ถอดรหัส ไขความสำเร็จของ BLACKPINK ว่าเหตุใดเกิร์ลกรุ๊ปจากค่าย YG ENTERTAINMENT ถึงครองใจผู้คน และก้าวสู่ระดับโลกทั้งดนตรีและแฟชั่น
เมื่อพูดถึง แบล็คพิ้งค์ (BLACKPINK) วงเกิร์ลกรุ๊ปสัญชาติเกาหลีที่มีหนึ่งสมาชิกไทยอย่าง ลิซ่า ลลิษา มโนบาล และสามสาวเกาหลีอย่าง เจนนี่ จีซู และ โรเซ่ ผู้คนอาจจะมีคำจำกัดความมากมายที่สามารถเลือกใช้อธิบายถึงตัวตนและความสำเร็จของพวกเธอ
‘เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีวงแรกที่ได้ไปแสดงบนเวทีดนตรีระดับโลกอย่างโคเชล่า (Coachella) และมียอดเข้าชมไลฟ์ครั้งนั้นกว่า 12 ล้านครั้ง’
‘เกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มแรกของโลกที่ติดอันดับ Forbes Asia’s 30 under 30 และได้รับการยอมรับจากศิลปินดังระดับโลกอย่างอารีอานา แกรนเด (Ariana Grande), ดูอา ลิปา (Dua Lipa), ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ (Pharrell Williams), Will Smith (วิลล์ สมิธ) รวมถึงมีโอกาสได้ร่วมงานกับตัวแม่อย่าง เซลีนา โกเมซ (Selena Gomez) มาแล้ว’
หรือในฐานะ ‘เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีที่เจิดจรัสสุด ๆ ในวงการแฟชั่น และถูกเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนสำคัญของแบรนด์แฟชั่นระดับโลกครบทุกคน‘
ดูเหมือนมีคำจำกัดความอะไรที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ และผลักดันพวกเธอมาอยู่ในจุดนี้ วันนี้ Padthai.co จะชวนคุณไปทบทวนความสำเร็จของพวกเธอและหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
4 ความแตกต่างที่แสนลงตัวในชื่อ BLACKPINK
แบล็คพิ้งค์ เป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกในรอบ 7 ปีของค่าย วายจี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (YG ENTERTAINMENT) ถัดจาก ทูเอนีวัน (2NE1) ที่เดบิวต์ในปี 2009 แน่นอนว่าระยะห่างนี้ทำให้แฟน ๆ ที่ติดตามศิลปินในเครือของวายจีฯ รวมถึงแฟนเพลงทั่วไป ต่างก็ให้ความสนใจกับการเดบิวต์เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ของวายจีในตอนนั้น
ไม่ว่าจะเป็นคลิป Who’s That Girl ที่เผยให้เห็นเด็กสาวที่กำลังซ้อมเต้นและโชว์สกิลการเต้นที่ทั้งแข็งแรงและน่าสนใจ พร้อมกับข่าวลือว่าเธอคือ ‘ลลิษา’ สาวไทยหนึ่งเดียวในวง
หรือการปรากฏตัวในมิวสิควีดีโอของศิลปินในค่าย ทั้ง เจนนี่ ที่ร่วมฟีเจอริ่งและเป็นนางเอกมิวสิควีดีโอเพลง That xx เพลงในอัลบั้มโซโล่ของ จีดราก้อน ศิลปินรุ่นพี่เบอร์ใหญ่ของค่าย หรือ จีซู ที่ประกบคู่ บ็อบบี้ จากวง iKON ในเพลง I’m Different ของฮาอีและซูฮยอน
สิ่งเหล่านี้สร้างความตื่นเต้นและสร้างฐานแฟนคลับให้กับวงตั้งแต่ยังไม่มีการเปิดตัวภายใต้ชื่อ แบล็คพิ้งค์ จนกระทั่งวายจีฯได้ประกาศชื่อวงและสมาชิกอย่างเป็นทางการ ลิซ่า โรเซ่ เจนนี่ และจีซู จึงเข้าไปอยู่ในใจของแฟน ๆ ได้ไม่ยาก
ด้วยเอกลักษณ์และความเป็นตัวตนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนและถูกรวมเอาไว้อย่างลงตัวนี้เอง ภาพลักษณ์ Girl Crush ที่มีความเท่ และมั่นใจในแบบของผู้หญิงยุคใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนหวาน น่ารักตามสไตล์สาวเกาหลีแบบพิมพ์นิยม จึงไม่แปลกที่นอกจากหนุ่มๆ จะตกหลุมรักพวกเธอ สาวๆหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชอบและมองพวกเธอเป็นเสมือนโรลโมเดลเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นความน่ารักและมั่นใจของ เจนนี่ แรปเปอร์ตัวเล็กตาเฉี่ยว ดีกรีนักเรียนนอกสุดชิค แต่งตัวมีสไตล์ ความเท่ของ ลิซ่า สาวไทยหนึ่งเดียวของวงที่มาพร้อมผมหน้าม้าอันเป็นเอกลักษณ์ และความสามารถในการเต้นที่ไม่เป็นสองรองใคร
ไปจนถึงภาพลักษณ์สาวสวยมากความสามารถอย่าง จีซู ที่มีผลงานด้านพิธีกรและงานโฆษณามาแล้วมากมาย และโรเซ่ ที่มาพร้อมกับเสียงร้องทรงพลังอันเป็นเอกลักษณ์ และความสามารถดนตรีหลากหลาย แถมยังพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว สมชื่อสาวนิวซีแลนด์ที่มาเติบโตในออสเตรเลีย
เรียกว่าถ้าชอบสาวสไตล์ไหน ในแบล็คพิ้งค์ก็มีให้เลือกปักเมนได้หมด!
เพลงฮิตติดหู ท่อนร้องติดปาก
จาก BLACKPINK IN YOUR AREA สู่ HOW YOU LIKE THAT
นอกจากคาแรคเตอร์อันแสนมีเอกลักษณ์ หนึ่งในสเน่ห์ที่ทำให้ไม่ว่าใครก็ต่างนิยมชมชอบ แบล็คพิ้งค์ ก็คือเพลงฮิตติดหูจากพวกเธอ ด้วยซาวด์แบบอีดีเอ็ม-ป็อป ที่มีกลิ่นอายความเป็นแทร็ปและฮิปฮอป ทำให้ฟังแล้วรู้สึก ‘คลิ๊ก’ ได้ง่ายๆ
ตั้งแต่เพลงเดบิวต์อย่าง Whistle และเพลงเต้นอย่าง Boombayah จากซิงเกิ้ล Square One ที่มีท่อนฮุคสุดฮิตที่ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดงก็สามารถร้องและเต้นตามได้ง่ายๆ พร้อมประโยค BLACKPINK IN YOUR AREA ที่ทำให้ชื่อของแบล็คพิ้งค์กลายป็นที่จดจำ
Boombayah ติดอันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลงระดับโลกอย่าง บิลบอร์ด เวิลด์ดิจิทัลซองส์ (Billboard World Digital Songs) ในฐานะศิลปินเกาหลีผู้หญิงวงแรกที่ขึ้นสูงถึงอันดับหนึ่ง และยิ่งผลักดันให้พวกเธอเข้ามาอยู่ในกระแสและได้รับความสนใจในวงกว้าง ต่อมาในซิงเกิ้ล Square Two พวกเธอย้ำความสำเร็จอีกครั้งในเพลง Playing With Fire ที่มาพร้อมประโยคเด็ด My Love is on Fire, Now Burn Baby Burn และขึ้นไปแตะชาร์ตอันดับ 1 ของบิลบอร์ดอีกครั้ง
พวกเธอคว้ารางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากรายการเพลงประจำปี 2016 ของเกาหลีแทบทุกเวที และกลับมาอีกครั้งในปี 2017 กับซิงเกิ้ล As If You Last ที่แน่นอนว่ายังคงแรงอย่างต่อเนื่อง และมาพร้อมท่อนร้องที่ติดหูและสามารถร้องตามได้ง่ายๆ แม้จะเป็นภาษาเกาหลี อย่างวลี ‘มาจิมักชอรอม’ (แปลเป็นไทยคือ เหมือนเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งอยู่ในบริบทเดียวกันกับชื่อเพลงภาษาเกาหลี)
จากความสำเร็จของทุกเพลงที่ผ่านมา จนถึง Ddu-Du-Ddu-Du กับท่อนฮุคที่มีท่าเต้นยิงปืน, Kill This Love ที่ทำเอาลูกเด็กเล็กแดงพากันร้อง Let’s Kill This Love กันทั้งบ้านทั้งเมือง รวมทั้งเพลงล่าสุดจากอัลบั้มเต็มอย่าง How You Like That เราสามารถสังเกตได้ว่า ไม่เพียงบีทและดนตรีที่เร้าใจตามแบบฉบับของ เท็ดดี้ ปาร์ค (Teddy Park) โปรดิวเซอร์มือฉมังที่อยู่เบื้องหลังเพลงของสาวๆ
แต่เพลงของแบล็คพิ้งค์แทบทุกเพลง จะถูกเขียนให้มีท่อนฮุคที่ติดหู สามารถร้องและเต้นตามได้ง่าย โดยไม่ลืมที่จะสอดแทรกอัตลักษณ์ของความเป็นสาวแกร่ง เท่ และนำสมัย ที่ช่วยเสริมให้ภาพลักษณ์อันโดดเด่นของพวกเธอแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม
จึงไม่ยากที่ในทุกครั้งเมื่อปล่อยเพลงใหม่ พวกเธอจะทะยานไปแตะสถิติใหม่ๆ เสมอ ไม่ว่าจะในเกาหลี หรือบนเวทีระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการได้เซ็นสัญญากับค่ายสัญชาติอเมริกันอย่าง อินเตอร์สโคป เรคคอร์ดส์ (Interscope Records) และบุกตลาดเพลงอเมริกาอย่างเต็มตัว
รวมถึงการได้ขึ้นแสดงบนเวทีงาน โคเชลลา (Coachella) ที่แม้ผู้ฟังส่วนใหญ่จะไม่ใช่แฟนเคป็อป แต่ก็ได้รับผลตอบรับในแง่บวกอย่างมหาศาล และส่งให้พวกเธอยิ่งเป็นที่รู้จักในระดับโลก
เจ้าแม่ไวรัล และบทบาทของเซเลบริตี้สุดฮ็อตแห่งวงการแฟชั่นในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์
ด้วยรสนิยมทางแฟชั่นอันโดดเด่น รวมถึงการอยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลท์ในฐานะศิลปินระดับโลก แน่นอนว่าแฟนคลับของพวกเธอทั้งหญิงและชายย่อมสนใจในทุก ๆ ไลฟ์สไตล์ของพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่พวกเธอฟัง หนังที่พวกเธอดูตลอดจนถึงเสื้อผ้าที่พวกเธอสวมใส่
ทำให้หลายๆ ครั้งสาว ๆ แบล็คพิ้งค์ ก็รับบท เจ้าแม่ไวรัล โดยไม่รู้ตัว อย่างครั้งสาว โรเซ่ แชร์คลิปวีดีโอการเดินแฟชั่นรันเวย์คอลเลคชั่น SUMMER 21 ของ แซงต์ โลรองต์ โดย แอนโทนี วักกาเรลโล (Anthony Vaccarello) ลงบนอินสตาแกรมสตอรี่ และทำให้คลิปแฟชั่นรันเวย์ความยาว 11 นาทีนั้น มียอดผู้เข้าชมพุ่งกระฉูด รวมกันทุกแพลตฟอร์มกว่า 100 ล้านวิว
หรือล่าสุด ที่ลิซ่าโพสต์คลิปเต้นของตัวเองในเพลง Tomboy ของ เดสตินี่ โรเจอร์ส (Destiny Rogers) ลงบนยูทูบในชื่อ Lili’s Movie ทำให้เพลง Tomboy กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ต และขึ้นไปถึงอันดับ 12 ของชาร์ตระดับโลกอย่างSpotify Viral 50 Global Chart จนเดสทินี่ต้องออกมาขอบคุณลิซ่าที่ช่วยสนับสนุนผลงานเพลงของเธอ
กระนั้นความนิยมและสนใจไม่ได้ถูกเทไปที่สมาชิกคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะด้วยคาแรคเตอร์ที่แตกต่างและหลากหลาย ทำให้สมาชิกทุกคนถูกเลือกให้เป็น แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลก และ มิวส์ (Muse) ของหลากหลายแบรนด์แฟชั่นและบิวตี้ไม่ซ้ำกัน
สาวชิคดีกรีนักเรียนนอกอย่าง เจนนี่ ถูกเลือกให้เป็น เฮ้าส์ แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ของ ชาเนล (CHANEL) ในปี2018 และได้รับเทียบเชิญให้นั่งฟร้อนท์โรลในแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ในทุกคอลเลกชั่น โดยเจนนี่จะปรากฏตัวด้วยลุคชาแนลที่ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์คุณหนูสุดชิคของเธอชัดเจนยิ่งขึ้น
นอกจากนี้เธอยังเคยได้รับการเชื้อเชิญจากแบรนด์อายแวร์สชื่อดังของเกาหลีอย่าง Gentle Monster ให้ไปร่วมออกแบบคอลเลกชั่นแว่นตาในชื่อ ‘Jentle Home’ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านตุ๊กตา ของเล่นในความทรงจำวัยเด็กของเจนนี่
มาต่อกันที่ Yves Saint Laurent แบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสที่มากับภาพลักษณ์ความเรียบเท่ และเก๋ไก๋ เข้ากันอย่างยิ่งกับลุคสาวสวยอินเตอร์ ความสามารถรอบด้านของ โรเซ่ ที่นอกจากจะเป็น เฟรนด์ส ออฟ เดอะ เฮ้าส์ (Friends of The House) ของแบรนด์แล้ว ยังถูกเลือกให้เป็นมิวส์ของ YSL BEAUTY เมื่อต้นปีที่ผ่านมาด้วย
สาวสวยอย่าง จีซู ได้รับเลือกให้ก้าวสู่เวทีแฟชั่นระดับโลกในฐานะ เฟส ออฟ ดิออร์ ( Face of Dior) จากไลน์บิวตี้ของ ดิออร์ (DIOR) แบรนด์ลักชัวรี่ระดับโลก และล่าสุดกับการได้รับเลือกในฐานแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกในไลน์แฟชั่น ด้วยความเป็นพี่สาวคนโตของวง เธอสะท้อนภาพลักษณ์ของสุภาพสตรีผู้สง่างาม ที่มาพร้อมกับความเรียบหรูตามแบบฉบับของดิออร์
ปิดท้ายที่สาวเท่อย่าง ลิซ่า เธออยู่ในฐานะ มิวส์ และ แอมบาสเดอร์ระดับโลก จากแบรนด์ เซลีน (CELINE) เธอเคยปรากฏตัวพร้อมกระเป๋ารุ่น 16 Bag in Sainated Calfskin กระเป๋าสุดพิเศษรุ่นเดียวกับเลดี้ กาก้า และแองเจลิน่า โจลี่ และยังได้เข้าร่วมชมแฟชั่นโชว์ CELINE Men Spring / Summer 2020 และ CELINE Spring/Summer 2020 ที่ผ่านมา ณ กรุงปารีสในที่นั่งฟรอนต์โรว์ รวมถึงการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์คอสเมติกระดับโลกอย่าง แม็ค (MAC)
เธอมักปรากฏกายในเสื้อผ้าที่พรีเซนต์ความเรียบโก้ ภายใต้ความมินิมอล ซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์และความเป็น เซลีน ทั้งในยุคของ ฟีบี้ ฟิโล (Phoebe Philo) และผสมผสานความเท่แบบมัสคูลีนนิด ๆ ตามแบบที่ เอดี สลิมาน (Hedi Slimane) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนปัจจุบันของ เซลีน ชื่นชอบ
นอกจากนี้เธอยังได้รับเลือกจากแบรนด์จิวเวลรี่ระดับโลกอย่าง บุลการี (BVLGARI) ให้เป็น แบรนด์แอมบาสเดอร์ ในปี 2020 ที่ผ่านมา และเข้าร่วมแคมเปญดิจิทัลของคอลเลกชั่น เซร์เปนติ และ บี.ซีโรวัน (Serpenti และ B.Zero1) ที่ได้รับความสนใจอย่างสูงจากทั่วโลก โดยทางแบรนด์ให้เหตุผลว่าตัวตนและความมีเอกลักษณ์ นำสมัย และโดดเด่นไม่ซ้ำใครของลิซ่า ทำให้ความเป็นไอคอนแฟชั่นในตัวเธอเปล่งประกาย
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวตนของพวกเธอคือกุญแจสำคัญที่เปิดประตูให้พวกเธอทั้งสี่ก้าวไปสู่ความสำเร็จบนเวทีระดับโลกทั้งด้านดนตรีและแฟชั่นอย่างสง่างาม ตอนนี้ก็เหลือแค่รอดูว่าในการกลับมาครั้งหน้าของพวกเธอ ทั้งสี่สาวจะทะยานขึ้นไปสู่จุดไหน และ Padthai.co ก็เชื่อว่าเหล่าบลิ๊งค์ รวมถึงพวกเราก็ตื่นเต้นเช่นกันในการรอลุ้นว่าจะได้เห็นความแปลกใหม่อะไรจากแบล็คพิ้งค์อีกในปีที่จะถึงนี้
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF YG ENTERTAINMENT, CHANEL, YVES SAINT LUARENT, BVLGARI, CELINE, MAC AND BLACKPINK OFFICIAL
อ่านคอนเทนต์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Blackpink
- ROSE FIRST SINGLE ALBUM -R- เดบิวต์โซโล่สุดปัง!
- JISOO BLACKPINK กับบทบาทใหม่ในฐานะ Global Ambassador แบรนด์ระดับโลกของ DIOR
- Adidas R.Y.V. คอลเลกชั่นใหม่จาก Adidas Original โดยได้ BLACKPINK ร่วมแคมเปญ “Watch Us Move”
- 7 ไอเทมเมคอัพชิ้นโปรดของลิซ่าจาก M·A·C Cosmetics
- LISA is MAC’s Newest Global Ambassador
- Rosé BLACKPINK โชว์พลังแห่งอินฟลูเอนเซอร์ แชร์รันเวย์แฟชั่น SUMMER 21 สุดไวรัล จาก SAINT LAURENT
- ‘Jentle Home’ ผลงานคอลแลปส์ล่าสุดจาก “JENNIE BLACKPINK x GENTLE MONSTER”