Chopard: Three New Happy Watches นำเสนอ 3 ผลงานใหม่จากคอลเลกชั่นที่มีไอคอนิกของบรรดาเพชรกลิ้งเหนือหน้าปัดในตระกูล Happy Diamonds, Happy Fish และ Happy Sport
Chopard: Three New Happy Watches “Diamonds are happier when they are free.” เหมือนดังที่ Caroline Scheufele ได้เคยอธิบายไว้ และนั่นได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานแห่งเพชรกลิ้ง หรือ Dancing diamonds ที่เป็นผลงานสร้างสรรค์อันน่าจดจำของ Chopard (โชพาร์ด) ซึ่งถือกำเนิดมานับตั้งแต่กลางยุค 1970s ด้วยการพลิกโฉมรหัสแห่งงานออกแบบสร้างสรรค์เรือนเวลาและอัญมณี โดย Chopard ได้เปลี่ยนรูปนาฬิกาข้อมือและเครื่องประดับอัญมณีของยุคสมัยนั้นไปสู่พรมแดนใหม่ที่สะท้อนถึงความเป็นอิสระและความกล้าที่จะแสดงออกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้หญิง ผ่านการสร้างสรรค์ Happy Diamonds และเหล่า Dancing diamonds ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความบางเบาและความอิสระของสายน้ำตก โดยฝีมือการรังสรรค์ของห้องปฏิบัติการแห่ง Chopard และในที่สุดได้ทำให้เพชรกลิ้งเหล่านี้สามารถบรรจุไว้รอบหน้าปัด และเริงระบำได้อย่างอิสระเหนือการเดินทางของเวลา พร้อมกับมอบก้าวใหม่อันสำคัญให้กับโลกแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาเช่นเดียวกัน
กระทั่งคอลเลกชั่นนาฬิกาด้วยคอนเซปต์ของ Dancing diamonds ในอีกหลากหลายรูปแบบก็ได้เกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็น Happy Sport ในปีค.ศ. 1993 นาฬิกาสปอร์ตชิคที่แสดงออกอย่างกล้าหาญถึงการผสมผสานระหว่างเพชรและสตีล เพื่อมอบให้กับหญิงสาวที่ก้าวเข้าสู่สังคมยุคสมัยใหม่ และมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนมุมมองของชีวิตและไลฟ์สไตล์ของสุภาพสตรีที่แตกต่างและหลากหลาย โดยเฉพาะแนวคิดอันอิสระและแฟชั่นที่ถูกนำมาประยุกต์อย่างกลมกลืนเข้ากับไลฟ์สไตล์ของพวกเธอเอง รวมไปถึงนาฬิกา “Happy” อื่นๆ ที่ตีความขึ้นใหม่ตามจินตนาการอันไร้พรมแดนของ Chopard
และปีนี้ Chopard ได้เปิดตัวแนะนำนาฬิการุ่นใหม่สไตล์ “Happy” watches ที่มีความหลากหลายของรูปแบบการสร้างสรรค์ เริ่มกันที่ลูกเล่นใหม่ของ Happy Diamonds นาฬิการุ่นไอคอนิกแห่งการรังสรรค์เพชรกลิ้งของแบรนด์ โดยปีนี้กลับมาพร้อมการจับคู่เข้ากับสายหนัง tour nappa แบบพันสองรอบสไตล์แฟชั่นในเฉดสีเทา เย็บตะเข็บด้วยสีเบจทอง และมอบไว้ด้วยสัมผัสของความนุ่มนวล อ่อนโยนต่อผิวข้อมือ โดดเด่นเข้ากับตัวเรือนเอธิคัล (ethical) โรสโกลด์ 18 กะรัต ขนาด 26.0 มิลลิเมตร ซึ่งล้อมกรอบให้กับหน้าปัดเปลือกหอยมุก Tahitian รวมถึงไอคอนิกของเพชรกลิ้งหรือ Dancing diamonds จำนวนห้าเม็ดที่เต้นระบำอย่างเป็นอิสระอยู่ระหว่างกระจกแซฟไฟร์สองชิ้นรอบหน้าปัด พร้อมทั้งประดับเพิ่มเติมด้วยเพชรบนข้างตัวเรือนอีกสองเม็ดที่ตำแหน่ง 12 และ 6 นาฬิกา
นอกจากนี้ ยังรวมไว้ด้วยคุณสมบัติเด่นของนาฬิกาไอคอนิกดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มกดที่ซ่อนไว้บนฝาหลังนาฬิกาสำหรับปรับตั้งเวลา เพื่อเลี่ยงการใช้เม็ดมะยม และยังช่วยให้นาฬิกามีความกลมมนแห่งรูปทรงที่กลมกลืนและยังดูมีน้ำหนักเบากว่าทั่วไป ซึ่งร่วมถ่ายทอดความเป็นต้นตำรับแห่งตำนานการสร้างสรรค์ Dancing diamonds นับจากปีค.ศ. 1976 ได้อย่างงดงามสมบูรณ์แบบ
ตามมาด้วยอีกหนึ่งผลงานสร้างสรรค์รุ่นใหม่สำหรับปีนี้ของ Happy Fish ที่แปรเปลี่ยนโลกแห่งจินตนาการใต้ผืนน้ำมาสู่เรือนเวลาข้อมือนับตั้งแต่เปิดตัวคอลเลกชั่นขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ. 2002 พร้อมทั้งสีสันของเพชรกลิ้งที่เริงระบำไปตามเกลียวคลื่นแห่งท้องทะเล กลายมาเป็นผลงานอันแสนล้ำค่าของนาฬิกา Happy Fish รุ่นใหม่ภายใต้ตัวเรือนเอธิคัลไวท์โกลด์ 18 กะรัต พร้อมทั้งหน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโลกใต้น้ำลึก กับภาพของปลาซึ่งแกะสลักบนเปลือกหอยมุกเหลือบสีฟ้า ตกแต่งลวดลายเกล็ดด้วยแผ่นทองที่มอบประกายแสงแวววาวและเรืองแสงได้ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งทักษะความเชี่ยวชาญในงานหัตถศิลป์เฉพาะของ Chopard ประดับดวงตาด้วยแจสเปอร์สีแดงราวกับมีชีวิต ที่ปลาอันล้ำค่านี้กำลังแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งแซฟไฟร์สีน้ำเงิน ประดับตกแต่งแบบ snow-set และไล่เฉดสี พร้อมกับเล่นไปกับฟองคลื่นของเพชรกลิ้งเจ็ดเม็ดเรืองแสงได้เหนือหน้าปัดนาฬิกา
Happy Fish รุ่นใหม่มาพร้อมความสง่างามของตัวเรือนขนาด 36.0 มิลลิเมตร และขอบตัวเรือนประดับด้วยเพชรสามขนาดแตกต่างกัน เพื่อรังสรรค์มิติของประกายแสงที่นุ่มนวลลง รับกับธีมของท้องทะเล ซึ่งประกอบคู่มากับสายหนังสีน้ำเงินประกายมุก ขับเคลื่อนภายในด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ ทำงานความถี่ 4 เฮิรตซ์ ที่มอบพลังงานสำรองได้ 42 ชั่วโมง สำหรับผลงาน Happy Fish รุ่นนี้รังสรรค์ขึ้นเพียง 25 เรือน และเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับ Chopard Boutiques
สานฝันให้กับสาวๆ นักกีฬา โดยเฉพาะกีฬากอล์ฟ ด้วยรุ่นใหม่ของ Happy Sport Golf Edition จาก Chopard ที่เปลี่ยนรูปกีฬาท่ามกลางสนามสีเขียวและแสงแดดเรืองรองมาสู่นาฬิกาข้อมือของเหล่าสุภาพสตรี กับตัวเรือนขนาด 36.0 มิลลิเมตร ในสองเวอร์ชั่นให้เลือกระหว่างสเตนเลสสตีลคู่กับขอบตัวเรือนเอธิคัลโรสโกลด์ 18 กะรัต ขัดเงาและสเตนเลสสตีลคู่กับขอบตัวเรือนเอธิคัลโรสโกลด์ ประดับด้วยเพชร ซึ่งทั้งคู่บรรจุด้วยหน้าปัดสีเขียวแบบ frosted ให้ความรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มของสนามหญ้าอันเขียวชอุ่ม รังสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคที่ได้มาจากการแสตมป์หรือตอกลงบนผิวโลหะ เพื่อให้ได้ลวดลายที่มีมิติและสะท้อนกับแสงได้ราวกับกำมะหยี่ ขณะที่เหนือขึ้นไปคือเพชรกลิ้ง หรือ Happy Diamonds จำนวนห้าเม็ด พร้อมทั้งรูปไม้กอล์ฟและลูกกอล์ฟทำจากเอธิคัลไวท์โกลด์ ที่อวดวงสวิงและเล่นไปกับประกายแสงอาทิตย์เหนือสนามสีเขียวของกีฬาที่สาวๆ โปรดปราน
ลงตัวเข้ากับสายหนังวัวสีเขียวเย็บตะเข็บสีเบจสไตล์แคชชวลชิค และขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ ทำงานความถี่ 4 เฮิรตซ์ สำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง พร้อมทั้งการแสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างที่ตำแหน่งระหว่าง 4 และ 5 นาฬิกา บนหน้าปัด ส่วนฝาหลังติดตั้งด้วยกระจกแซฟไฟร์ใสเปิดโชว์การทำงานของกลไก และกันน้ำได้อย่างมั่นใจที่ระดับ 30 เมตร สำหรับเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงในทุกๆ วันและทุกช่วงเวลาตามแบบฉบับการสร้างสรรค์ของ Happy Sport โดย Chopard
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF CHOPARD
STOCK FOOTAGE: www.videvo.net
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่