“Blackout” นิทรรศการเดี่ยวครั้งสำคัญของ Munins ศิลปินเจ้าของลายเส้นอันเปี่ยมด้วยความรู้สึกผู้เป็นที่ยอมรับในวงการนักวาดกว่า 10 ปี
ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ภูมิใจเสนอนิทรรศการเดี่ยวครั้งสำคัญของ Munins ศิลปินเจ้าของลายเส้นอันเปี่ยมด้วยความรู้สึกผู้เป็นที่ยอมรับในวงการนักวาดกว่า 10 ปี ที่จะพาผู้ชมเข้าไปสำรวจภาวะหนึ่งที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วพริบตา พร่าเลือนทางการมองเห็น แต่ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำตลอดกาล
“Blackout” หมายถึง ภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น หรือที่หลายคนมักเรียกว่า “ภาพตัด” เป็นภาวะราวกับห้วงเวลาได้หยุดนิ่ง เหลือแต่เพียงความมืดมิด ว่างเปล่า เงียบงัน จนกระทั่งเสียงที่ดังที่สุดอาจจะเป็นเสียงกรีดร้องของความคิดของตนเอง ในภวังค์แห่งนี้ หลากความรู้สึก ล้านความทรงจำที่เราเคยทำร่วงหล่นหายไประหว่างการเดินทางภายใต้เงื่อนไขอันซับซ้อนของชีวิต กลับกระจ่างชัดขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งความทรงจำที่สนุกสนาน บ้าบิ่น หวาดกลัว เบื่อหน่าย เหงาเศร้า หรือแม้กระทั่งความทรงจำอันปวดร้าวที่พร้อมจะทำลายตัวเราทุกครั้งที่นึกขึ้นมา
จนบางครั้งเมื่อเราตื่นจากภวังค์ เมื่อแสงสว่างกลับมาเยือนอีกครั้ง เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่าความทรงจำอันท่วมท้นเหล่านั้นไปซุกซ่อนตัวอยู่ตรงไหนกันแน่?
นิทรรศการครั้งนี้ Munins ได้เปรียบเทียบช่วง Blackout กับความเปราะบางชั่วขณะที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรา ทั้งช่วงเวลาที่สูญเสียคนรัก ช่วงเวลาที่รู้สึกโดดเดี่ยว ช่วงเวลาที่ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ช่วงเวลาที่เผชิญหน้ากับปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ และการพยายามก้าวผ่านภาวะเหล่านั้นด้วยความหวังและกำลังใจ โดย Munins ได้ถ่ายทอดเรื่องราวอันเปี่ยมความหมายที่กลั่นออกมาจากประสบการณ์ชีวิตของเธอผ่านทางภาพวาดของมนุษย์อันหลากหลายที่ต่างกำลังว่ายวนอยู้ในห้วงอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกัน แต่กลับมีจุดร่วมกันอย่างน่าประหลาดคือการสวม ‘ถุงเท้า’ และ ‘ถุงมือ’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงการอนุญาตให้ตนเองสัมผัสถึงบางความรู้สึกอย่างกล้าหาญ หรือแม้แต่ป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากอารมณ์ในชั่วขณะหนึ่ง
ซึ่ง Munins ได้ร้อยเรียงภาพทั้ง 46 ภาพนี้ออกมาเป็นเรื่องราวใน 4 โซนของนิทรรศการ นั่นคือ
Grayout : Fading of Vision ภาพซ้อน ภาพเบลอ ภาพขาวดำ
Blackout: Unconsciousness ภาพตัด
Brownout : Loss of Motivation ภาพที่ริบหรี่ ความทรงจำที่จะกลับมาเมื่อถูกกระตุ้น
REM : Dreams แสงสว่าง ความหวัง การมีชีวิต
โดยนิทรรศการครั้งนี้นอกจากจะเป็นนิทรรศการครั้งสำคัญของเธอแล้ว ยังเป็นครั้งแรกของการแสดงนิทรรศการเดี่ยวด้วยภาพอะคริลิคทั้งหมดและเป็นครั้งแรกที่ Munins วาดภาพขนาดใหญ่กว่า 4 เมตร รวมถึงการจัดแสดงผลงาน Animation ที่เผยถึงความเปราะบางของมนุษย์ที่สวมถุงมือเหล่านี้อีกด้วย
Munins เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าท่ามกลางความเปราะบางอันมืดมิด แท้จริงแล้วอาจจะมีเฉดสีอื่น ๆ ให้เราได้เพ่งมอง ขอเพียงเราโอบกอดและยอมรับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ แตะต้องทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นและต่อจากนั้นด้วยความเข้าใจ ยินดี ยินยอม และทะนุถนอมมันขึ้นกว่าเดิม
ลองอยู่กับความมืดสักครั้ง แล้วคุณจะเห็นบางอย่างชัดเจนขึ้น
เกี่ยวกับศิลปิน
Munins หรือ มุนินทร์ สายประสาท (เกิดปี พ.ศ. 2531) คือศิลปิน นักเขียน และนักวาดที่มีชื่อเสียงมากกว่า 10 ปี เธอชอบอ่านการ์ตูนและใฝ่ฝันจะอยากจะเรียนวาดรูปตั้งแต่เด็ก ๆ ต่อมาชีวิตกลับหันเหด้วยการไปเข้าเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังจากจบการศึกษา Munins มุ่งหน้าทำสิ่งที่เธอชอบอย่างแท้จริงคือการวาดการ์ตูน โดยเริ่มต้นจากการเขียนการ์ตูนนิยายภาพโทนสีเทาที่เล่าเรื่องความสัมพันธ์หลากรูปแบบ ทั้งในมุมที่อบอุ่น อ่อนโยน และโรแมนติก
จุดเด่นในงานของ Munins คือการสร้างตัวละครที่สื่อสารอารมณ์ความรู้สึกจนทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าตัวละครของเธอนั้นมีชีวิตจริง ๆ ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันและเชื่อมโยงกับตัวละครของเธอ นอกจากลายเส้นที่จับใจผู้ชมแล้ว Munins ก็เป็นนักเขียนผู้มีจุดแข็งในการถ่ายทอดความรู้สึกทั้งสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน จนทำให้เธอมีแฟนหนังสือมากมาย และได้กลายเป็นนักเขียนและนักวาดที่มีผู้ติดตามในเฟสบุ๊คกว่า 600,000 คน
จากนักเขียนการ์ตูน Munins เริ่มเข้าสู่วงการ Fine Arts ในปี 2022 ด้วยนิทรรศการ “B-Side” ที่ Palette Art Space ที่เธอได้นำเสนอทั้งผลงานแบบดิจิทัลและ NFT อีกทั้งยังได้ร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการกลุ่มกับ “Shall I Compare Thee to a Summer’s Day?” (2022) และ “To the Moon and (Never) Back” (2023) ที่ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อกในเวลาต่อมา โดยผลงานนิทรรศการเดี่ยว “Blackout” (2024) ของเธอในครั้งนี้ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตการทำงานของ Munins ที่เธอได้สร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบที่เติบโตและท้าทายตนเองมากขึ้น ทั้งการเลือกถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตและความสัมพันธ์ในรูปแบบที่ไม่สวยงาม ซึ่งมาจากประสบการณ์ชีวิตของเธอเอง การใช้สีดำเป็นสีหลัก ซึ่งในอดีตเป็นโทนสีที่เธอมักจะหลีกเลี่ยงเพราะรู้สึกว่าเป็นสีที่หม่นหมองอย่างชัดเจน นอกจากนี้ Munins ยังมีการทดลองใช้เฉดสีอื่น ๆ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน รวมทั้งเปลี่ยนวิธีการทำงาน จากเดิมเป็นการทำงานที่เน้นสมองในการเรียบเรียงเรื่องราว กลายเป็นการวาดภาพโดยปล่อยให้จิตใต้สำนึกได้โลดแล่นอย่างอิสระให้อารมณ์ความรู้สึกนำทางลายเส้นและพาเธอเดินทางไปในมิติที่เธอไม่เคยได้สัมผัส ซึ่งหลายต่อหลายภาพในนิทรรศการก็เกิดขึ้นในช่วงภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นหรือช่วงเวลา Blackout ของเธอซึ่งตรงกับชื่อนิทรรศการนั่นเอง
แล้วพบกับ “Blackout” นิทรรศการที่จะพาคุณไปสัมผัสกับความมืดมิดที่อาจทำให้คุณเห็นอะไร ๆ ชัดเจนขึ้น
เปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ – 10 มีนาคม 2567 ที่ RCB Galleria 1 ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF RIVERCITY BANGKOK
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
