Bovet นำความหลงใหลของวัตถุล้ำค่าจากท้องฟ้า Meteorite Gibeon รังสรรค์เรือนเวลาคอลเลกชัน 19Thirty Blue Meteorite
Bovet นำความอันน่าหลงใหลของวัตถุล้ำค่าจากท้องฟ้าอย่าง Meteorite Gibeon (เมทิออไรต์ กิเบโอน) ที่ตกลงมาบนผิวโลกเป็นเวลากว่า 40 ล้านปี มารังสรรค์เป็นเรือนเวลาคอลเลกชัน 19Thirty Blue Meteorite บรรจุกลไกที่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต ที่มีประสิทธิภาพการทำงานที่รองรับพลังงานได้สูงสุดถึง 7 วัน
Meteorite หรือ หินอุกกาบาตเป็นหนึ่งในวัตถุเก่าแก่และหายากที่สุดในโลก ได้ตกลงมาจากท้องฟ้าเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน มีความเชื่อว่าเมทิออไรต์ เกิดขึ้นจากการเป็นส่วนหนึ่งของแถบดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัส ที่ถูกกระแทกออกจากวงโคจรด้วยการชน จึงเกิดการหักเหดิ่งลงสู่พื้นโลกด้วยความเร็วสูงถึง 28,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แปรสภาพเป็นดาวตก หรือ ดาวตกที่ลุกไหม้ก่อนจะตกลงบนผิวโลก โดยเมทิออไรต์ได้รับการเรียกชื่อตามสถานที่ที่พบค้นพบเมื่อปีค.ศ. 1836 ในทะเลทรายนามิเบีย ทวีปแอฟริกาใกล้กับหมู่บ้าน Gibeon อันเป็นที่มาของชื่อเรียก และเชื่อว่าเมทิออไรต์ชนิดนี้ได้ตกลงมาอยู่บนพื้นโลกมามากกว่า 40 ล้านปีมาแล้ว เมทิออไรต์ กิเบโอน มีส่วนประกอบของโลหะ นิกเกิล และโคบอลต์ในปริมาณเล็กน้อย มีคุณสมบัติที่ไม่เป็นพิษและไม่มีผลกับแรงดึดดูจากสนามแม่เหล็ก จึงสามารถนำใช้กับการผลิตนาฬิกาได้อย่างปลอดภัย
Bovet นำเสนอความงดงามของเมทิออไรต์ผ่านการรังสรรค์ บนพื้นหน้าปัดของเรือนเวลาคอลเลกชัน 19Thirty เผยลายเส้นที่เรียกว่า Widmanstätten อันเป็นลายเส้นที่เกิดจากโครงสร้างตามธรรมชาติของเมทิออไรต์ โดยลายเส้นนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่แผ่นเมทิออไรต์ได้นำมาตัดแต่งและทำการกัดกร่อนด้วยกรดไนตริก ลวดลายที่ได้ของหน้าปัดแต่ละชิ้นจึงมีความแตกต่างกันอย่างมีเอกลักษณ์ และได้รับการเคลือบด้วยเทคนิค PVD สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการนำเมทิออไรต์มาเคลือบพื้นผิวด้วยกรรมวิธีนี้
Bovet 1822 19Thirty Blue Meteorite ปรากฏในตัวเรือน Fleurier (เฟลอริเยร์) ที่มีดีไซน์ชวนให้นึกถึงนาฬิกาพก อันเป็นรูปทรงตัวเรือนในแบบฉบับของ Bovet ขนาด 42 มิลลิเมตร หนา 9.05 มิลลิเมตร จัดวางเม็ดมะยมประดับคาโบชองและหูสายทรงห่วง ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา
ผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบาแต่มีความแข็งแกร่งทนทานอย่างไทเทเนียมเกรด 5 ที่ได้รับการขัดแต่งพื้นผิวด้านในแบบพ่นทราย พลิกมาที่ด้านหลังตัวเรือนจะพบกับฝาหลังตัวเรือนที่กรุกระจกคริสตัลแซฟไฟร์โปร่งใส เผยกลไกการทำงานที่ได้รับการขัดแต่งด้วยลวดลายอันงดงาม
เช่นเดียวกับเรือนเวลาคอลเลกชัน 19Thirty รุ่นอื่นๆ พื้นหน้าปัดจัดวางโครงสร้างการบอกเวลาเป็นชั่วโมงและนาทีแบบเยื้องศูนย์กลาง ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และจัดวางหน้าปัดขนาดเล็กสำหรับแสดงเวลาเป็นวินาทีไว้ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา โดยหน้าปัดทั้งสองมีการซ้อนทับเพียงเล็กน้อยในลักษณะคล้ายเลข 8 ไม่เพียงเท่านี้ ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา แสดงมาตรพลังสำรองลานทรงโค้งไว้ด้วย
ปรากฏในตัวเรือน Fleurier (เฟลอริเยร์) ที่มีดีไซน์ชวนให้นึกถึงนาฬิกาพก อันเป็นรูปทรงตัวเรือนในแบบฉบับของ Bovet จัดวางเม็ดมะยมประดับคาโบชองและหูสายทรงห่วง ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบาแต่มีความแข็งแกร่งทนทานอย่างไทเทเนียมเกรด 5 ที่ได้รับการขัดแต่งพื้นผิวด้านในแบบพ่นทราย ขนาด 42 มิลลิเมตร หนา 9.05 มิลลิเมตร พลิกมาที่ด้านหลังตัวเรือนจะพบกับฝาหลังตัวเรือนที่กรุกระจกคริสตัลแซฟไฟร์โปร่งใส เผยกลไกการทำงานที่ได้รับการขัดแต่งด้วยลวดลายอันงดงาม
กลไกที่ทำงานอยู่ภายในนาฬิกา 19Thirty Blue Meteorite คือ กลไก in-house ไขลานด้วยมือ Caliber 11BM04 สร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิเศษสุดให้มีตลับลานเพียง 1 ชิ้น แต่สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 7 วัน ทำงานด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง สวมใส่คู่สายผ้าสีน้ำเงิน
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF BOVET
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon