Credor ฉลองวาระครบรอบปีที่ 50 ของแบรนด์ผ่านผลงานนาฬิการุ่นพิเศษ Credor 50th Anniversary Eichi II Limited Edition
Credor (เครดอร์) กำเนิดขึ้นมาในปีค.ศ.1974 สร้างสรรค์ผลงานแต่ละรุ่นเผยความงดงามของสุนทรียภาพในแบบฉบับญี่ปุ่นผสานเข้ากับความเป็นเลิศในการประดิษฐ์นาฬิกา ที่ทำให้คอลเลกชัน Credor มีชื่อเสียง ชื่อ Credor มีที่มาจากคำในภาษาฝรั่งเศสว่า crete d’or (เคทดอร์) หรือ “crest of gold” (เครสต์ ออฟ โกลด์ – ยอดแห่งทองคำ) บ่งบอกถึงระดับสูงสุดของศิลปะการประดิษฐ์นาฬิกา และในปีนี้เป็นวาระแห่งการครบรอบ 50 ปีของ Credor
เอดิชันพิเศษของ Eichi II (ไอชิ ทู) ที่มีชื่อเสียง Eichi (ไอชิ) รุ่นแรกเมื่อปีค.ศ.2008 ได้รับความชื่นชมอย่างสูงจากทั่วโลก ทั้งในด้านดีไซน์เรียบง่าย การตกแต่งพิถีพิถันผสานเทคโนโลยีที่อยู่ในกลไก และที่สำคัญที่สุด คือ ความงดงามแบบเรียบง่ายเปี่ยมไปด้วยความประณีต จากหน้าปัดกระเบื้องพอร์ซเลนที่บรรจงลงสีด้วยมือ จึงคัดสรรมาเป็นนาฬิกาสำหรับการฉลองในครั้งนี้
Credor 50th Anniversary Eichi II Limited Edition ตัวเรือนทองเยลโลว์โกลด์ 18K ตกแต่งหน้าปัดกระเบื้องพอร์ซเลนสีน้ำเงินเข้ม เรียกว่า Ruri (รูริ) เป็นคำในภาษาญี่ปุ่นของ Lapis Lazuli (ลาพิส ลาซูลี) แผ่นหน้าปัดที่มีความโค้งมน
เกิดขึ้นจากการเคลือบพอร์ซเลนอย่างพิถีพิถัน สร้างแรงตึงผิวและทำให้เกิดรูปทรงโค้ง ซึ่งการเคลือบพอร์ซเลน เป็นการเพิ่มลูกเล่นของการมองที่เป็นมิติในโทนสีต่างๆ ของหน้าปัด ผ่านแต่ละมุมมองและความสว่างของสภาพแวดล้อม
หน้าปัดตัวเรือน ตกแต่งหลักชั่วโมงและประดับตราสัญลักษณ์ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ใช้เป็นครั้งแรกกับนาฬิกา Eichi II รวมทั้งตัวอักษร Credor ล้วนเขียนขึ้นด้วยมือโดยช่างฝีมือแห่ง Micro Artist Studio (ไมโคร อาร์ติสต์ สตูดิโอ) เวิร์กช็อปผลิตนาฬิการะดับสูงที่นาฬิการุ่นนี้ผลิตขึ้น หลังจากที่หน้าปัดผ่านกระบวนการเผาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะนำทองมาเขียนลงบนผิวเคลือบของหน้าปัด เพื่อสร้างความงามแบบหลายมิติ
ซึ่งมีเพียงงานฝีมือในระดับสูงสุดเท่านั้น ที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เทคนิคนี้เป็นรูปแบบเดียวกับ Ruri-Kinsai (รูริ-คินไซ) ซึ่งเป็นงานฝีมือแบบดั้งเดิมพบเห็นได้ยากและได้รับความสนใจอย่างมากในสมัยเอโดะ ทองจะเคลือบทับบนวัสดุที่ถูกเคลือบสีแบบรูริอย่างกระเบื้องพอร์ซเลน การลงทองสะท้อนความชำนาญและประณีตของเทคนิคขั้นสูงบนหน้าปัดเคลือบสีแบบรูริ ติดตั้งกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ แบบโค้งทั้ง 2 ฝั่ง เคลือบสารกันแสงสะท้อนด้านใน ผสานเข้ากับตัวเรือนทองเยลโลว์โกลด์ 18K ถ่ายทอดความสง่าในรูปแบบเฉพาะได้อย่างลงตัว
เผยความงดงามผ่านผลงานสุดประณีตของช่างฝีมือแห่งสตูดิโอ ที่สามารถมองเห็นได้ผ่านฝาหลังกรุกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ นาฬิกาขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลาน Spring Drive Caliber 7R14 ความแม่นยำ ±15 วินาทีต่อเดือน ความต้านทานแม่เหล็ก 4,800 แอมแปร์/เมตร ทับทิม 41 ชิ้น ซึ่งมีฝาครอบตลับลานที่ตัดฉลุมาในรูปแบบของดอกระฆัง อันเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองชิโอจิริ เป็นถิ่นที่ตั้งของ Micro Artist Studio สะพานจักรทั้ง 2 ชิ้นตกแต่งด้วยมือและขัดผิวแนวขอบอย่างเงางาม สร้างความแวววาวจากทุกมุมมอง ส่วนเข็มแสดงพลังงานสำรองและสกรูนั้น ผ่านกระบวนการความร้อนด้วยมือ เพื่อให้เกิดเป็นสีน้ำเงินสดใส และกลไกนี้มากับ Torque Return System* ระบบส่งกลับแรงบิด เมื่อสปริงลานขึ้นจนสุดและกำลังแรงบิดอยู่ที่ระดับสูงสุดประมาณ 30% ของพลังงานที่มีอยู่ จะไม่จำเป็นต้องใช้ในการรักษาความเที่ยงตรงของนาฬิกา อันเป็นสิ่งที่สูญเสียไปในกลไกนาฬิกาแบบปกติอีกต่อไป โดยระบบ Torque Return System จะใช้พลังงานนี้กรอกลับไปสู่สปริงลาน เพื่อเพิ่มพลังงานสำรอง ที่ทำให้สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 60 ชั่วโมง กันน้ำได้ 3 บาร์ (ประมาณ 30 เมตร) ประดับคู่สายหนังจระเข้ ตัวล็อกสายแบบบานพับ 3 ทบ ปลดล็อกด้วยปุ่มกดเยลโลว์โกลด์ 18K ผลิตเพียง 30 เรือน
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF CREDOR