หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ Breitling ได้ประกาศเปิดตัวนาฬิกาโครโนกราฟ วินเทจ ร่วมสมัยขึ้นใหม่ในคอลเลกชั่น Top Time และวันนี้แบรนด์กำลังต้อนรับรุ่นพิเศษใหม่ล่าสุดใน Top Time Deus ที่เป็นการจับมือร่วมกันระหว่างแบรนด์นาฬิกาสวิส และแบรนด์ไลฟ์สไตล์ Deus Ex Machina จากออสเตรเลีย
Breitling New Top Time
ท่ามกลางยุค 1960s ที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนยุคสมัยใหม่ ที่มีทั้งความ สนุกสนาน กับการใช้ชีวิตที่โลดโผนและเติมเต็มซึ่งจินตนาการและความฝันของพวกเขา ไบรทลิ่ง (Breitling) ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่พยายามผลักดันและพัฒนาปรับปรุงภาพลักษณ์ของนาฬิกาจักรกลโครโนกราฟของตนไปสู่สีสันใหม่ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์เหล่านี้ได้อย่างชัดเจน โดยนอกเหนือไปจากชื่อเสียงที่แบรนด์ได้รับจากนาฬิกาเนวิไทม์เมอร์ (Navitimer) แล้วได้ต่อยอดผลงานมาสู่นาฬิกาโครโนกราฟรุ่นใหม่ ที่มีชื่อว่า Breitling New Top Time พร้อมกับเปิดตัวแนะนำครั้งแรกในปีค.ศ. 1964 ที่แม้ว่าจะตามหลังงานออกแบบชุดแรกๆ ของนาฬิการุ่นนี้ซึ่งเคยเผยโฉมมาแล้วก่อนหน้าในปีค.ศ. 1962 แต่ทันทีที่มีการเปิดตัว ก็ได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมในวงกว้าง โดยเฉพาะจากความมีเอกลักษณ์ของการเป็นนาฬิกาโครโนกราฟที่สามารถเข้าถึงได้ บวกกับความโดดเด่นของเส้นสายที่สง่างาม และคุณภาพ รวมถึงความเที่ยงตรงแม่นยำที่เชื่อถือได้ นั่นจึงทำให้เป็นนาฬิกาอันสมบูรณ์แบบสำหรับทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวที่สนใจในกีฬาและเทคโนโลยี
ขณะที่ชื่อ Top Time ยังสะท้อนถึงแนวคิดใหม่ของยุคสมัย ที่เน้นความเป็นอิสระ จากการตั้งชื่อสั้นๆ แต่สะดุดใจผู้ได้ยิน รวมทั้งตอกย้ำถึงดีไซน์ที่ทันสมัยของคอลเลกชั่นและพลังของช่วงเวลานั้นๆ ทุกองค์ประกอบเหล่านี้ส่งผลให้ Top Time ประสบความสำเร็จได้อย่างทันที และมีส่วนผลักดันให้มุมมองของผู้คนที่มีต่อนาฬิกาโครโนกราฟนั้นเปลี่ยนไป โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเรือนเวลาเฉพาะสำหรับผู้เชี่ยวชาญหรือนักกีฬาอีกต่อไป แต่ยังกลายเป็นนาฬิกาสำหรับผู้คนผู้ทันสมัย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยพลัง
และเพื่อให้มั่นใจว่านาฬิการุ่นนี้จะเหมาะกับการผจญภัยทุกรูปแบบในชีวิตประจำวัน แบรนด์จึงได้เสริมด้วยสมรรถนะและประสิทธิภาพแบบรอบด้านให้กับ Top Time ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการกันน้ำที่ได้มาจากการพัฒนาโครงสร้างตัวเรือนแบบชิ้นเดียวหรือ monocoque ขณะที่ลูกค้าเองก็ยังสามารถเลือกได้ระหว่างการบรรจุด้วยสเกลทั้งสามประเภท ไม่ว่าจะเป็น ทาคิมิเตอร์ (tachymeter เครื่องวัดความเร็ว), พัลโซมิเตอร์ (pulsometer วัดการเต้นของหัวใจ) หรือ เดซิมัล (decimal วัดถึงจุดทศนิยม) ที่สามารถเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างอิสระ
จากชื่อเสียงอันโด่งดังของ Top Time ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นที่ต้องการและตามหาของบรรดานักสะสม โดยหนึ่งในตัวอย่างของนาฬิกา Breitling วินเทจที่มีราคาแพงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก็คือผลงานรุ่นแรกๆ ที่นำเสนอภายใต้หมายเลขอ้างอิง Reference 2002 กับเอกลักษณ์ของหน้าปัดย่อยสองวง ซึ่งรุ่นนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เมื่อ James Bond (นำแสดงโดย Sean Connery) สวมใส่ในภาพยนตร์เรื่อง Thunderball เมื่อปี 1965 ซึ่งสายลับ Bond ได้รับนาฬิกา Top Time มาเป็นอุปกรณ์คู่กายที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับภารกิจของเขาโดย Q มาพร้อมหน้าปัดย่อยแบบผสานหรือ Geiger counter ซึ่งนั่นได้กลายเป็นสไตล์อันที่นิยมและกลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของรุ่นก็ว่าได้ จนกระทั่งในที่สุดนาฬิกาเรือนจริงที่ James Bond สวมใส่ในภาพยนตร์ ก็ได้นำออกมาจำหน่ายในการประมูลเมื่อปี 2013 และทำราคาประมูลได้สูงถึงเกือบ 104,000 ปอนด์ กลายเป็นหนึ่งในนาฬิกา Breitling วินเทจที่แพงที่สุดเท่าที่เคยขายมาในประวัติศาสตร์
กระนั้นเรื่องราวของ Top Time ก็ไม่ได้ห่างหายจากวงการนาฬิกาไปไหน โดยเฉพาะเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ Breitling ได้นำทั้งตำนานและเอกลักษณ์ของคอลเลกชั่นนี้กลับมาทำใหม่ในเวอร์ชั่นวินเทจทันสมัยยิ่งขึ้นของ Top Time แห่งศตวรรษที่ 21 โดยล่าสุดยังได้เปิดตัวผลงานใหม่จากความร่วมมือเฉพาะกับ ดิวส์ เอ็กซ์ มาคีนา (Deus Ex Machina แปลว่า god from the machine) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชื่อดังจากออสเตรเลีย เพื่อสร้างสรรค์นาฬิการุ่น Top Time Deus ภายใต้งานออกแบบที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์อันเต็มไปด้วยการผจญภัย ความรัก และความหลงใหลของหนุ่มสาวยุคสมัยใหม่
Deus Swank Rally
และในฐานะส่วนหนึ่งของสัมพันธภาพอันน่าตื่นเต้นครั้งใหม่นี้ Breitling ยังได้สวมบทบาทการเป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการ (Official Timekeeper) ของ ดิวส์ ซแวงก์ แรลลี่ (Deus Swank Rally การแข่งขันแรลลี่มอเตอร์ไซค์ แบบสนุกสนานอย่างมีสไตล์ พร้อมอุปกรณ์ป้องกันตัวทุกชนิด และประกันภัย) รายการชิงแชมป์มอเตอร์ไซค์ครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการฉลองให้กับมอเตอร์ไซค์โบราณระดับตำนานจากทั่วโลก รวมทั้งอิตาลี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และบาหลี ขณะที่นาฬิกา Top Time Deus Limited Edition ไม่ได้ผลิตมาเพื่อสาวกไบค์เกอร์เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นนาฬิกาสำหรับผู้คนที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการขับเคลื่อน มีเป้าหมาย และมีสไตล์ ซึ่งนาฬิการุ่นนี้พร้อมจะตอบทุกโจทย์ความต้องการของพวกเขา ตรงตามปรัชญาแห่ง Deus ที่หวนให้นึกถึงยุคอดีต การแสวงหาความสนุกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขี่มอเตอร์ไซค์ เล่นกระดานโต้คลื่น หรือการผจญภัยต่างๆ นาฬิกาและแบรนด์ไลฟ์สไตล์นี้จึงตอบรับกับความใฝ่ฝันของผู้คนที่มีทั้งความเชื่อและมีจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยอย่างไม่สิ้นสุดเหมือนๆ กัน
นอกจากนี้ Breitling เองยังได้ต้อนรับ ดิวส์ สควอด (Deus Squad) ทีมใหม่มาร่วมกับแบรนด์ อย่างสมาชิกทั้งเท่ทั้งหล่อคนล่าสุด ฟอร์เรสต์ มินชินตัน (Forrest Minchinton) ผู้ซึ่งหลงใหลกระดานโต้คลื่นและมอเตอร์ไซค์ชาวแคลิฟอร์เนีย ที่จะมาร่วมเป็นหนึ่งในสามทหารเสือของทีม Breitling Deus เคียงข้างกับสาวสวย เซียร์ร่า เลอร์แบ็ค (Sierra Lerback) นักแข่งกระดานโต้คลื่นชาวฮาวาย และ เจเรมี ทาแกนด์ (Jeremy Tagand) วิศวกรและนักออกแบบมอเตอร์ไซค์ชาวฝรั่งเศส โดยทั้งสามคนยังผูกพันและเชื่อมโยงกับแบรนด์ Deus Ex Machina มานานนับหลายปี และเป็นตัวแทนของ DNA อันเข้มแข็งและกล้าหาญในยุคปัจจุบัน ซึ่ง Breitling ได้คว้าตัวมาร่วมสร้างสรรค์ภาพแห่งการเป็นตัวแทนของวิถีชีวิตแบบไร้ขีดข้อจำกัดร่วมไปกับนาฬิกา Top Time Deus รุ่นใหม่ในครั้งนี้ด้วย
สำหรับ Top Time Deus Limited Edition ได้ดึงจิตวิญญาณอันโด่งดังของ Top Time ยุค 1960s มาใช้ผ่านสไตล์นาฬิกาโครโนกราฟวินเทจที่มีความเป็นมืออาชีพรุ่นใหม่และคล่องแคล่ว พร้อมทั้งความแม่นยำของการจับเวลาและความเที่ยงตรงระดับ Chronometer ตามมาตรฐานของ Breitling
สร้างสรรค์ขึ้นในรูปลักษณ์ตัวเรือนที่คงความเป็นนาฬิกาสปอร์ตหรูสง่างาม ประกอบด้วยสายหนังวัวสไตล์เรซิ่ง คู่กับหน้าปัดสีเงินที่บรรจุเครื่องหมายบอกเวลาและรายละเอียดตกแต่งด้วยสีเหลืองและสีส้ม ส่วนหน้าปัดย่อยแสดงผลการจับเวลามีรูปทรงสี่เหลี่ยม นอกจากนี้ยังประทับด้วยโลโก้ Deus และสโลแกน “In benzin veritas” (หรือ in reality benzin) สีขาวบนสเกล tachymeter สีดำ ส่วนฝาหลังตัวเรือนทำจากสเตนเลสสตีล ขนาด 41 มม. แกะสลักด้วยผลงานศิลปะของ Deus เป็นรูปไบค์เกอร์ย้อนยุคที่ออกแบบโดย คาร์บี้ ทักเวล (Carby Tuckwell) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Deus ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Breitling Caliber 23 ที่ผ่านการทดสอบและ รับรองความเที่ยงตรงระดับ Chronometer จากสถาบัน COSC (The Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres หรือ the Official Swiss Chronometer Testing Institute) พร้อมทั้งสำรองพลังงานได้ประมาณ 48 ชั่วโมง
ไม่เพียงเท่านั้น ความโดดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ยังรวมไปถึงเข็มจับเวลารูปสายฟ้า และการผลิตขึ้นเป็นรุ่นจำนวนจำกัดพิเศษที่มีเพียง 1,500 เรือน มาพร้อมถุงผ้าใบและหนังสือปกแข็งอย่างดีส่งมอบไปกับนาฬิกา โดยจะเริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ก่อน หลังจากนั้นจึงกระจายไปยังตัวแทนจำหน่ายของ Breitling ทั่วโลก ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งซื้อนาฬิกาได้ทาง www.breitling.com
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF Breitling
PHOTOS BY https://www.instagram.com/forrestminchinton/?hl=en
PHOTOS BY https://www.instagram.com/sierralerback/?hl=en
PHOTOS BY https://www.instagram.com/jeremy.tagand/?hl=en
PHOTOS BY https://www.instagram.com/carbyt/?hl=en
MUSIC: Dance or Die by Stefan Kartenberg
STOCK FOOTAGE by Beachfront from www.videvo.net
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเท็นต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่