้นตอน ใช้เทคนิคการยัดลายด้วยการนำเส้นทองมาพันเกลียว บีบกดให้ได้รูปทรงและขนาดที่ต้องการ โดยวิธีการทำชิ้นงานโดดเด่นด้วยโครงสร้างแบบฉลุ ชวนให้นึกถึงความละเอียดอ่อนของลูกไม้ โดยคำว่า Filigree นั้น มีต้นกำเนิดมาจาก Lorenzo Magalotti นักวิชาการชาวฟลอเรนซ์ใช้คำนี้ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1600 มาจากการรวมกันของคำภาษาละตินสองคำ ได้แก่ filum (ด้าย) และ granum (เม็ด)
ประเพณีการทำจิวเวลรีด้วยศิลปะฟิลิกีของชาวซาร์ดิเนียที่มีอายุนับพันปีนั้น มีต้นกำเนิดมาจากการตั้งถิ่นฐานของชาวฟินีเซียนในยุคแรกๆ เห็นได้จากแหล่งโบราณคดีอย่าง Kàralis (คัลยารีโบราณ) Nora, Sulci, Nèapolis, Cornus และ Tharros ซึ่งมีการขุดพบตัวอย่างเครื่องประดับมากมายที่สร้างขึ้นด้วยเทคนิคนี้
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 กระบวนการช่างทองเดี่ยวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเกาะซาร์ดิเนีย บ่งบอกถึงการเป็นเครื่องแต่งกายอันหรูหราและแสดงถึงรสนิยมอันประณีตของชนชั้นสูง หลังจากนั้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ศิลปะฟิลิกรีนั้นก็เริ่มหลอมรวมเข้ากับเครื่องแต่งกายพื้นบ้าน ที่ใช้สวมใส่ในช่วงเทศกาลและงานเฉลิมฉลอง
จิวเวลรีอันเป็นเอกลักษณ์แห่งประเพณีของซาร์ดิเนียคือกระดุมทอง ซึ่งมีรูปร่างเป็นโดมสองชั้นและมีทรงกระบอกเล็กๆ ติดอยู่ด้านบน ซึ่งสามารถตกแต่งด้วยหินหรืออัญมณีล้ำค่าได้ กระดุมเหล่านี้ส่วนใหญ่จะสวมใส่เป็นเครื่องประดับในชุดพิธีการของทั้งชายและหญิง กระดุมจะมีขนาดแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเจ้าของและแบบแผนทางศิลปะของแต่ละพื้นที่
เมื่อนำจิวเวลรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหล่านี้มาประดับกับชุดเจ้าสาว จะเป็นการแสดงออกถึงสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งแท้จริงแล้วโครงสร้างคล้ายระฆังของกระดุมฟิลิกรีนี้ มีความคล้ายคลึงกับหน้าอก สะท้อนถึงสัญลักษณ์ของการบูชาเทพี Tanit เทพีแห่งการเกิดในความเชื่อของชาวฟินิเซีย
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF DOLCE GABBANA
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่