BVLGARI Serpenti เรือนเวลาที่โดดเด่นเป็นทั้งนาฬิกาและเครื่องประดับชั้นสูงและน่าสนใจ ในงานนาฬิกา LVMH Watch Week 2021 ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบดิจิตัล ที่คนรักนาฬิกาต่างติดตามและจับตามอง เมื่อช่วงวันที่ 25 – 29 มกราคม ที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นงานจัดแสดงนาฬิการุ่นใหม่ และรูปแบบใหม่งานแรกของปี 2021 และยังเป็นงานระดับแม่เหล็กที่ดึงดูดเอาแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำของ LVMH มาอยู่รวมกันอีกด้วย
และเป็นไปตามคาดที่หลายคนมองกันว่าปีนี้ ไฮไลต์ของแบรนด์นาฬิกาส่วนใหญ่จะเป็นการนำเอาแต่ละไอคอนต้นตำรับของแต่ละแบรนด์ ออกมาตีความและรังสรรค์ด้วยมุมมองและมิติใหม่ๆ เช่นเดียวกับ Bvlgari (บุลการี) ที่ปีนี้เอาใจคนรักนาฬิการูปทรงงู จากคอลเลกชั่นไอคอนอย่าง Serpenti (เซรเปนติ) และ Spiga (สปีก้า) มาผสมผสานเข้าด้วยกัน กับสไตล์ใหม่ที่ให้อารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างไปจาก Serpenti เดิมอย่างที่เราอาจคุ้นเคยกันมา
ซึ่งนั่นเป็นผลลัพธ์ที่ได้มาจากการสร้างนิยามใหม่ให้กับ Serpenti ไอคอนตลอดกาลของ Bvlgari ที่มาบรรจบกับเอกลักษณ์ของ Spiga พร้อมทั้งเติมด้วยเสน่ห์ของลวดลายนูน matelassé (มัตลาสเซ) ซึ่งเป็นศิลปะการทำจิวเวลรีอันประณีตวิจิตร สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและมรดกที่ตกทอดมาจากทั้งประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาและการรังสรรค์อัญมณี ที่ทำให้ Bvlgari ได้รับการขนานนามว่า “Roman Jeweller of Time”
มหากาพย์ของการสร้างสรรค์นาฬิกาที่มาพร้อมกับสายแบบพันรอบข้อมือนั้น มีจุดเริ่มต้นขึ้นจากผลงานรุ่นตำนานอย่าง Serpenti Scaglie (เซรเปนติ สกาลีเย การแกะเป็นเกล็ด)ในปีค.ศ. 2009 และจากนั้นจึงตามมาด้วย Serpenti Tubogas (เซรเปนติ ตูโบกาส เทคนิกการนำโลหะมาขดเป็นวง) ในปีค.ศ. 2010 และงานออกแบบดั้งเดิมของ Serpenti Spiga (เซรเปนติ สปิกา ลายรวงข้าวสาลี) จากปีค.ศ. 2014 ก่อนจะวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง จวบจนวันนี้ที่ Bvlgari ได้เปิดตัวผลงานสุดสร้างสรรค์ของ Serpenti Spiga ทั้งสามรุ่นใหม่
โดยจุดเด่นของ Serpenti Spiga รุ่นใหม่คือ การดึงแรงบันดาลใจมาจากเรือนเวลารุ่นมรดกในปีค.ศ. 1957 กับหน้าตาและหน้าปัดรูปทรงสี่เหลี่ยม รวมถึงสายแบบพันรอบข้อมือซึ่งมีโครงสร้างแบบแยกชิ้นส่วน (modular construction) แล้วนำแต่ละชิ้นมาต่อกัน ที่ในผลงานใหม่ได้นำมาตีความ พร้อมทั้งผสมผสานเข้ากับงานฝีมืออันประณีตเต็มไปด้วยรายละเอียด เพื่อเป็นทั้งนาฬิกาและเครื่องประดับอัญมณีภายในเรือนเดียวกัน
งานออกแบบรูปงู ที่เป็นไอคอนนี้โอบรัดรอบข้อมืออย่างงดงามด้วยตัวเรือนขนาด 35 มม. จับคู่มากับหน้าปัดที่นำเอาความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์เครื่องประดับอัญมณีของแบรนด์มาใช้ ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ประดับไปด้วยเพชรบนทั้งสองด้านของขอบหน้าปัด รับกับแสงเรืองรองของตัวเรือน และสายแบบพันรอบข้อมือแถวเดี่ยวหรือแถวคู่ทำจากโรสโกลด์ หรือไวท์โกลด์ 18 K ซึ่งเป็นรุ่น High-Jewellery ประดับด้วยเพชรแบบ snow pavé (สโนว์ พาเว่) กว่า 800 เม็ด
ขณะที่การตกแต่งด้วยลวดลายนูน matelassé และเทคนิคโครงสร้างแบบแยกชิ้นส่วนที่บ่งบอกถึงสไตล์เฉพาะของ Bvlgari นั้นยังประดับประดาไปด้วยเพชรบนลวดลาย และผ่านการประกอบแต่ละชิ้นส่วนด้วยมืออย่างพิถีพิถัน เสมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นเอกที่ชวนให้หลงใหล รวมทั้งมอบความยืดหยุ่นให้แก่สาย จึงสวมใส่ได้สบายข้อมือและแนบชิดไปกับผิว
หากย้อนกลับไป นาฬิกา Serpenti Spiga เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 2014 ด้วยลวดลาย Spiga (สปีก้า ลายรวงข้าว) ที่นับเป็นมรดกตกทอดมาจากคอลเลกชั่นเครื่องประดับ Spiga ในช่วงทศวรรษ 1990 โดยเป็นชื่อที่ตั้งตามภาษาอิตาเลียน ซึ่งมีความหมายถึง “ข้าวสาลี” ด้วยเพราะลวดลายที่ดูคล้ายและได้แรงบันดาลใจมาจากรวงข้าวสาลี อันเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์ตามตำนานเล่าขานในยุคโบราณ ทั้งยังมักเป็นธีมที่เชื่อมโยงถึงการแต่งงานในยุคโรมันและกรีกโบราณอีกด้วย
นอกจากนี้งานออกแบบอันโด่งดังของ Bvlgari ที่มีมานับตั้งแต่ในทศวรรษ 1980 ยังรวมไปถึงการตกแต่งผลงานด้วยรูปแบบของลวดลายซ้ำๆ ซึ่งนำมาใช้กับหลากหลายคอลเลกชั่นของแบรนด์ เช่น Parentesi (ปาเรนติสิ ลายนขลิขิต หรือ วงเล็บ) และ Spiga ที่เป็นไอคอนของ High Jewellery นับจากยุค 1980s มาจนถึง Alveare (อัลเวอารี ลายรวงผึ้ง) และ Trika (ตรีกะ ลายยอดมุมสามเหลี่ยมมาซ้อนกัน หรือมาชนกันเป็นสี่เหลี่ยม) กับอีกหนึ่งเทคนิคสำคัญคือ การแยกชิ้นส่วนประกอบหรือโมดูลภายในแต่ละผลงาน จึงทำให้โมดูลเหล่านี้ได้รับการตกแต่งอย่างประณีตละเอียดอ่อน และสามารถแยกนำมาสร้างสรรค์ใหม่ หรือผสมผสานเข้ากับงานดีไซน์อื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ขณะที่แต่ละโมดูลยังถูกประกอบเข้าด้วยกันทีละชิ้นทีละชิ้น ซึ่งให้ผลลัพธ์เป็นความยืดหยุ่นและผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกันกับงานออกแบบของชิ้นงานได้อย่างสมบูรณ์
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF BVLGARI
MUSIC: music/download/mixkit-nield-grohm-hanging
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนท์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
