เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส เสนอคู่เบนท์ลีย์ ‘S’ รุ่น Flying Spur S Hybrid และ Bentayga S Hybrid อัครยนตรกรรมตกแต่งสไตล์สปอร์ต
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นำเสนอคู่เบนท์ลีย์ ‘S’ อัครยนตรกรรมสไตล์สปอร์ต Flying Spur S Hybrid และ Bentayga S Hybrid
ซึ่งทั้ง 2 รุ่นโดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์สปอร์ต โฉบเฉี่ยวดุดันทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจด้วยขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V6 แบบไฮบริด ตอบโจทย์ผู้ที่รักความหรูหรา ความเร็วและความสปอร์ต
Flying Spur S Hybrid ให้ภาพลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่งแต่เรียบหรูด้วยกระจังหน้าและกันชนล่างสีดำ-เงา ไฟหน้าและไฟท้ายสีเข้ม ปลายท่อไอเสียสีดำทรงสี่เหลี่ยม และโลโก้รูปตัว ‘S’ ที่บังโคลนหน้า ประดับโลโก้เบนท์ลีย์บนฝากระโปรงหลัง
โดดเด่นด้วยพื้นผิวโครเมียมโทนสว่าง ตกแต่งล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต 5 ซี่ คาลิปเปอร์เบรกสีแดงขนาดมาตรฐาน อันเป็นเอกลักษณ์ของสปอร์ตซีดานรุ่น ‘S’ ได้เป็นอย่างดี
Flying Spur S Hybrid ตกแต่งด้วยหนังที่เรียบลื่นและกำมะหยี่ Dinamica โดยใช้สำหรับการตกแต่งพวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิ คันเกียร์ เบาะรองนั่ง พนักพิงเบาะโดยสาร แผ่นรองประตู แผงหน้าปัดและรอบคอนโซล สัมผัสนิยามความสปอร์ตผ่านเบาะโดยสารดีไซน์รูปตัว ‘S’และการปักโลโก้รูปตัว ‘S’ ที่พนักพิงศีรษะของเบาะโดยสาร เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยการตกแต่งโลโก้รูปตัว ‘S’ แบบโลหะบริเวณช่องแอร์และกาบประตูแบบเรืองแสง
Flying Spur S Hybrid สมรรถนะเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V6 ขนาด 2.9 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้าขั้นสูง มอบพละกำลัง 536 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 285 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงด้วยแรงบิดกว่า 750 นิวตันเมตร โดยสามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4.3 วินาที และสามารถขับขี่ได้กว่า 41 กิโลเมตรสำหรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำที่สุดในปัจจุบันเพียง 75 กรัม ต่อ กิโลเมตร (WLTP) Flying Spur S Hybrid จึงเป็นอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Bentayga S Hybrid ติดตั้งล้ออัลลอยด์ดีไซน์รูปตัว ‘S’ ขนาด 22 นิ้ว โดดเด่นด้วยโลหะขัดเงาตัดกับคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ส่วนท้ายแต่งสปอยเลอร์แบบ Speed-style ไฟท้ายสีเข้มและท่อไอเสียแบบวงรีเฉดสีดำ โฉบเฉี่ยวและดุดันเติมเต็มความสปอร์ตให้กับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่น ‘S’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ภายในห้องโดยสารของ Bentayga S Hybrid ตกแต่งอย่างร่วมสมัยจากการผสมผสานระหว่างหนังที่ผ่านกรรมวิธีคัดสรรด้วยมือ โดยหนังทั้งหมดที่ใช้ทำเบาะโดยสารจากสัตว์กินพืชเลี้ยงดูบนที่ราบสูงเหนือระดับน้ำทะเลในทวีปยุโรปตอนเหนือ ผิวสัมผัสของกำมะหยี่ Dinamica ที่ใช้ในห้องโดยสารของรถแข่งมอเตอร์สปอร์ต ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างบรรยากาศความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร สัมผัสพิเศษกับการตกแต่งบริเวณคอนโซลหน้าและประตูห้องโดยสารด้วยวีเนียร์แบบ Piano Linen by Mulliner สไตล์เรียบหรูเฉดสีขาวนวล และวีเนียร์แบบ Piano Black ใช้ตกแต่งบริเวณคอนโซลกลาง
Bentayga S Hybrid สมรรถนะเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V6 ขนาด 3.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่รุ่นใหม่ ผลิตพละกำลังกว่า 456 แรงม้า มอบสมรรถนะในการขับขี่ที่โดดเด่นด้วยอัตราเร่ง 100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.3 วินาทีด้วยความเร็วสูงสุด 254 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงจากแรงบิดเต็มสูบด้วยประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้า
นอกจากสมรรถนะอันเหนือชั้น ของทั้งสองรุ่น ‘S’ Hybrid มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นในโหมด Sport ที่มีการพัฒนาเสียงในช่องเก็บเครื่องยนต์ V6 TFSI เพื่อเพิ่มอรรธรสความสปอร์ตในระหว่างการขับขี่ กับความหน่วงในการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น 15% ทำให้แชสซีมีความแข็งแกร่งขึ้น โดยผู้ขับขี่สามารถปรับโหมด Sport ให้มีความไดนามิกมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ท่อไอเสียจะให้เสียงที่เร้าใจภายในห้องโดยสาร และ รุ่น ‘S’ มีมาตรวัดแบบดิจิทัล สำหรับผู้ขับขี่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งมอเตอร์สปอร์ตด้วยกราฟิกแบบเดียวกับ Continental GT Speed โดยมีแป้นควบคุมที่ออกแบบให้สื่อถึงสมรรถนะของตัวรถเช่นเดียวกับที่ใช้ในรุ่น ‘Speed’ กับการเพิ่มมาตรวัดพลังงานไฟฟ้า
อีกหนึ่งความเหนือชั้น คือ เทคโนโลยี Bentley Dynamic Ride ที่สามารถใช้แรงบิดต้านการโคลงตัวของรถได้ถึง 1,300 นิวตันเมตรในเวลาเพียง 0.3 วินาที เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลและการเข้าโค้ง รวมทั้งเทคโนโลยีบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นระบบมาตรฐาน โดยระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ระบบจะหมุนล้อหลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับด้านหน้าสูงสุด 4.2 องศา เพื่อลดวงเลี้ยวและเพิ่มความคล่องตัว แต่เมื่อความเร็วสูงขึ้น ล้อหลังจะหมุนไปในทิศทางเดียวกันกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มความมั่นคงในระหว่างการเปลี่ยนเลนหรือแซง
สัมผัสสมรรถนะความสปอร์ตจากขุมพลังของเครื่องยนต์แบบไฮบริดและเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การขับขี่ ตั้งแต่โหมดไฟฟ้าที่เงียบสนิท ปราศจากการปล่อยมลพิษไปจนถึงสมรรถนะการขับขี่ที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางอันน่าประทับใจ ทั้งนี้ ตัวรถมีความสามารถในการขับขี่ที่ไกลขึ้นถึง 44 กิโลเมตรในโหมดไฟฟ้า (EV) คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการขับขี่อันเป็นจุดเด่นของแบรนด์ ผ่านอัครยนตรกรรมตกแต่งสไตล์สปอร์ตรุ่น Flying Spur S Hybrid และ Bentayga S Hybrid
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF BENTLEY
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่