นาฬิกาหน้าปัดและขอบตัวเรือนแบบทูโทนสีดำ-แดง หรือฉายา ‘Coke’ BR เรือนนี้กำลังได้รับความสนใจเป็นพิเศษทั้งในหมู่คนรักนาฬิกาและคนรักอุปกรณ์การบิน โดยเป็นผลงานรุ่นใหม่แกะกล่องของ BR 03-93 GMT จาก Bell & Ross
นาฬิกาหน้าปัดและขอบตัวเรือนทูโทนสีดำ-แดง หรือ ที่มักถูกเรียกกันด้วยฉายาซึ่งรู้กันในหมู่คนรักนาฬิกาว่า ‘Coke’ นั้นได้มาปรากฏอยู่คู่กับตัวแทนเครื่องบอกเวลาและอุปกรณ์แห่งการบินชื่อเสียงโด่งดังจากแบรนด์ เบลล์แอนด์รอสส์ (Bell & Ross) โดยครั้งนี้เป็นการหยิบมาผสมผสานเข้ากับตระกูล BR 03 พร้อมทั้งฟังก์ชันแสดงเวลาไทม์โซนที่สอง หรือ GMT ที่เรียกได้ว่าสามารถขมวดทุกคุณสมบัติและความโดดเด่นเหล่านี้ไว้ในนาฬิกา Bell and Ross 03 93 GMT ได้อย่างสมบูรณ์
หลายคนคงคุ้นเคยกับฟังก์ชัน GMT ในนาฬิกาข้อมือกันมาบ้างแล้ว โดยฟังก์ชัน GMT นั้นถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกเพื่อให้บรรจบกับทั้งความต้องการจำเพาะของเหล่านักบิน เช่นเดียวกับความต้องการของแวดวงการบิน และนักเดินทางท่องโลก ด้วยเพราะเป็นฟังก์ชันที่ใช้สำหรับแสดงเวลาในไทม์โซนที่สอง เมื่อนักบินหรือนักเดินทางจำเป็นต้องเดินทางข้ามทวีปไปสู่ไทม์โซนเวลาอื่นๆ ทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ยังจำเป็นต้องทราบเวลา ณ จุดเริ่มต้นของการเดินทาง หรือ ณ เมืองที่จากมาไปพร้อมๆ กัน ฟังก์ชันที่เรียกได้ว่ามีความสลับซับซ้อนสำหรับบรรจุและติดตั้งอยู่ในนาฬิกาข้อมือและเครื่องบอกเวลานี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้น และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกลุ่มนักบิน ในแวดวงการบิน รวมถึงมืออาชีพในวิชาชีพอื่นๆ เช่นเดียวกับนักเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกในยุคปัจจุบัน
Bell & Ross ในฐานะนักบุกเบิกเครื่องบอกเวลาด้านการบิน ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกา ที่อุทิศตนและทุ่มเทให้กับการพัฒนาอุปกรณ์บอกเวลาควบคู่กับการเป็นอุปกรณ์สำหรับการบินอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นย่อมรวมไปถึงการพัฒนาฟังก์ชัน GMT ที่มีความแม่นยำและเที่ยงตรงสูง ซึ่งหลอมรวมอยู่ในผลงานนาฬิกาข้อมือคอลเลกชันต่างๆ ของแบรนด์มาแล้วมากมาย รวมไปถึงนาฬิการุ่นล่าสุดจากตระกูล BR 03 อย่าง BR 03-93 GMT ที่เปิดตัวในปีนี้ พร้อมกับฉายา ‘Coke’ BR ใหม่ที่ได้มาจากการบรรจุด้วยขอบตัวเรือนสองโทนสีระหว่างสีดำ-สีแดง และหน้าปัดสีดำตกแต่งด้วยเข็ม GMT ปลายรูปทรงสามเหลี่ยมสีแดง
จะว่าไปแล้ว Bell & Ross เคยฝากผลงานนาฬิกา GMT มาแล้วในหลากหลายรุ่น นับจากปีค.ศ. 2007 กับการเปิดตัว GMT Instrument เป็นครั้งแรกในนาฬิการุ่น BR 03-51 GMT TITANIUM ซึ่งมาพร้อมสองความสลับซับซ้อนสำหรับนักเดินทางระยะไกล ได้แก่ การแสดงเวลาไทม์โซนที่สอง และการแสดงวันที่ขนาดใหญ่ ที่สามารถอ่านค่าได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งใช้วัสดุสุดไฮเทค อย่าง ไทเทเนียมขัดด้านมาผลิตเป็นตัวเรือน และคาร์บอนไฟเบอร์ที่นำมาใช้ผลิตหน้าปัดเพื่อเสริมสมรรถนะด้านความแข็งแกร่งให้กับนาฬิกามากยิ่งขึ้น จากนั้นจึงตามมาด้วยเวอร์ชันตัวเรือนและหน้าปัดคาร์บอนที่เปิดตัวต่อมาในปีค.ศ. 2013
ความสลับซับซ้อนของฟังก์ชัน GMT ยังคงได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และถูกเลือกให้บรรจุอยู่ในซีรีส์ Vintage ของแบรนด์ เช่นในปีค.ศ. 2018 ที่เปิดตัวด้วย BR V2-93 GMT 24H เพื่อตอบสนองความต้องการที่มีมากขึ้นของเหล่านักเดินทางท่องโลกผู้ทันสมัย รวมไปถึงเหล่ามืออาชีพด้านการบินและสาขาความเชี่ยวชาญอื่นๆ ที่ต่างมองหานาฬิกาที่มีความสวยโดดเด่น ทั้งยังมีฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับการใช้งานได้จริง หลังจากนั้น BR V2-93 GMT Blue จึงได้เปิดตัวตามมาในปีค.ศ. 2020 และถูกเลือกโดยเหล่านักบิน Air France เพราะการตกแต่งด้วยสีสัญลักษณ์อย่าง สีน้ำเงิน ไว้บนหน้าปัด ซึ่งอุทิศให้กับโลกแห่งการเดินทางบนอากาศและการเดินทางข้ามมหาสมุทรอันไกลโพ้น ขณะที่ปลายด้านหนึ่งของเข็มวินาทียังตกแต่งด้วยรูปทรงของเครื่องบินไว้อย่างสวยเด่น
รวมถึงเข็ม GMT ด้วยสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงเด่น
Bell and Ross 03 93 GMT
จวบจนปีค.ศ. 2021 นี้ Bell & Ross ได้ต่อยอดไปอีกขั้นให้กับนาฬิกา GMT ของตน โดยผนวกระหว่างความเที่ยงตรงแม่นยำของการแสดงเวลาต่างไทม์โซนได้พร้อมกัน และคงเอกลักษณ์ของการเป็นอุปกรณ์สำหรับการบินอย่างมืออาชีพ โดยเลือกพัฒนาซีรีส์นาฬิกา BR 03 ที่มีเอกลักษณ์ตัวเรือนรูปทรงสี่เหลี่ยมมาสู่ทายาทรุ่นใหม่ของ BR 03-93 GMT ที่ผ่านการออกแบบใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และเปี่ยมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น
โดยเฉพาะความสามารถในการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนสูงสุด สมฐานะกับการครองตำแหน่งนาฬิกา “tool watch” ที่เหล่ามืออาชีพต้องการอย่างแท้จริง โดยคำนึงถึงทั้งในด้านงานออกแบบ รูปทรง และฟังก์ชันที่จะตอบสนองการใช้งานในทุกๆ รูปแบบและทุกสถานการณ์ได้อย่างแท้จริง
สำหรับเวอร์ชันอัปเดตใหม่ล่าสุดนี้ บรรจุมาด้วยความโดดเด่นของหน้าปัดสีดำตกแต่งแบบซันเรย์ ที่ตัดกับตัวเลขและเครื่องหมายขีดบอกเวลาขนาดใหญ่ พร้อมทั้งประกอบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova สีขาว ซึ่งสีดำถือเป็นสีหลักที่ผสมผสานอยู่ใน DNA ของแบรนด์เสมอ
ทั้งสะท้อนถึงสีสันที่มักนำมาใช้สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในแวดวงการบิน และยังเป็นสีที่มีคุณสมบัติเด่น อย่าง การป้องกันแสงสะท้อนได้ดีเยี่ยม ขณะที่สีขาวนั้นมอบซึ่งความโดดเด่นและการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนมากที่สุด แต่ในเวอร์ชันใหม่ของ BR 03-93 GMT นี้ Bell & Ross ได้เสริมเสน่ห์ยิ่งขึ้น ด้วยการผสานขอบตัวเรือนแบบสองโทนสีหรือทูโทนคือระหว่างสีดำและสีแดง ส่วนบนหน้าปัดสีดำยังสามารถอ่านค่าได้อย่างชัดเจน จากการบรรจุบนเข็ม GMT ด้วยเครื่องหมายสามเหลี่ยมสีแดงขนาดใหญ่ ที่สามารถมองเห็นได้ชัดทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ขณะหมุนรอบสเกลเวลา 24 ชั่วโมง บนขอบตัวเรือนเพื่อทำหน้าที่แสดงเวลาไทม์โซนที่สอง (หรือเวลาท้องถิ่น)
และยังนับเป็นครั้งแรกที่ตัวเรือนรูปทรงสี่เหลี่ยมมนอันเป็นไอคอนิกนี้จะเสริมด้วยความสมบูรณ์แบบของขอบตัวเรือนปรับหมุนได้สองทิศทาง ซึ่งจำเป็นต้องออกแบบและพัฒนาโครงสร้างตัวเรือนขึ้นมาใหม่ โดยไม่เพียงทำให้สามารถอ่านค่าเวลาไทม์โซนที่สองได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังทำหน้าที่แสดงเวลาไทม์โซนที่สามได้โดยการหมุนตามนาฬิกาเพื่อถอยเวลามาหนึ่งชั่วโมง และหมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มชั่วโมง
การตกแต่งขอบตัวเรือนนี้ได้หยิบเอาการผสมผสานของสีสัญลักษณ์เดียวกันกับบนหน้าปัดมาใช้ นั่นคือสีดำและสีแดง ซึ่งสีแดงนั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างดีอยู่แล้วว่าเป็นสีที่มีความโดดเด่น มองเห็นได้ชัดเจน และเปี่ยมด้วยพลัง จึงนำมาใช้บนขอบตัวเรือนบรรจุสเกลเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยในการแสดงช่วงเวลากลางวัน
ขณะที่สีดำแสดงถึงช่วงเวลากลางคืน โดยขอบตัวเรือนแบบทูโทนสองสีนี้สามารถมอบทั้งภาพที่ตัดกันอย่างชัดเจนระหว่างสองช่วงเวลา และยังคำนึงถึงความสามารถในการอ่านค่าได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด กับการผลิตขึ้นจากอโนไดซ์อลูมิเนียมเพื่อเพิ่มความตัดกันของสีและภาพได้อย่างชัดเจนมากที่สุด รวมถึงมีความแข็งแกร่งและทนทานสูง
ส่วนภายใน BR 03-93 GMT ใหม่นี้ยังคงขับเคลื่อนด้วยสมรรถนะและความเที่ยงตรงแม่นยำของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ BR-CAL.303 ประกอบด้วยฟังก์ชันการแสดงชั่วโมง นาที และวินาทีกลาง พร้อมทั้งเวลาไทม์โซนที่สองแบบ 24 ชั่วโมง และแสดงวันที่ กับระบบปรับตั้งเข็ม GMT ได้อย่างรวดเร็วและเป็นอิสระจากเข็มชั่วโมงหลัก
โดยติดตั้งอยู่ในตัวเรือนสตีลขัดซาตินและขัดเงา ขนาด 42.0 มิลลิเมตร ปกป้องหน้าปัดด้วยกระจกแซฟไฟร์เคลือบกันแสงสะท้อน พร้อมทั้งกันน้ำได้ลึก 100 เมตร และจับคู่ลงตัวมากับสายหนังวัวสีดำ หรือสายผ้าทนทานสูงสไตล์นักบิน นับเป็นผลงานอีกหนึ่งรุ่นจาก Bell & Ross ที่สามารถตอบทุกโจทย์การใช้งานของทั้งนักเดินทางท่องโลกและเหล่ามืออาชีพด้านการบินแห่งยุคสมัยใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF Bell & Ross
SOUND EFFECT: Jet Fighter Pass Over from www.videvo.net
VIDEO FOOTAGE: www.videvo.net
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
