ทั้งบางและโปร่งใส ความแตกต่างที่กลายเป็นเสน่ห์ใหม่ในนาฬิกาสร้างสรรค์รุ่นล่าสุด อย่าง Octo Finissimo Skeleton 8 Days ที่เผยโฉมโดย Bulgari ภายในงาน Geneva Watch Days 2022
Bulgari Octo Finissimo Skeketon 8 Days ด้วยแนวคิด ‘A play on contrasts’ ของ Bulgari (บุลการี) ที่เปิดตัวพร้อมๆ กันกับหลากหลายผลงานนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดภายในงาน Geneva Watch Days 2022 ที่ผ่านมา ได้สะท้อนถึงข้อความหลักของการสร้างสรรค์บนความแตกต่างระหว่างทั้งสีสัน รูปทรง วัสดุ ตลอดจนการตกแต่งและความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์รังสรรค์นาฬิกาของ Bulgari โดยเฉพาะการสร้างความโดดเด่นจากสิ่งที่แตกต่างและตัดกัน ทว่า สามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งได้อย่างลงตัวภายใต้การตีความใหม่ของแบรนด์ ซึ่งหนึ่งในนั้นยังรวมไปถึงการเปิดตัวของนาฬิการุ่น Octo Finissimo Skeleton 8 Days ที่แสดงออกถึงความแตกต่างที่เกิดจากการผสมผสานทั้งงานดีไซน์และความโปร่งใส รวมถึงการสร้างสรรค์กลไกจักรกลไขลานด้วยมือสเกเลตันชุดใหม่ผลิตภายในโรงงาน และบรรจุภายใต้เอกลักษณ์ของตัวเรือนไอคอนิก อย่าง Octo
Octo Finissimo เป็นหนึ่งในคอลเลกชันเรือนเวลาที่กลายเป็นไอคอนของนาฬิการ่วมสมัย รวมถึงการเป็นซีรีส์ผลงานที่สร้างสถิติโลกด้านความบางที่สุดไว้ได้ถึงแปดสถิติจนถึงทุกวันนี้ โดยสองผลงานล่าสุดซึ่งครองสถิติโลกนั้นมาจากทั้งรุ่น Octo Finissimo Perpetual Calendar ของปี ค.ศ. 2021 ซึ่งมีตัวเรือนบางทุบสถิติที่เพียง 5.80 มิลลิเมตร แม้จะเป็นนาฬิกาสลับซับซ้อนสูง จากการบรรจุด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติบางพิเศษและแสดงปฏิทินถาวรหรือเพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ (perpetual calendar) ด้วยความแม่นยำโดยที่ไม่ต้องปรับตั้งไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2100 ตามมาด้วยรุ่น Octo Finissimo Ultra ซึ่งเปิดตัวในปีนี้ ในฐานะผู้ครองสถิติโลกด้านความบางที่สุดเป็นครั้งที่แปดสำหรับคอลเลกชัน Octo Finissimo จากการเป็นนาฬิกากลไกจักรกลไขลานด้วยมือบางพิเศษ ที่บรรจุภายใต้ความหนาของตัวเรือนแค่เพียง 1.80 มิลลิเมตร หรือเรียกง่ายๆ ว่าบางเท่ากับเหรียญ 20 ยูโรเซนต์เท่านั้น!
ทว่า ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งการตีความใหม่ของ Octo Finissimo ที่นอกเหนือไปจากเรื่องราวของการสถิติแห่งความบางที่สุด โดยเน้นถ่ายทอดที่หัวใจของคอลเลกชันซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากความเชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์นาฬิกาอันร่วมสมัย ผสมผสานไว้ด้วยตำนานแห่งรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ อย่าง ตัวเรือน Octo ที่ได้แรงบันดาลใจดั้งเดิมมาจากลวดลายหลักๆ ซึ่งปรากฏภายในมรดกสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ของโรมโบราณ และสะท้อนถึงความแตกต่างระหว่างรูปทรงเรขาคณิตแปดเหลี่ยมของตัวเรือนกับรูปทรงกลมบนขอบตัวเรือนด้านบน ที่ให้ผลลัพธ์เป็นมิติของความสง่างามและร่วมสมัยในแบบฉบับของ Octo เอง ทั้งยังบ่งบอกถึงบุคลิกและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาฬิกา Bulgari ที่ต่างหล่อหลอมมาจากความเข้มแข็งของประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาสวิสและความสง่างามในงานออกแบบสไตล์อิตาเลียนได้อย่างชัดเจน
โดยในรุ่นใหม่ล่าสุดของ Octo Finissimo Skeleton 8 Days นี้ Bulgari ยังได้คิดค้นและพัฒนากลไกจักรกลไขลานด้วยมือบางพิเศษผลิตในโรงงานชุดใหม่ขึ้น ด้วยความประณีตละเอียดอ่อนของ Calibre BVL 199 SK ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 36.60 มิลลิเมตร และหนาเพียง 2.50 มิลิเมตร โดยทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 3 เฮิรตซ์ พร้อมทั้งมอบศักยภาพของการสำรองพลังงานได้นานพิเศษถึง 8 วัน หรือ 192 ชั่วโมง มาพร้อมการแสดงพลังงานสำรองรูปทรงเกจซึ่งจัดวางไปตามส่วนโค้งของหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีเล็ก ณ ตำแหน่ง 7.30 นาฬิกา รวมถึงบนหน้าปัดยังประทับไว้ด้วยโลโก้ BVLGARI eight days ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา มอบภาพลักษณ์แห่งความแตกต่างและโปร่งใสที่หลอมรวมอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว ทั้งยังเป็นโอกาสให้แบรนด์ได้แสดงออกถึงสัญลักษณ์และสไตล์สถาปัตยกรรมอันทันสมัยผ่านโครงสร้างกลไกแบบเปลือยโปร่งหรือสเกเลตัน ที่รับไปกับเส้นสายแบบเรขาคณิตของโครงร่างตัวเรือนอันเป็นเอกลักษณ์ เสริมความโดดเด่นทั้งจากความต่างและตัดกันระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ของนาฬิกา ขณะเดียวกันก็กลายเป็นส่วนที่เติมเต็มซึ่งกันและกันได้อย่างสมบูรณ์
ขณะที่ในแง่ของสีสันและวัสดุที่ต่างกันในรุ่นนี้ มาจากการผสมผสานระหว่างตัวเรือนโรสโกลด์ขัดด้านแบบซาติน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.0 มิลลิเมตร และหนาเพียง 5.95 มิลลิเมตร พร้อมทั้งเม็ดมะยมโรสโกลด์ ประดับด้วยเซรามิกอินเสิร์ตสีดำ ส่วนบนหน้าปัดแบบเปลือยโปร่งหรือโอเพนเวิร์ก (openworked) นั้นบรรจุด้วยมาร์กเกอร์ชั่วโมงทอง และเข็มชี้ชั่วโมงและนาทีสีทองตกแต่งแบบฉลุโปร่ง ช่วยให้สามารถมองเห็นโครงสร้างกลไก โดยเฉพาะโครงสร้างของสะพานจักรแบบสเกเลตัน เคลือบ PVD สีเทาแอนทราไซต์แบบด้านผ่านการตกแต่งแซนด์บลาสต์ (sand-blasted) ที่เป็นฉากหลัง ซึ่งไม่เพียงกลายเป็นภาพที่ตัดกันของสี แต่ยังช่วยเสริมความสามารถด้านการมองเห็นและอ่านค่าบนหน้าปัดได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งยังมอบภาพเชิงลึกให้เห็นการทำงานอันซับซ้อนของชิ้นส่วนกลไกภายในที่ผ่านการตกแต่งอย่างสวยงาม
ส่วนฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ยังช่วยเติมความสมบูรณ์ให้กับมิติแห่งความโปร่งใส และคงรักษาไว้ด้วยประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 30 เมตร สะท้อนถึงการหลอมรวมของสไตล์อิตาเลียนและความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์นาฬิกาที่ผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบนับตั้งแต่หัวใจที่ขับเคลื่อนภายใน โครงสร้างและรูปลักษณ์ตัวเรือนอันโดดเด่น ตลอดจนความสง่างามร่วมสมัยในแบบฉบับของ Octo Finissimo ซึ่งในรุ่นนี้ประกอบคู่มากับสายหนังจระเข้สีน้ำตาลเข้มและหัวเข็มขัดสายแบบหมุด มอบสัมผัสของความสะดวกสบายเมื่อสวมบนข้อมือ รวมถึงสไตล์ในแบบมาสคิวลีนที่มีกลิ่นอายความเป็นอิตาเลียนได้อย่างลงตัว
CREDITS:
PHOTOS/VIDEO: COURTESY OF BVLGARI
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่