ปีค.ศ 2011 Bell & Ross เปิดตัวนาฬิการุ่นเด่นสะดุดตาพร้อมด้วยชื่อ Red Radar และอีกเพียง 10 ปี ต่อมา นาฬิการุ่นนี้ก็หวนกลับมาอีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ใหม่ของตัวเรือน BR 03 ทำจากเซรามิก
หากยังจำเหตุการณ์ครั้งนั้นกันได้ กับการเปิดตัวนาฬิการุ่นเด่นสุดแปลกและสะดุดสายตาของ เบลล์ แอนด์ รอสส์ (Bell & Ross) อย่าง Red Radar ที่เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 2011 ด้วยนวัตกรรมและรูปลักษณ์ใหม่ของการเป็นนาฬิกาข้อมือแห่งโลกอนาคต ซึ่งได้ แรงบันดาลใจหลักมาจากหน้าจอเรดาร์ของเครื่องบิน และนับเป็นการเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่สำหรับแบรนด์ และในปีนี้ หรือ 10 ปี ให้หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น Bell & Ross ได้หวนคืนสู่ความโดดเด่นไม่เหมือนใครของ Red Radar อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ พร้อมทั้งนวัตกรรมล่าสุดของวัสดุเซรามิกและระบบดิสก์หมุนแสดงเวลารูปแบบใหม่ในผลงานรุ่น BR 03-92 Red Radar Ceramic
นับจากก่อตั้งแบรนด์ในปีค.ศ. 1994 นวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งการบินนั้นยังคงเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์การสร้างสรรค์ผลงานและความหลงใหลสำหรับ Bell & Ross เสมอ โดยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แบรนด์นาฬิกานี้ได้บุกเบิกเส้นทางใหม่ของการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือ ทั้งในแง่ของรูปลักษณ์หน้าตา การออกแบบ โครงสร้างอันซับซ้อน รวมไปถึงการพัฒนาด้านกลไกจักรกลอันเหนือชั้น ซึ่งนั่นล้วนเป็นองค์ประกอบที่ขับเคลื่อนให้ชื่อของแบรนด์กลายเป็นตัวแทนและสัญลักษณ์ชั้นนำในสาขาแห่งการประดิษฐ์สร้างสรรค์อุปกรณ์เครื่องบอกเวลา หรือ instrument watch จนเป็นที่ยอมรับ
Bell & Ross Red Radar Ceramic
เช่นเดียวกับหน้าตาและความโดดเด่นของเจ้า BR 03-92 Red Radar Ceramic รุ่นใหม่ ที่ยังคงอ้างอิงมาจากชื่อเสียงในสาขานาฬิกาอุปกรณ์และการบิน รวมถึงแรงบันดาลใจจากหน้าจอเรดาร์ ซึ่งในรุ่นนี้ได้ถูกนำกลับมาตีความใหม่ทั้งในเชิงนวัตกรรมและฟังก์ชั่นของการแสดงเวลาอันเที่ยงตรงแม่นยำ ทั้งยังดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น โดยยังคงเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชั่น Flight Instruments อันเป็นไอคอนิกของ Bell & Ross และนำมาผสมผสานเข้ากับดีไซน์งานออกแบบที่ได้ต้นแบบมาจากอุปกรณ์ควบคุมการบินบนเครื่องบินเจ็ตอันล้ำสมัย ที่สำคัญคือรุ่นนี้ผลิตขึ้นเพียงจำนวนจำกัด 999 เรือนเท่านั้น
เวอร์ชั่นใหม่ของปี 2021 ใน BR 03-92 Red Radar Ceramic
ย้อนกลับไปถึงการเปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 2011 ที่นาฬิกา Red Radar จาก Radar Collection ที่แบรนด์เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 2010 ด้วยรุ่น BR 01 Radar ในฐานะนาฬิการุ่นแรกที่มาพร้อมการแสดงเวลาผ่านดิสก์หมุน และสืบทอดมาสู่ Red Radar รุ่นสุดโด่งดังในเวลาต่อมา ซึ่งได้ฉีกออกจากกฎการผลิตและดีไซน์นาฬิกาข้อมือแบบดั้งเดิมมาสู่เส้นทางแห่งนวัตกรรมใหม่ โดยการถอดแบบมาจากหน้าจอเรดาร์อันล้ำสมัยของเครื่องบิน รวมถึงกระจกแซฟไฟร์สีแดง ที่สำคัญคือยังคงมาตรวัดอันแม่นยำนำมาสู่การแสดงเวลาที่เที่ยงตรง โดยประกอบด้วยภาพกราฟิกต่างๆ ซึ่งนำมาผลิตขึ้นใหม่และดูคล้ายกับลำแสงเรดาร์ที่เคลื่อนไหวขณะกำลังแสกนหาเส้นทางและวัตถุเป้าหมาย รวมถึงนวัตกรรมการผลิตกระจกคริสตัลสีแดงสว่างเหนือหน้าปัดนาฬิกาที่ดูคล้ายกันกับอุปกรณ์ควบคุมบนเครื่องบินและหน้าจอเรดาร์นั่นเอง กระทั่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นกลายมาเป็นปรากฏการณ์แห่งความสำเร็จครั้งใหญ่สำหรับหนึ่งในแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาอย่าง Bell & Ross ณ เวลานั้น
จากเรื่องราวแห่งความสำเร็จนี้เอง ที่ทำให้การหวนคืนกลับมาของ Red Radar ในปีนี้ ต้องเหนือชั้นและเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าเก่า เพราะครั้งนี้แบรนด์ได้ตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นด้วยรูปลักษณ์หน้าตาที่ดูแปลกและแตกต่างออกไปยิ่งขึ้น หรือเปรียบแล้วเหมือนกับยาน UFO บนข้อมือเลยทีเดียว โดยเฉพาะสไตล์อันโดดเด่นของ BR 03-92 Red Radar Ceramic ที่มีทั้งความทันสมัยและเปี่ยมไปด้วยฟังก์ชั่น การใช้งานที่ลงตัว พร้อมทั้งการแสดงเวลาที่ฉีกออกจากรหัสดั้งเดิมตามประเพณีของเรือนเวลา โดยได้นำภาพกราฟิกแบบเดียวกันกับเรดาร์ควบคุมของเครื่องบินกลับมาใช้ผสมผสานอีกครั้ง
สำหรับรุ่นใหม่นี้สามารถอ่านค่าเวลาได้ผ่านระบบของดิสก์หมุน ที่ผสมผสานการทำงานเข้ากับเข็มชี้สไตล์อนาล็อก บนหน้าปัดซึ่งยังคงติดตั้งเหนือขึ้นไปด้านบนด้วยกระจกแซฟไฟร์สีแดง และบรรจุอยู่ภายในตัวเรือน BR 03 ขนาด 42.0 มิลลิเมตร กับเอกลักษณ์ของการซ้อนกันระหว่างรูปทรงกลมภายในทรงสี่เหลี่ยมของตัวเรือน ที่มีหน้าตาเหมือนกันกับหน้าจอควบคุมต่างๆ บนเครื่องบิน และพร้อมจะเป็นฐานทัพสำคัญให้กับการติดตั้งด้วยกลไกล้ำยุค อย่าง Calibre BR-CAL.302 รวมไปถึงการใช้นวัตกรรมวัสดุครั้งใหม่ที่ Bell & Ross ได้เลือกใช้เซรามิก ซึ่งเป็นวัสดุสุดไฮเทคด้วยคุณสมบัติเด่นๆ ของการป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี แข็งแกร่งทนทาน แต่ยังคงให้สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและสวมใส่สบายข้อมือ โดยนำมาผลิตเป็นตัวเรือนสีดำแบบด้านที่จับคู่ลงตัวมากับสายยางสีดำหรือสายผ้าสังเคราะห์สีดำทนทานสูง ซึ่งในรุ่นนี้ยังเสริมด้วยประสิทธิภาพการกันน้ำได้ลึกระดับ 100 เมตร
ขณะที่การแสดงเวลานั้นอาศัยระบบที่ประกอบด้วยดิสก์หมุนสองชิ้นจากศูนย์กลางร่วมเดียวกัน และผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับหน้าปัดนาฬิกา ซึ่งเป็นลูกเล่นการออกแบบที่ชวนให้นึกถึงสไตล์ของเล่น แต่มีความจริงจังในแง่ของฟังก์ชั่นการใช้งาน โดยองค์ประกอบเหล่านี้ได้เข้ามาแทนที่เข็มชี้ชั่วโมงและนาที ด้วยคุณสมบัติใหม่ของดิสก์หมุนเล็กๆ สองชิ้นบนหน้าปัด พิมพ์ด้วยลวดลายกราฟิกเดียวกันกับหน้าจอเครื่องบิน และมอบภาพของการหมุนเสมือนลอยอยู่เหนือฉากหลังของหน้าปัดนาฬิกา พร้อมด้วยสเกลชั่วโมงเป็นแบบพิมพ์จากด้านใน (หรือด้านหลัง) ของกระจกแซฟไฟร์สีแดง ซึ่งได้รับการปกป้องอย่างดีจากการสึกกร่อนและผลกระทบจากภายนอกอื่นๆ
สำหรับนวัตกรรมการแสดงเวลานี้ยังเสริมด้วยคุณสมบัติของดิสก์ซึ่งมีน้ำหนักเบาพิเศษ ที่ต้องผ่านการออกแบบและพัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการประหยัดพลังงานภายในนาฬิกา ขณะเดียวกันก็ต้องมีความแข็งแกร่งทนทานสูง เพื่อป้องกันการเปลี่ยนรูปหรือผิดรูป และยังคงรักษาความขนานกันของการจัดวางดิสก์แต่ละชิ้นให้คงที่ไว้เสมอ มิเช่นนั้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการแสดงเวลาได้ในอนาคต ซึ่งกว่าจะได้มาด้วยผลลัพธ์แห่งนวัตกรรมเหล่านี้ ทีมช่างนาฬิกาและทีมวิศวกรของ Bell & Ross ต้องร่วมมือกันทำงานอย่างหนัก เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความเที่ยงตรงแม่นยำและประสิทธิภาพการทำงานของนาฬิกาที่จะไม่ถูกรบกวนจากแรงเสียดสีของชิ้นส่วนต่างๆ โดยเฉพาะที่เกิดจากการหมุนขับเคลื่อนของดิสก์แสดงเวลา รวมไปถึงในแต่ละขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนเหล่านี้ที่ต้องอาศัยทั้งความละเอียดอ่อนและทักษะขั้นสูงสุดในการปรับตั้งของช่างนาฬิกา เพื่อให้รับประกันได้ถึงความเที่ยงตรงแม่นยำที่บรรจบกับความต้องการของผู้ครอบครองเรือนเวลานี้
BR 03-92 Red Radar Ceramic เวอร์ชั่นใหม่ของปี 2021
ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 999 เรือนBR 03-92 Red Radar Ceramic เวอร์ชั่นใหม่ของปี 2021
ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 999 เรือน
BR 03-92 Red Radar Ceramic เวอร์ชั่นใหม่ของปี 2021 ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 999 เรือน
นอกจากดิสก์หมุนแล้ว BR 03-92 Red Radar Ceramic ยังประกอบด้วยตัวชี้เวลาสุดล้ำสมัยที่ออกแบบเป็นรูปเครื่องบินโดยสารสำหรับแสดงชั่วโมงบนดิสก์ขนาดใหญ่กว่าด้านนอกสุด และรูปเครื่องบินรบที่บินอยู่บนดิสก์หมุนที่มีขนาดเล็กกว่าด้านในใกล้กับศูนย์กลางหน้าปัดเพื่อแสดงนาที ส่วนเข็มชี้กลางสีแดงเด่นนั้นทำหน้าที่แสดงวินาทีแบบอนาล็อกอย่างต่อเนื่อง องค์ประกอบเหล่านี้ยังหมายถึงการแสดงเวลาที่ถูกแบ่งออกเป็นสองระดับ คือระดับล่างกว่าซึ่งประกอบด้วยดิสก์หมุนพร้อมทั้งรูปเครื่องบิน กับระดับสูงขึ้นไปซึ่งเป็นสเกลชั่วโมงที่พิมพ์อยู่ด้านในของกระจกแซฟไฟร์บนหน้าปัด และระหว่างสองระดับนี้ยังเป็นการทำงานของเข็มชี้สีแดงขนาดใหญ่ จึงถือเป็นโครงสร้างอันซับซ้อนและน่าสนใจยิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในนาฬิกาข้อมือรุ่นพิเศษนี้
นับเป็นอีกครั้งที่ Bell & Ross ได้เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมนาฬิกาสไตล์อุปกรณ์ หรือ Instrument watch ที่ได้ต้นแบบมาจากเทคโนโลยีด้านการบิน และนำมาสู่ความล้ำสมัยใหม่อันน่าทึ่งที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งการบิน ผสมผสานเข้ากับความล้ำเลิศในการประดิษฐ์นาฬิกาและงานออกแบบได้อย่างลงตัว พร้อมจะดึงดูดใจทั้งเหล่านักสะสมนาฬิกา และแม้แต่ผู้ซึ่งหลงใหลในเรื่องราวแห่งการบิน การออกแบบอันล้ำยุค และนวัตกรรมแห่งอากาศยานเช่นกัน
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF Bell & Ross
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
