Breguet Type XX เรือนเวลาระดับไอคอนแห่งโลกการบิน สะท้อนเอกลักษณ์ที่แตกต่างอย่างลงตัว
Breguet (เบรเกต์) เผยโฉมสองนาฬิกา Type XX (ไทพ์ เทว็นตี้) ในการรังสรรค์จากแรงบันดาลใจของเรือนเวลาระดับตำนานแห่งการบิน อันมีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 70 ปี คือรุ่น Chronographe 2057 และ Chronographe 2067 ไปแล้วนั้น ทั้งสองตัวเรือนปรากฏโฉมด้วยสายนาฬิกาถึง 6 สไตล์ ผ่านการดีไซน์เพื่อเรือนเวลา Type XX โดยเฉพาะ ได้แก่ สายสตีล สาย Nato (นาโต้) และสายหนัง สะท้อนเอกลักษณ์ที่แตกต่างได้อย่างโดดเด่น
Type XX ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ.1950 ในฐานะอุปกรณ์การบินที่รังสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะสำหรับกองทัพอากาศฝรั่งเศส และคงครองใจผู้ที่หลงใหลในนวัตกรรมกลไกโครโนกราฟที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตำนานแห่งการบินมาอย่างยาวนานจวบจนปัจจุบัน โดย Breguet (เบรเกต์) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผจญภัย มุ่งมั่นพัฒนาระบบนำร่องเครื่องบิน ซึ่งล้วนต้องอาศัยอุปกรณ์ที่ทั้งเที่ยงตรงแม่นยำ ใช้งานง่ายและสะดวกซึ่งเป็นจุดกำเนิดของระบบโครโนกราฟบนเครื่องบิน และพัฒนามาเป็นนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟ Type XX
โดย Manufacture Breguet ได้ใช้เวลากว่า 4 ปี ในการพัฒนาเรือนเวลาที่คงเอกลักษณ์ของ Type XX รุ่นแรก ผสานสุดยอดนวัตกรรมและความร่วมสมัยในทุกรายละเอียด สะท้อนเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ของเรือนเวลาเรือนนี้ไว้เป็นอย่างดี
ทั้งสองตัวเรือนโดดเด่นด้วยกลไกโครโกราฟสิทธิบัตร Calibre 728 ออกแบบโดยผสมผสานระบบนวัตกรรมโครโนกราฟแบบโมเดิร์น ทั้งคอลัมน์วีล คลัชต์แนวตั้ง ความถี่ระดับ 5 เฮิรตซ์ รวมถึงนวัตกรรม zero resetting activation system ระบบการจับเวลาแบบเฉียมคมที่สามารถรีเซ็ตได้ทันที และฟังก์ชัน ‘flyback’ ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันทรงคุณค่าสำหรับเหล่านักบิน ที่ลดทอนกลไกจับเวลาให้สะดวกง่ายดายเพียงแค่ขั้นตอนเดียว
Type XX Chronographe 2067 พัฒนาจากนาฬิการุ่น “Military” หรือรุ่น ‘กองทัพ’ ที่ทางแบรนด์ส่งมอบให้กับกองทัพอากาศฝรั่งเศส ตัวแสดงค่าต่างๆ ทั้งตัวเลขอารบิก เครื่องหมายรูปสามเหลี่ยมบนขอบหน้าปัด หลักชั่วโมงและนาที รวมถึงเข็มนาฬิกาเคลือบพรายน้ำในเฉดสีเขียว โดยสองหน้าปัดย่อยแสดงฟังก์ชันจับเวลาสุดไอคอนิกอย่าง ‘flyback’ และ small seconds และเม็ดมะยมทรงหยดน้ำถอดแบบจากรุ่นดั้งเดิม
Type XX Chronographe 2067 คือ นิยามแห่งรุ่น “Civilian” เวอร์ชันสำหรับพลเรือนที่สืบเชื้อสายโดยตรงมาจาก Type XX รุ่นพลเรือนที่ดีที่สุด บนหน้าปัดสีดำ แต่มีความแตกต่างกันในหลายแง่มุมทีเดียว อย่างแรกคือการแสดงค่าต่างๆ ด้วย 3 วงหน้าปัดย่อย ได้แก่ ระบบจับเวลา‘flyback’ 15 นาที ฟังก์ชันแสดงเวลาแบบ 12 ชั่วโมง และ small seconds โดยตัวแสดงค่าต่างๆ เคลือบพรายน้ำสีงาช้าง ส่วนเม็ดมะยมเป็นทรงตรงสุดคลาสสิก
ทั้งสองตัวเรือนหน้าปัดสตีลขนาด 42 มิลลิเมตร ขอบหน้าปัดเซาะร่องหมุนได้สองทิศทาง เช่นเดียวกับรุ่นส่งมอบให้กองทัพอากาศ หน้าปัดสีดำที่ผสมผสานสไตล์อันเป็นตำนานแห่ง “ประวัติศาสตร์ของ Breguet” โดดเด่นตัวเลขอารบิก และหน้าต่างแสดงวันที่ระหว่างตำแหน่ง 4 และ 5 นาฬิกา เม็ดมะยมสามารถปรับได้ 3 ตำแหน่ง คือ ตรงกลาง ปรับตั้งวันที่และปรับตั้งเวลา ปุ่มกด ณ 2 นาฬิกาทำหน้าที่ให้กลไกโครโนกราฟเริ่มทำงาน
ส่วนปุ่ม ณ 4 นาฬิกาคือฟังก์ชัน ‘flyback’ ปุ่มแรก เพื่อเริ่มและหยุดการจับเวลา ส่วนอีกปุ่มทำหน้ารีเซ็ตกลไก ประสิทธิภาพกันน้ำที่ 10 บาร์ (100 เมตร) สามารถสำรองพลังงานได้นาน 60 ชั่วโมง โดยสามารถชื่นชมการทำงานและความงดงามของกลไกผ่านคริสตัลแซฟไฟร์ที่ด้านหลังตัวเรือน ผ่านการขัดตกแต่งลวดลายต่างๆ ทั้งแบบ sunburst ( ลำแสงพระอาทิตย์) snailing (การขัดแต่งรูปก้นหอย) bevelling (การแต่งลบคม) circular graining (การขัดลายวงกลม) ตกแต่งคอลัมน์วีลสีดำด้วยเทคนิค DLC ให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น รวมถึงลานสีดำที่มีรูปทรงเหมือนเครื่องบินและสลักโลโก้ Breguet
Breguet Type XX ทั้งสองรุ่นกับ 6 สายนาฬิกาล่าสุด รังสรรค์ขึ้นเพื่อเรือนเวลาตระกูลนี้โดยเฉพาะ เริ่มจากสายสตีล ที่ถ่ายทอดความลงตัวทั้งความเท่ห์สง่างาม รวมถึงไลฟ์สไตล์แบบคนรักการผจญภัย ต่อด้วยสาย Nato (นาโต้) ในโทนสีสุดคลาสสิกอย่างสีน้ำตาล เขียวและเทา รวมทั้งมีสายหนังสีดำที่สามารถเลือกสีตะเข็บหนังระหว่างสีเขียวหรือเบจได้อีกด้วย
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF BREGUET