Best fragrances น้ำหอมสุภาพบุรุษแห่งปีที่ Padthai.co ได้เลือกสรรมาในวันนี้เป็นน้ำหอมจากดีไซเนอร์แฟชั่นชื่อดังระดับโลกทั้งฝรั่งเศสและอิตาเลียน น้ำหอมจากแบรนด์ที่เป็นทั้งเครื่องประดับขั้นสูงและแบรนด์ไลฟ์สไตล์ และน้ำหอมจากสุดยอดการรังสรรค์จากแบรนด์ดังที่มุ่งผลิตเฉพาะแต่เครื่องหอมเท่านั้น และน้ำหอมเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะให้ความหอมรื่นรมย์ทางประสาทสัมผัสทางด้านกลิ่นเท่านั้น ยังให้ความรื่นรมย์ทางด้านสายตาด้วยสีฟ้าใสของน้ำหอมและบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบเรียบหรูอย่างประณีตบรรจงอีกด้วย นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า ‘กลิ่นนั้นส่งผลต่อความทรงจำของเรามากที่สุด’ มากกว่าการเห็นหรือได้ยินเสียอีกเพราะสมองนั้นสามารถเชื่อมโยงระหว่างกลิ่นและความทรงจำ ทั้งกลิ่นหอมสามารถช่วยปรับอารมณ์ เพิ่มความสุนทรีย์ได้อีกด้วย จริงๆแล้วความหอมเป็นสากลเหมือนกับสิ่งสวยงามทั่วไป คนส่วนใหญ่จะเห็นตรงกัน แต่อีกส่วนหนึ่งคือความชอบส่วนบุคคล น้ำหอมที่คัดสรรมาในครั้งนี้มาจากแบรนด์ชั้นนำทางแฟชั่นและเครื่องประทินผิว และจากแบรนด์ที่ผลิตเฉพาะเครื่องหอมเท่านั้น ดังต่อไปนี้
1. Bvlgari Man Glacial Essence (บุลการี แมน เกลเชี่ยล เอสเซ้นส์)
ความหอมจากแบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาชั้นสูงจากอิตาลี ทั้งยังมีโรงแรมอันหรูทันสมัยในหลายประเทศ นับว่าบุลการีเป็นแบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง น้ำหอมแห่งชายชาตรี นำเสนอความสดชื่นอันเต็มเปี่ยมกับความลำพองของผู้พิชิตขุนเขาอันเยือกเย็น ด้วยความหอมของจูนิเปอร์ เบอร์รี่ ขิงสกัด และเยราเนียม
2. Dior Sauvage (ดิออร์ โซวาจ ที่แปลว่า เถื่อน!)
รุ่นล่าสุดรังสรรค์โดย François Demachy จากความรู้สึกของที่โล่งกว้าง ท้องฟ้าแจ่มใสสีฟ้าห่อหุ้มด้วยโอโซน เหนือเกาะแก่งหินของทะเลทรายภายใต้แสงอาทิตย์ ฟังดูเร่าร้อนด้วยการผจญภัย ดิบแต่แฝงด้วยความสูงส่ง ซึ่งจอห์นนี่ เดปป์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ได้อย่างเห็นภาพชัดเจน! นับเป็นหนึ่งใน the best fragrances ที่สุภาพบุรุษทั่วโลกชื่นชอบด้วยความหอมสะอาด สดชื่น ชุ่มฉ่ำด้วยพืชตระกูลมะนาว กำจายด้วยพริกไทยอันซาบซ่าน ละมุนอบอุ่นด้วยเวติเวอร์และมัสก์ เป็นน้ำหอม Sauvage รุ่นใหม่ที่ทันสมัย ให้ความรู้สึกสดชื่นและอิสระเสรี
3. Light Blue Eau Intense Cologne by Dolce & Gabbana
(ไลท์ บลู โอ อินเทนส์ โคโลญ บาย โดลเช่ แอนด์ กับบาน่า)
โคโลญ มีความหอมอ่อนบางกว่าน้ำหอม ส่วน Light blue มีเน้น Eau Intense ถึงความเข้มข้นขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง โดยสุคนธกรชื่อดัง Alberto Morillas ผู้ชนะรางวัลการรังสรรค์น้ำหอมมากมาย (ทั้ง Fifi Award และ François Coty Award) ความหอมแรกของไลท์บลูคือกลิ่นเกร้ปฟรุตและส้มแมนดารินเย็นฉ่ำ ตามด้วยกลิ่นกลางคือจูนิเปอร์ ปิดท้ายด้วยกลิ่นมัสก์ เนื้อไม้และอำพัน
4. Yves Saint Laurent Y by Yves Saint Laurent
(อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ วาย บาย อีฟส์ แซงต์ โลรองต์)
ทุกอย่างเริ่มต้นจาก Why? และนั่นคือ That’s Y สุคนธกรผู้รังสรรค์คือ Dominique Ropion กลิ่นแรกคือ แอลดีไฮด์ มะกรูด ขิง มินต์และมะนาว ส่วนกลิ่นกลางคือใบไวโอเล็ต แอปเปิ้ล เซจ สับปะรดและเยราเนียม และกลิ่นฐานคือ บัลซัม เฟอร์ (Balsam Fir ต้นสนชนิดหนึ่งใบแหลมยาวที่เขียวชะอุ่มตลอดทั้งปี ให้น้ำมันหอม) ที่ให้ความอ่อนละมุน แอมเบอร์กริส (อำพันทะเล ให้ทั้งความหอม และยังช่วยกลิ่นหอมติดทนนาน) เสมือนพลังโอบกอดของแจ๊กเก็ตดำสไตล์อีฟส์ แซงต์ โลรองต์! ปิดท้ายด้วยกลิ่นอันอบอุ่นของ มัสก์ ซีดาร์และเวติเวอร์
5. The House of Creed
ที่มีประวัติอันยาวนานตั้งแต่ปีค.ศ.1760 จากผู้ผลิตถุงมือหนังแด่พระเจ้าจอร์จที่ 3 พระราชาแห่งอังกฤษ กลายมาเป็นผู้ผลิตน้ำหอมแด่ราชวงศ์มากว่า 260 ปี ทั้งพระราชินีวิคทอเรียพระราชนัดดาของพระเจ้าจอร์จที่ 3 ได้ทรงแต่งตั้งให้ครีดเป็นผู้ผลิตน้ำหอมสำหรับราขสำนัก ในสมัยจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ครีดได้ย้ายมาตั้งสำนักงานใหญ่ที่ปารีส เพราะปารีสคือเมืองแนวหน้าแห่งแฟชั่นและด้วยความสามารถในการผลิตเสื้อสูทขั้นสูง และน้ำหอมที่คัดสรรส่วนผสม และทุ่มเทเวลาในการผลิตทำให้ครีดเป็นที่ต้องการของราชสำนัก ผู้ร่ำรวยที่มีรสนิยม จึงเป็นน้ำหอมที่ควรมีไว้ครอบครอง Creed Aventus (ครีดอเวนตัส) โดยสุคนธกรพ่อและลูกชายซึ่งเป็นทั้งเจ้าของและทายาท Olivier Creed และ Erwin Creed ทั้งความสดชื่นของผลไม้ อย่างแบล็กเคอเร้นต์ พืชตระกูลมะนาว แอปเปิ้ล และสับปะรด พร้อมกับสุขุมนุ่มนวลของเนื้อไม้ มะลิจากโมร็อกโก พัทชุลิและกลิ่นของมัสก์และวานิลลา
6. Prada L’Homme by Prada (พราด้า ล็อม บาย พราด้า)
L’Homme เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าผู้ชายนั่นเอง รังสรรค์โดย Daniela (Roche) Andrier ท็อปโน้ตจากเนโรลิ พริกไทยดำ คาร์ดามอน เมล็ดแครอต กลิ่นกลางคือไอริส ไวโอเล็ต เยราเนียม และกลิ่นฐานหอมกรุ่นเนิ่นนานด้วยอำพัน ซีดาร์ พัทชุลิและไม้จันทน์ พราด้า ล็อม คือน้ำหอมทันสมัย ที่ผสานกลิ่นคลาสสิกของน้ำหอมพราด้า คืออำพันและไอริส ให้ความรู้สึกสดชื่น อิสระและท้าทาย
7. Jean Paul Gaultier Le Mâle
(ชอง ปอล โกลติเยร์ เลอ มาล Le Mâle เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ผู้ชาย)
การทำงานร่วมกันระหว่าง ดีไซเนอร์ระดับโลกผู้มีความทันสมัย ท้าทายของฝรั่งเศส กับสุคนธกรชั้นนำอย่าง Francis Kurkdjian (ฟรองซิส คูรจอง) กลายมาเป็นน้ำหอมทันสมัย นุ่มนวล อบอุ่น สมความเป็นชายชาตรีโดยแท้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นน้ำหอมที่โดดเด่น เพราะรังสรรค์ระหว่างความย้อนแย้ง อย่างความความเรียบง่ายกับความโดดเด่น ความสดใสกับอ่อนนุ่มนวล ความแข็งแกร่งกับความเย้ายวน แน่นอนว่าเป็นน้ำหอมที่ดึงดูดเพศตรงข้ามได้อย่างดี ด้วยกลิ่นแรกของความสด กลิ่นโดดเด่นของใบมินต์ ผสานกับกลิ่นโดดเด่นดั้งเดิมคือลาเวนเดอร์ พร้อมด้วยความสดชื่นของเบอร์กาม็อต กลิ่นกลางคือ ซินนามอน ยี่หร่า และกลิ่นช่อดอกส้ม ปิดท้ายด้วยกลิ่นวานิลลา ทองก้าบีน ไม้จันทน์ และสนซีดาร์
8. Diptyque Tam Dao (ดิ๊บทีก ทาม เดา)
เป็นแบรนด์ฝรั่งเศสตั้งขึ้นในปีค.ศ.1961 โดยศิลปิน 3 ท่าน คือ Yves Coueslant เชี่ยวชาญทางด้านการสไตลิ่ง Desmond Knox-Leet ศิลปินวาดภาพ และ Christiane Gautrot ดีไซเนอร์ออกแบบผ้า ทั้งสามมุ่งมั่นในการผลิตเครื่องหอมอย่าง เทียนหอม น้ำมันหอมระเหยสำหรับที่พักอาศัยสำหรับความรื่นรมย์ของบ้าน Diptyque Tam Dao เป็นน้ำหอมยูนิเซ็กส์ Yves Coueslant ได้รับแรงบันดาลใจจากป่าไม้อินโดจีน กลิ่นดอกไม้ผสานกลิ่นเนื้อไม้หอม สนไซเปรส และดอกเมอร์เทิล (ลักษณะคล้ายดอกยี่เข่ง)
9. Acqua di Gio Profondo by Giorgio Armani
(อควา ดิ จิโอ โปรฟอนโด บาย จอร์โจ อาร์มานี)
น้ำหอมจากดีไซเนอร์ อิตาเลียน Giorgio Armani ผู้ออกแบบเสื้อผ้าให้ดาราฮอลลีวูด ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักดีไซเนอร์นามกระเดื่องผู้นี้ Acqua di Gio by Giorgio Armani (อควา ดิ จิโอ โปรฟอนโด บาย จอร์โจ อาร์มานี) เป็นพลังความสดชื่นของน้ำ ซึ่งอาร์มานี ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอิตาเลียนได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Pentellaria เกาะเล็กๆที่เขาไปพักร้อน (อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะซิซิลี ห่างกัน 100 กิโลเมตร และทางตะวันออกของชายฝั่งโมร็อกโก ห่างกันแค่ 60 กิโลเมตร) น้ำหอมนี้รังสรรค์โดยสุคนธกรชื่อดัง Alberto Morillas และ Annick Menardo น้ำหอมนี้เต็มไปด้วยความสดชื่นของ พืชตระกูลมะนาวและส้ม ผสานกับดอกมะลิ พีช ฟรีเซีย ไฮยาซินธ์ ไวโอเล็ต กุหลาบ ปิดท้ายด้วยไนท์มัสก์ สนซีดาร์ โอ๊กมอส พัทชุลิและอำพัน
CREDITS:
PHOTOS: Courtesy of Bvlgari, Dior, Dolce & Gabbana, Yves Saint Laurent, The House of Creed, Prada, Jean Paul Gaultier, Diptyque Tam Dao, Giorgio Armani
สามารถอ่านคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่