Issey Miyake ROKU Blue Sporty Limited Edition นาฬิกาดีไซน์มินิมัล

เรือนเวลาของแบรนด์ Issey Miyake Watch มักยืนหนึ่งในเรื่องของดีไซน์มินิมัลอยู่เสมอ และเช่นกันกับ ROKU Blue Sporty Limited Edition นาฬิการุ่นล่าสุดจากซีรีส์ ROKU (โรคุ) ผลงานการออกแบบโดย Konstantin Grcic (คอนสแตนติน เกอร์ชิค) นักออกแบบผลิตภัณฑ์ชื่อดังระดับโลก

โดยครั้งนี้ ROKU กลับมาพร้อมรูปโฉมที่มอบสัมผัสและกลิ่นอายของความสปอร์ตมากขึ้น แต่ทว่ายังคงยึดหลักการดีไซน์อันเรียบง่าย ไร้กาลเวลา และ Genderless

Konstantin Grcic (คอนสแตนติน เกอร์ชิค)
Konstantin Grcic (คอนสแตนติน เกอร์ชิค)

เช่นเคยเรือนเวลาจาก ROKU ซีรีส์ หยิบยกนำเอาโครงสร้างของตัวเรือนสเตนเลสสตีลรูปทรงหกเหลี่ยมมาเชื่อมโยงเข้าไว้กับหน้าปัดทรงกลม เปรียบเสมือนนิยามการเคลื่อนที่ของเวลา โดย ROKU Blue Sporty Limited Edition มาในตัวเรือนสีน้ำเงิน Navy แบบ Hard Coating ในขนาด 39.7 มม x 41.7 มม พร้อมสายหนังสีน้ำเงิน และพลิตขึ้นเพียง 100 เรือนทั่วโลกเท่านั้น

ROKU Blue Sporty Limited Edition
ROKU Blue Sporty Limited Edition 

Photos by Courtesy of ISSEY MIYAKE

สามารถติดตามคอนเทนท์นาฬิกาอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่

Panthère de Cartier & Into The Wild Exhibition


เรื่องราวของเสือแพนเตอร์ และการปรากฏโฉมในคอลเลกชั่น ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์


Panthère de Cartier คือ คอลเลกชั่นเครื่องประดับที่แบรนด์เครื่องประดับชั้นสูงอย่าง คาร์เทียร์ (Cartier) หยิบยกนำเอา เสือแพนเตอร์ (Panther) สัญลักษณ์สำคัญที่อยู่คู่กับแบรนด์คาร์เทียร์มาอย่างยาวนาน นำมารังสรรค์ไว้บนเหล่าเครื่องประดับ เรือนเวลาชั้นสูง น้ำหอม รวมทั้งแอ็กเซสเซอรี่ต่างๆ อีกมากมาย โดยตลอดระยะเวลากว่า 173 ปี คาร์เทียร์ได้มีการสร้างสรรค์และพัฒนารูปแบบของเสือแพนเตอร์ราวกับมีชีวิต โลดแล่นผ่านงานดีไซน์ในรูปแบบสมจริง (Naturalistic) นามธรรม (Abstract) และเรขาคณิต (Graphic)

1.
การปรากฏกายครั้งแรกของเสือแพนเตอร์กับงานดีไซน์รูปแบบนามธรรม

เสือแพนเตอร์ หรือ Panthere (ปองแตร์ ในภาษาฝรั่งเศส) สัญลักษณ์แห่งแบรนด์คาร์เทียร์ผู้นี้ เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนแห่งอิสรภาพ พลังอำนาจ และความกล้าหาญที่มิยอมสยบให้กับผู้ใด ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสง่างามอันน่าหลงใหล

โดยเสือแพนเตอร์ปรากฏโฉมครั้งแรกในปี ค.ศ. 1914 ณ เมซง คาร์เทียร์ ในรูปแบบนามธรรม (Abstract) กับลวดลายจุดบนเรือนเวลาข้อมือฝังเพชรสลับหินโอนิกซ์ ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของเสือแพนเตอร์ไว้ได้อย่างงดงาม ก่อนที่จะวิวัฒนาการและปรากฏโฉมในรูปร่างเสมือนจริงในอีก 3 ปีถัดมา

2.
เสือแพนเตอร์เบื้องหลังแรงบันดาลใจของการรังสรรค์เหล่าเครื่องประดับของ

ฌาน ตูแซงท์ (Jeanne Toussaint)

หลังจากปรากฏโฉมครั้งแรกในลวดลายจุด 3 ปีถัดมา ค.ศ. 1917 เจ้าเสือแพนเตอร์ก็ได้กลับมาปรากฏกายอีกครั้ง กับลวดลายเสือแพนเตอร์ยืนระหว่างต้นไซเพรสสองต้นบนกล่องเครื่องสำอางสีดำทำจากหินโอนิกซ์ ซึ่ง หลุยส์ คาร์เทียร์ (Louis Cartier) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ตั้งใจมอบของขวัญชิ้นพิเศษนี้ให้กับเพื่อนสนิทอย่าง ฌาน ตูแซงท์ ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์หญิงคนแรกแห่งแบรนด์คาร์เทียร์ และเธอคือบุคคลสำคัญที่ทำให้เสือแพนเตอร์กลายเป็นสัญลักษณ์ไอคอนิก

รวมทั้งการรังสรรค์คอลเลกชั่น ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ ( Panthère de Cartier ) ที่กลายเป็นหัวใจสำคัญของเมซงคาร์เทียร์ อันประกอบไปด้วยเครื่องประดับ จี้สร้อยคอ แหวน เรือนเวลาชั้นสูง น้ำหอมกลิ่นคลาสสิกที่ปรุงขึ้นโดย อัลเบอร์โต โมริยาส ในปีค.ศ. 1986 นอกจากนี้ยังรวมไปถึงแอ็กเซสเซอรี่ต่างๆ กระเป๋าคลัตช์หลากหลายรุ่น และแว่นตากันแดด

3.
การรังสรรค์อย่างประณีตด้วยหัตถศิลป์ชั้นสูง และการโลดแล่นเสมือนจริง

ของเสือแพนเตอร์บนเหล่าเครื่องประดับ

ปิแอร์ เรนีโร (Pierre Rainero) ผู้อำนวยการฝ่ายภาพลักษณ์และประวัติศาสตร์ คาร์เทียร์ (Cartier’s Image and Heritage Director) ได้กล่าวไว่ว่า “ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นเท่ากับเสือแพนเตอร์อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำหรับคาร์เทียร์ หรือวงการเครื่องประดับโดยรวม และไม่มีเครื่องประดับคอลเลกชั่นใดที่จะสื่อถึงเหล่าบรรดาสตรีผู้มีสไตล์อันโดดเด่นในช่วงศตวรรษที่ 20 หรือในตำนานของคาร์เทียร์เท่ากับคอลเลกชั่น Panthère de Cartier อีกแล้ว”

คาร์เทียร์ได้ถ่ายทอดคาแรกเตอร์อันโดดเด่นของเสือแพนเตอร์ออกมาได้อย่างสง่างาม ทั้งยังเป็นกุญแจสำคัญสู่ศิลปะการตีความและการสร้างสรรค์อย่างมีชั้นเชิงของเมซงคาร์เทียร์

เข็มกลัดรูปเสือแพนเตอร์ตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ประดับมรกตถูกรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ วอลลิส ซิมป์สัน ดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ (Wallis Simpson, Duchess of Windsor)

การออกแบบเช่นนี้ต้องอาศัยความชำนาญรวมทั้งการศึกษากายวิภาคของเสือแพนเตอร์ เพื่อการถ่ายทอดเอกลักษณ์ ความดุดันที่แฝงไว้ด้วยความสง่างามของเสือแพนเตอร์ได้อย่างสมจริง ราวกับมีชีวิต ทั้งยังแต่งแต้มจินตนาการ รังสรรค์ให้เสือแพนเตอร์กลมกลืนไปกับจิวเวลรีอย่างเหมาะสม ซึ่งนี่คือภูมิปัญญาของ ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ หรือ Savior-Faire องค์ความรู้ที่เกิดจากการรวบรวมนำเอาทักษะงานหัตถศิลป์และการออกแบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

และเมื่อก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ คาร์เทียร์ ได้หยิบยกนำเอาเสือแพนเตอร์มาตีความใหม่อีกครั้ง พร้อมนำเสนอในรูปแบบกราฟฟิก มีการลดทอนรายละเอียด และคำนึงการสวมใส่ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่คล่องตัวเข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น

Into The Wild Exhibition

โอกาสครั้งสำคัญที่คุณจะได้สัมผัสเรื่องราวอันเป็นตำนานของแบรนด์คาร์เทียร์อย่างใกล้ชิด กับนิทรรศการ “Into The Wild” ที่ร้อยเรียงเรื่องราวของเสือแพนเตอร์ ชิ้นงานหัตถศิลป์ และการรังสรรค์เครื่องประดับภายใต้คอลเลกชั่น ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ (Panthère de Cartier) เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช่จ่าย ณ บูติกคาร์เทียร์ ชั้น M ไอคอนสยาม ตั้งแต่วันที่ 14 – 22 พฤศจิกายน 2563


Credit: Courtersy of Cartier

Versace Meander นิยามความเรียบหรูเหนือกาลเวลา


เรียบ โก้หรู นิยามแห่งควมงามของเรือนเวลารุ่นล่าสุดจากเวอร์ซาเช่


คงจะไม่เกินจริงนักหากจะพูดว่า ‘Versace Meander’ คือ เรือนเวลาที่มาพร้อมกับความโก้หรูอันเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนใจ และหากคุณสุภาพสตรีกำลังมองหานาฬิกาสักเรือนมาอยู่เคียงกายของเธอ แน่นอนล่ะว่าเรื่องสไตล์และความสวยงามของเรือนเวลารุ่น Meander คือคำตอบ

ด้วยตัวเรือนสแตเลสทรงกลมสีแชมเปญขนาด 34 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยลวดลาย Greca อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Versace ที่ตกแต่งไว้บริเวณ​ขานาฬิกา (Lugs) พร้อมด้วยหน้าปัดตกแต่งสัญลักษณ์ Medusa และโลโก้ Versace ที่บริเวณ 12 นาฬิกา

Versace Meander มีหน้าปัดและสายนาฬิกาให้เลือกถึง 2 แบบ คือ พื้นหน้าปัดสีดำ มาพร้อมกับสายหนังเงาสีดำ บานพับแบบ butterfly buckle และพื้นหน้าปัดสีขาวมาพร้อมสายแบบ mesh สี rose champagne และบานพับล็อกแบบสไลด์

เรือนเวลารุ่น Meander ขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์ Ronda 762.3 และแสดงเวลาแบบ 2 เข็ม โดย Meander พื้นหน้าปัดสีดำพร้อมสายหนัง สนนราคาที่ 29,700 บาท และ พื้นหน้าปัดสีขาวพร้อมสาย mesh สนนราคาที่ 33,900 บาท

สัมผัสกับ Versace Meander ได้ที่บูติคเวอร์ซาเช่ และ Versace.com

DIOR MAKEUP DRAMATIC HALLOWEEN


ฮาโลวีนเมคอัพลุคปีนี้ ต้อง ROUGE DIOR สีแดงเท่านั้น!


DIOR MAKE-UP เผยโฉมฮาโลวีนเมคอัพลุคปีนี้ โดย ปีเตอร์ ฟิลิปส์ (Peter Philips) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ประจำแผนก DIOR MAKE-UP ได้สร้างสรรค์ลุคการแต่งหน้าอันโดดเด่นสะดุดตา ทั้งยังสะท้อนตัวตนของสาวๆ ได้อย่างสง่างาม ด้วย ROUGE DIOR

ปีเตอร์ ฟิลิปส์ จำลองบรรยากาศจากฉากภาพยนตร์อเมริกันระทึกขวัญแนวสืบสวน และลีลาการเล่นกับแสงเงา เพื่อจุดประกายความลี้ลับน่าค้นหา

“ฮัลโลวีนเป็นโอกาสหนึ่งในการที่จะได้แสดงออกถึงบุคลิกด้านมืด ความรู้สึก หรือตัวตนของคุณเอง ได้หลีกลี้ไปจากความจำเจ เพื่อพบกับความสนุกสนานของเทศกาล สำหรับปีนี้ ผมรู้สึกว่าความงามสง่า ซึ่งมากับบรรยากาศระทึกขวัญในบรรดาภาพยนตร์คลาสสิก คือลูกเล่นหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องไปกับอารมณ์ฮัลโลวีน ถ้าคุณใจกล้า เราท้าให้คุณลอง…” ปีเตอร์ ฟิลิปส์

เริ่มต้นด้วยการบำรุงผิว จากนั้นเพิ่มประกายระเรื่อให้กับพวงแก้มด้วย ROUGE BLUSH 999 สร้างพลังแรงดึงดูดให้กับดวงตาด้วยการแต่งแบบสโมคกี้เมื่อเปลือกตาต้องแสงเปล่งปลั่งเงางามท่ามกลางความมืดด้วยเฉดสีจาก 5 COULEURS COUTURE เช่นสี COUTURE, 879 ROUGE TRAFALGAR หรือ 079 BLACK BOW และต่อด้วยการปัดขนตาด้วย DIORSHOW ICONIC OVERCURL ULTRA-BLACK MASCARA ปิดท้ายด้วยการแต่งแต้มสีสันให้กับเรียวมือและเล็บด้วย DIOR VERNIS 999

Credit:

Photo by Courtesy of DIOR MAKE-UP
DIOR MAKE-UP created and styled by PETER PHILIPS


Fritz Hansen N02™ RECYCLE


แนวคิดที่ไม่ได้มีไว้ออกแบบเพียงเก้าอี้
แต่แฝงเรื่องความยั่งยืนเอาไว้ในทุกฟังก์ชั่นของงานดีไซน์


“N02™ RECYCLE” คือ stackable chair เก้าอี้สไตล์มินิมัล สีสันสดใสจากแบรนด์ Fritz Hansen (ฟริตซ์ ฮานเซ่น)

แต่ … เก้าอื้รุ่นนี้ไม่ได้มีดีไว้แค่นั่งเท่านั้น!

เพราะนี่คืองานดีไซน์ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานอันหลากหลาย (all-purpose) นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยสร้างขึ้นจากพลาสติกอัพไซเคิล (upcycled plastic) วัสดุรีไซเคิลจากเครื่องใช้ต่างๆ ภายในครัวเรือน (household watse)

Oki Sato จาก Nendo Studio

“การพับกระดาษ” ถูกหยิบยกเป็นลูกเล่นและแนวคิดสำคัญในการออกแบบเก้าอี้รุ่น N02™ RECYCLE โดย Oki Sato (โอกิ ซาโตะ) ผู้ก่อตั้ง และ Chief Designer จาก Nendo Studio (เนนโดะ สตูดิโอ) ดีไซน์สตูดิโอชั้นนำของญี่ปุ่น เจ้าของผลงานเก้าอี้รุ่น N02™ RECYCLE และ N01™ เก้าอี้ไม้ดีไซน์เก๋ที่ออกแบบให้กับ Fritz Hansen ในปี 2018

Oki Sato เคยให้สัมภาษณ์กับ Dezeen ว่าแนวคิดในการออกแบบชิ้นงานของซาโตะนั้น เขามักให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน (sustainability) เป็นหลัก เพราะหากมองย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เหล่าดีไซเนอร์มักจะให้น้ำหนักกับเรื่องการมองหาวัสดุใหม่ๆ การสร้างสรรค์ และการขายผลิตภัณฑ์เป็นหลัก แต่ ณ​ ปัจจุบันนี้เราคงต้องคิดถึงจุดท้ายสุดของผลิตภัณฑ์ด้วย เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ไม่ได้ถูกใช้งานก็จะกลายเป็นขยะอีกชิ้นนึง

ดังนั้นเก้าอี้รุ่น N02™ RECYCLE ตัวนี้ Oki Sato จึงเลือกใช้พลาสติกรีไซเคิลจากครัวเรือนมาเป็นวัสดุในการสร้างสรรค์ นอกจากนี้ซาโตะยังเล่าว่าการเลือกใช่วัสดุรีไซเคิลสามารถสร้างคอนเนคชั่นและประสบการณ์ร่วมระหว่างผู้ใช้และเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย

จากรอยพับแกนกลางของกระดาษสู่การออกแบบเก้าอี้ N02™ RECYCLE

N02™ RECYCLE เป็นการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายและสไตล์มินิมัลลิสม์แบบญี่ปุ่น เข้าไว้กับกลิ่นอายของความอบอุ่น นุ่มนวลตามแบบฉบับ Scandinavian design แรงบันดาลใจจากรอยพับแกนกลางของกระดาษกลายเป็นส่วนพยุงหลังสำหรับพนักพิง (lumbar support)

โดย N02™ RECYCLE มาใน 7 เฉดสีเอิร์ทโทน คือ dark orange, dark blue, light blue, white, grey, Black และ dark red ที่สามารถเข้าได้กับทุกบรรยากาศ นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชั่นของขาเก้าอี้ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามการใช้งานได้อีกด้วย


สำหรับใครที่สนใจเก้าอี้ N02™ RECYCLE และเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Fritz Hansen สามารถเลือกชมกันได้ที่ House of Fritz Hansen ซอยสมคิด เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 13.00-19.00 น. และทางออนไลน์ผ่านทาง Line official @norse_republics สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.norserepublics.com และ Instagram @norse_republics@fritzhansenstore_bangkok


Photos by Courtesy of Fritz Hansen

Reference:
Dezeen: https://youtu.be/5DfQs8EbSGc
Fritz Hansen: https://fritzhansen.com/en

Koenigsegg Bangkok The Ultimate Performance


เปิดบ้าน ‘เคอนิกเส็ก’ แบรนด์ซูปเปอร์คาร์สุดหรูสัญชาติสวีเดน
ครั้งแรกในประเทศไทยพร้อมยลโฉมไฮเปอร์คาร์สองรุ่น


“Koenigsegg” (เคอนิกเส็กก์) คือ ไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดนที่มาพร้อมสถิติล่าสุดอัตราเร่งที่ 0-400 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยระยะเวลาเพียง 31.49 วินาที!

หากลองหันไปถามชายหนุ่มผู้คลั่งใคล้ในยนตกรรมแห่งความเร็วหลายคน เราอาจพบว่า Koenigsegg นี่ล่ะเป็นหนึ่งในดรีมซูปเปอร์คาร์ของพวกเขา ความน่าสนใจของ Koenigsegg นอกเหนือจากสถิติอัตราเร่งและความเร็วสูงสุดที่ 447.19 กิโลเมตร/ชั่วโมง คือเรื่องราวของเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนตร์ที่ Koenigsegg สร้างสรรค์ขึ้นพร้อมกับสุดยอดสมรรถนะของรถหลากหลายรุ่นที่สามารถทุบสถิติโลกได้อย่างน่าทึ่ง ที่สำคัญ Koenigsegg เป็นไฮเปอร์คาร์ ‘พลังสะอาด’

เราอนุญาตให้คุณขยี้ตาได้หนึ่งครั้ง (ถึงแม้จะขัดกับหลักการป้องกันโควิด-19 ไปสักนิด) แต่คุณอ่านไม่ผิดหรอก เพราะในรถ Koenigsegg มีการพัฒนาระบบ AI อัจฉริยะที่ช่วยให้รถยนตร์ของ Koenigsegg สามารถใช้น้ำมันได้เกือบทุกประเภทเว้นเสียแต่น้ำมันดีเซล ยิ่งไปกว่านั้นยังรองรับน้ำมัน E85 โดยยังคงสร้างแรงม้าได้สูงสุดที่ 1,018 แรงม้า ซึ่งนวัตกรรมนี้ถูกพัฒนาขึ้นกับ Koenigsegg CCXR เป็นรุ่นแรกในปีค.ศ. 2007

Christian von Koenigsegg กับรถรุ่น Gemera
Christian von Koenigsegg กับรถรุ่น Gemera

แบรนด์ Koenigsegg ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1994 ด้วยแนวคิดและความต้องการสร้างรถยนตร์สมบูรณ์แบบอันไร้ซึ่งขีดจำกัดในวัย 22 ปีของ Christian von Koenigsegg (มร. คริสเตียน ฟอน เคอนิกเส็กก์) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Koenigsegg Automotive AB และเพื่อที่จะสร้างรถยนตร์อันสมบูรณ์แบบ ทุกรายละเอียดรวมทั้งองค์ประกอบของรถ Koenigsegg จึงถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัวเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุด (Ultimate performance) ไม่เว้นแม้กระทั่งการตกแต่งภายในของรถ Koenigsegg ทีรังสรรค์ขึ้นด้วยมืออย่างพิถีพิถัน

ขั้นตอนการผลิตรถ Koenigsegg ทีรังสรรค์ขึ้นด้วยมือ
ขั้นตอนการผลิตรถ Koenigsegg ทีรังสรรค์ขึ้นด้วยมือ

ในปีค.ศ. 2020 นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ยลโฉมรถไฮเปอร์คาร์สุดหรูของ Koenigsegg กันอย่างใกล้ชิด เพราะล่าสุดบริษัท Koenigsegg Automotive AB ได้แต่งตั้งให้บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด (ในเครือชาริช โฮลดิ้ง) นำโดย อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ และ ศักดิ์ นานา กรรมการ เป็นตัวแทนจำหน่ายรถไฮเปอร์คาร์เคอนิกเส็กก์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ Koenigsegg Bangkok

คุณศักดิ์ นานา (ซ้าย) และคุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์ (ขวา)
คุณศักดิ์ นานา (ซ้าย) และคุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์ (ขวา)

ซึ่ง Padthai.co ได้มีโอกาสร่วมสัมผัสสุดยอดยนตกรรม Koenigsegg Gemera (เคอนิกเส็กก์ เกเมร่า) และ Koenigsegg Jesko Absolut (เคอนิกเส็กก์ เยสโก้ แอบซูลุท) ภายในงาน Koenigsegg Bangkok : The Ultimate Performance อีเวนท์เปิดตัวแบรนด์ Koenigsegg Bangkok อย่างเป็นทางการ


Koenigsegg Jesko Absolut

Koenigsegg Jesko Absolut
Koenigsegg Jesko Absolut
Koenigsegg Jesko Absolut

Koenigsegg กล่าวว่า Jesko Absolut (เยสโก้ แอบซูลุท) คือไฮเปอร์คาร์ที่เร็วและแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Koenigsegg และการันตีว่าในอนาคตจะไม่ผลิตรถคันไหนที่เร็วและดุดันกว่ารุ่น Jesko Absolut อีกแล้ว!

Koenigsegg Jesko Absolut มาพร้อมกับเครื่องยนตร์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ และสามารถสร้างกำลังสูงสุดได้ที่ 1,600 แรงม้าเมื่อใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E85 สามารถลากรอบได้ถึง 8500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังล่าสุดแบบ 9 จังหวะ (Nine-speed, multi-clutch transmission) ที่ถูกออกแบบและพัฒนาโดย Koenigsegg ทำให้ตอบสนองการเปลี่ยนเกียร์ได้ใกล้เคียงความเร็วของแสง ในส่วนของดีไซน์ Jesko Absolut ถูกออกแบบให้มีความปราดเปรียวและดุดันมากยิ่งขึ้น พร้อมถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ F-15 ไว้ที่ครีบฉลามคู่บริเวณด้านท้าย แต่นอกจากเรื่องของดีไซน์แล้วยังช่วยเพิ่งความนิ่งของตัวรถในขณะทำความเร็วอีกด้วย


Koenigsegg Gemera

Koenigsegg Gemera
Koenigsegg Gemera, Interior
Koenigsegg Gemera, Interior

เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้เมื่อ Koenigsegg สร้าง Mega-GT (Mega-Gran Turismo) ในรูปแบบสี่ที่นั่งคันแรกของโลกกับ Koenigsegg Gemera (เคอนิกเส็กก์ เกเมร่า) ไฮเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดที่ผลิตขึ้นเพียง 300 คันทั่วโลกเท่านั้น

Koenigsegg Gemera ขับเคลื่อนด้วยขุมกำลังเครื่องยนตร์เบนซิน 3 สูบเทอร์โบคู่ขนาด 2 ลิตร “Tiny Friendly Giant (TG)” มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 มอเตอร์ มอบพลักำลังสูงสุด 1,700 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 3,500 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยเวลาเพียง 1.9 วินาที

ในส่วนของดีไซน์ ห้องโดยสารของ Koenigsegg Gemera สามารถรองรับสูงสุด 4 ที่นั่งพร้อมพื้นที่จัดเก็บที่มากขึ้นสามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางได้มากถึง 4 ใบ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับจุดชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายระบบ Apple Carplay และระบบเบาะไฟฟ้าอีกด้วย โดย Koenigsegg Gemera สนนราที่ 2.998 ล้านยูโร


Credit: Photos by Courtesy of Koenigsegg

BGJF Special Edition by DITP บนแพลตฟอร์มดิจิทัล


เปิดตัวแพลตฟอร์มดิจิทัลงานแสดงสินค้าเสมือนจริง
BGJF Special Edition – On Ground to Online Exhibition


กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (DITP) แถลงข่าวจัดงาน Bangkok Gems and jewelry (BGJF) Special Edition – On Ground to Online Exhibition งานแสดงสินค้าและเครื่องประดับครั้งพิเศษ ที่จะจัดขึ้นในรูปแบบแพลตฟอร์มดิจิทัลงานแสดงสินค้าเสมือนจริง โดยงานนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 2 – 4 กรกฏาคม 2563 ผ่านทาง www.bkkgems-vts.com

โดยภายในงานแถลงข่าว (19 ตุลาคม 2563) ได้รับเกียรติจากคุณสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ คุณหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้ เจมส์ จำกัด และคุณแนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มาร่วมพูดคุยเสวนาในหัวข้อ “The Future of Gems and Jewelry”

งาน BGJF Special Edition – On Ground to Online Exhibition จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2563 ผ่านทางเว็บไซต์ www.bkkgems-vts.com

Saint Laurent Rive Droite project


Saint Laurent ร่วมมือกับ Helmut Lang และ Anthony Vaccarello
รังสรรค์ประติมากรรมจากวัสดุแฟชั่นเหลือทิ้ง


Saint Laurent นำเสนอโปรเจ็กต์พิเศษที่ร่วมมือกับ Helmut Lang ศิลปินและนักออกแบบชื่อดัง นำเอาวัตถุดิบเหลือทิ้งและรอการใช้งาน เช่น แอคเซสซอรี่เครื่องประดับที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ รวมไปถึงเสื้อผ้าต้นแบบที่ได้รับมอบมาจาก Anthony Vaccarello ครีเอทีฟไดเรคเตอร์แห่งแบรนด์ Saint Laurent มาสร้างสรรค์ประติมากรรมที่สะท้อนถึงความยั่งยืนและเต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ ซึ่งโปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของ Anthony Vaccarello ที่ต้องการแสวงหาแนวทางใหม่ที่สะท้อนถึงตัวตนของแบรนด์ Saint Laurent

Helmut Lang เป็นหนึ่งในศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลต่อ Anthony Vaccarello มาโดยตลอดนับตั้งแต่ยุค 80s ผลงานที่ผ่านมา Helmut Lang เขามักตั้งคำถามถึงนิยามของฟังก์ชั่นและความหรูหราบนเสื้อผ้า เพราะแฟชั่นคือรูปแบบหนึ่งของศิลปะประยุกต์ ที่ต้องสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้กรอบของเวลาอันจำกัด และยังส่งผลต่อวัฒนธรรมโลกเป็นวงกว้าง ซึ่งภายหลังนับตั้งแต่ปีค.ศ. 2005 Helmut Lang ได้หันมาทำงานศิลปะอย่างเต็มรูปแบบ โดยเน้นการสร้างสรรค์และแปรรูปวัสดุเหลือทิ้งต่างๆ ให้กลายเป็นชิ้นงานศิลปะ

โดยประติมากรรมภายใต้โปรเจ็กต์ Saint Laurent Rive Droite จะถูกจัดแสดงเป็นครั้งแรกที่ Saint Laurent Rive Droite สาขาปารีส และจะถูกนำไปจัดแสดงที่สาขาลอสแอนเจลิส ก่อนที่จะถูกนำมาออกวางจำหน่ายต่อไป

DIOR MAKEUP FOR THE SPRING-SUMMER 2021

Dior Makeup เผยเทคนิคการแต่งหน้าสร้างลุคสวยส่งตรงจากรันเวย์คอลเลคชั่น
ประจำฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 2021

“กรอบตาคมชัดโดดเด่นด้วยไลเนอร์สีดำ พร้อมเผยผิวกระจ่างใสงดงามตามธรรมชาติ และริมฝีปากประกายแวววาว”

นี่คือคีย์สำคัญที่ ปีเตอร์ ฟิลิปส์ (Peter Philips) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ และภาพลักษณ์ประจำแผนก DIOR MAKE-UP รังสรรค์ลุคการแต่งหน้าสำหรับโชว์ Dior คอลเลกชั่นประจำฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 2021 ผลงานการออกแบบโดย มาเรีย กราเซีย ชิอูริ (Maria Grazia Chiuri)

กรอบตาคมชัดโดดเด่นด้วยไลเนอร์สีดำ
กรอบตาคมชัดโดดเด่นด้วยไลเนอร์สีดำ

EYE & BROW

ปีเตอร์ ฟิลิปส์ กล่าวว่า “เพื่อดึงความสนใจมาสู่ดวงตา ผมใช้พาเล็ตต์อายแชโดว์ 5 COULEURS COUTURE 649 NUDE DRESS ไล้เฉดเปลือกตาบนบางๆ ก่อนลงเส้นกราฟิกคมชัดด้วยการใช้อายไลเนอร์ DIORSHOW 24H STYLO 091 MATTE BLACK วาดเส้นขอบตาบน และล่างให้พอดีรูปดวงตา ไม่ยาวเกินหางตาออกมา ในขณะเดียวกันก็ต้องสมดุลน้ำหนักเนื้อสีไม่ให้เส้นบาง หรือหนาเกินไป แค่เป็นกรอบดวงตาตามรูปทรงธรรมชาติ ให้ดูคมชัด จุดประกาย “หรูหราชวนฝัน”

จากนั้นทวีความคมชัดขึ้นไปอีกขั้นด้วย มาสคารา DIORSHOW ICONIC OVERCURL 090 BLACK และสุดท้ายแต่งแต้มคิวด้วย DIORSHOW BROW STYLER กับ DIORSHOW PUMP ´N’ BROW ให้แลดูเป็นธรรมชาติพร้อมกับเติมเต็มโครงสร้างให้ลุคการแต่งตา”

DIOR MAKEUP FOR THE SPRING-SUMMER 2021
แต่งแต้มอย่างบางเบาและลงในตำแหน่งที่จำเป็น

COMPLEXION

ปีเตอร์ ฟิลิปส์ กล่าวว่า “ในการเผยผิวกระจ่างใสงดงามตามธรรมชาติ ต้องอาศัยการบำรุงความชุ่มชื่นให้สภาพผิวพร้อมรับการแต่งเติม เติม ผมเลือกใช้ CAPTURE TOTALE C.E.L.L. ENERGY SUPER POTENT SERUM และตามด้วย CAPTURE TOTALE C.E.L.L. ENERGY FIRMING AND WRINKLE-CORRECTING CREME จากนั้นจึงลง DIOR BACKSTAGE FACE & BODY PRIMER 001 UNIVERSAL เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอยและข้อบกพร่อง อีกทั้งยังช่วยตรึงรองพื้น DIOR BACKSTAGE FACE & BODY FOUNDATION ในเฉดสีที่กลมกลืนกับโทนผิวของนางแบบแต่ละคนได้อย่างแนบเนียน ให้ติดทนนานยิ่งขึ้น สุดท้าย ผมใช้ DIOR FOREVER SKIN CORRECT เติมแต่งบางๆ ลงในตำแหน่งที่จำเป็น”

เพิ่มความอวบอิ่มด้วย DIOR LIP SUGAR SCRUB 001 PINK
เพิ่มความอวบอิ่มด้วย DIOR LIP SUGAR SCRUB 001 PINK 

LIP

เพื่อริมฝีปากอวบอิ่มแลดูเป็นธรรมชาติ ปีเตอร์ ฟิลิปส์ เลือกใช้ DIOR LIP SUGAR SCRUB 001 PINK เติมความเรียบเนียน ก่อนมอบความชุ่มชื่น ฟื้นบำรุงความงามด้วย DIOR LIP MAXIMIZER 001 PINK แล้วจึงค่อยซับประกายแวววาวออกไป

DIOR MAKEUP FOR THE SPRING-SUMMER 2021
DIOR MAKEUP FOR THE SPRING-SUMMER 2021
DIOR MAKEUP FOR THE SPRING-SUMMER 2021

CREDITS:

SPRING-SUMMER 2021 READY-TO-WEAR, DIOR SHOW BACKSTAGE
DIOR MAKE-UP CREATED AND STYLED BY PETER PHILIPS
PHOTOGRAPHER: SOPHIE TAJAN FOR CHRISTIAN DIOR PARFUMS


สามารถอ่านคอนเทนท์อื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Dior Makeup ได้ที่

Dear Landmee Autumn Winter 2020


เจน เบอร์กิ้น แฟชั่นไอคอนแห่งยุค 70s
และกลิ่นอายวินเทจที่ถูกผสานรวมกับความเฟมินินสู่คอลเลกชั่น Dear Landmeé


เจนเบอร์กิ้น (Jane Birkin) เธอคือสไตล์ไอคอนและผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุค 70s ด้วยเอกลักษณ์ดวงตาคมโต และสไตล์การแต่งตัวหลากหลาย ทั้งในลุคแคชชวลทะมัดทะแมง ชุดเดนิม ตลอดจนชุดลูกไม้แบบเฟมินิน เธอเป็นหนึ่งในภาพจำของ ‘มี่-เนตรดาววัฒนะสิมากร’ ดีไซเนอร์และครีเอทีฟไดเรกเตอร์ประจำแบรนด์ แลนด์มี่ (Landmeé) 

ครั้งนี้คุณมี่จะพาเราย้อนกลับไปหาความทรงจำและจุดเริ่มต้นของแบรนด์ ซึ่งถูกร้อยเรียงผ่านคอลเลกชั่นล่าสุด ออทั่ม-วินเทอร์ 2020 เดียร์แลนด์มี่ (Autumn-Winter 2020 Dear Landmeé)

Autumn-Winter 2020 Dear Landmeé

มี่-เนตรดาววัฒนะสิมากร เล่าถึงแนวคิดหลักของการออกแบบเสื้อผ้าคอลเลกชั่น Autumn-Winter 2020 Dear Landmeé นี้ว่า

“เราตั้งใจดึงเอาความเป็น Landmeé ออกมาให้ได้มากที่สุด โดยได้หยิบความโดดเด่นของภาพบนมู้ดบอร์ดนับร้อยของ Jane Birkin ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราว อารมณ์ รวมถึงสไตล์การแต่งตัว ถูกนำมาตีความใหม่ ดีเทลและรายละเอียดของเสื้อผ้าวินเทจในยุค 70s ถูกนำมาดัดแปลงให้ทันสมัย”

“ส่วนตัวมี่มองว่า เสื้อผ้าวินเทจมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง หากเราหยิบมาใส่แบบนั้นเลยก็จะเป็นเพียงเสื้อผ้าวินเทจ แต่ Landmeé เป็นผู้หญิงยุคปัจจุบันที่ชอบกลิ่นอายวินเทจ ฉะนั้นคีย์เวิร์ดของคอลเลกชั่นนี้ คือ re-modernize นั่นคือนำสิ่งที่โดดเด่นและเป็นซิกเนเจอร์ของ Landmeé ไม่ว่าจะเป็นลูกไม้ งานปักมือ หรือเดนิมที่มีกลิ่นอายวินเทจมาทำให้สวยทันสมัยขึ้นนั่นเอง ส่วนคำว่า Dear Landmeé สำหรับมี่อาจจะหมายถึงเวลาเราเขียนอีเมลถึงใครสักคนที่เป็นที่รัก ไปจนเวลาเราเรียกใครที่เรารักว่า My Dear แบรนด์ Landmeé ก็เปรียบเสมือนสิ่งที่เป็นความรักของมี่ การได้ทำสิ่งที่เราชอบ หรือนำสิ่งที่เราชอบเรารักมาดัดแปลงให้สวยทันสมัยขึ้น น่าจะเป็นคำตอบที่สั้นและกระชับได้ใจความของคอลเลกชั่นนี้ทั้งหมด”

Autumn-Winter 2020 Dear Landmeé

ในคอลเลกชั่นนี้เราจึงได้เสื้อผ้าที่มีกลิ่นอายของยุค 70s และความเฟมินีนที่ถูกผสานเข้าไว้กับงานฝีมือได้อย่างลงตัว นำเสนอผ่านเดนิมแชมเบรย์ที่มีลวดลายปักมือแบบคาวบอย เชิ้ตเดนิม เดรสสั้น ชุดเอี้ยมเดนิมปักลายที่ให้ความรู้สึกบอยๆ น่ารัก แต่ก็แฝงไปด้วยความโรแมนติกจากลูกไม้ นอกจากนี้ยังมีเสื้อสั้นที่สร้างสรรค์ขึ้นจากเทคนิคโคเชต์ รวมทั้งเบลเซอร์ทรงหลวมแบบผู้ชายที่มีการเพิ่มดีเทลแบบเฟมินินดูเป็นผู้หญิงแต่ไม่หวานจนเกินไป

Autumn-Winter 2020 Dear Landmeé

และอีกหนึ่งความพิเศษของคอลเลกชั่นนี้กับงานเพ้นท์มือรูปดอกเดซี่ที่ได้ศิลปินและเพื่อนสนิทอย่าง โอ่ง-กงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์ มาออกแบบให้ และทาง Landmeé ยังมีลายพิมพ์แบบ Liberty Print ลวดลายดอกไม้เล็กๆ ไปจนลูกไม้ทอลายที่ออกแบบเองอย่างพิถีพิถันคงเอาไว้ด้วย

พบกับแลนด์มี่คอลเลกชั่นออทั่ม-วินเทอร์ 2020 ‘เดียร์แลนด์มี่’ ได้แล้ววันนี้ พร้อมติดตามผ่านช่องทาง IG: @landmee_officelและ Line ID: @landmee

สามารถติดตามคอนเทนท์แฟชั่นที่น่าสนใจได้ ที่นี่

BURBERRY HER CAMPAIGN With Fran Summers


Burberry เผยโฉมแคมเปญน้ำหอมล่าสุด พร้อมร่วมงานกับ
Fran Summers และ Mario Sorrenti


Burberry เผยโฉมแคมเปญใหม่ล่าสุดของน้ำหอมตระกูล Her ซึ่งครั้งนี้ได้ Fran Summers นางแบบสาวและแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Burberry Beauty มาร่วมสะท้อนตัวตนและจิตวิญญาณแห่งความอิสระของน้ำหอมสำหรับสุภาพสตรี นอกจากนี้ยังได้ช่างภาพชื่อดังอย่าง Mario Sorrenti และทีมงานมากความสามารถไม่ว่าจะเป็น Carlos Nazario สไตลิสต์และ Global Beauty Director จาก Isamaya Ffrench และช่างทำผม James Pecis อีกด้วย

ซึ่งครั้งนี้เป็นแคมเปญที่ห้าของฟรานส์ ที่ได้ร่วมมือกับแบรนด์ Burberry ภายใต้การดูแลของผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ Riccardo Tisci

สำหรับซีรีส์ภาพในแคมเปญครั้งนี้ สื่อถึงพลังและความมั่นใจ พร้อมสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาว ซึ่งนี่คือหัวใจหลักของน้ำหอมตระกูล Her นอกจากนี้ยังเป็นการผสมผสานระหว่างความจริงและความฝัน โดยสาวฟรานส์ ยังได้กลายร่างเป็นนกสีขาวในขณะบินสำรวจเมืองที่กำลังตื่นจากหลับใหลในยามรุ่งอรุณ


BURBERRY HER

HER EAU DE PARFUM
กลิ่นหอมสไตล์กูร์มองด์ของอังกฤษที่ผสมผสานแบล็กเคอร์แรนต์ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ ดอกมะลิ ไวโอเล็ทดรายแอมเบอร์และมัสก์

HER BLOSSOM EAU DE TOILETTE
กลิ่นกอมสดชื่นจากส้มแมนดาริน พิงค์ เปปเปอร์คอร์น ดอกพลัม (ซากุระ) และ พีโอนี ผสานกับความหวานละมุนจากแซนดัลวู้ดและกลิ่นมัสก์

HER INTENSE
กลิ่นหอมลุ่มลึกที่ผสนานนำเอาความสดชื่นของฟรุ๊ตตี้ แบล็กเบอร์รี่ มะลิ และกำยาน

HER LONDON DREAM
เปล่งประกายความสดใสด้วยกลิ่นหอมซิกเนเจอร์ของ Her ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอีกครั้ง ด้วยท็อปโน้ตส์กลิ่นมะนาวและขิงสด ตามด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบและดอกพีโอนี

HER PERSONALISATION
ขวดน้ำหอมที่ได้แรงบันดาลใจจากงานดีไซน์ในอดีตของ Burberry เพิ่มความน่าค้นหาด้วยการปรับสีสันให้ดูชัดเจนยิ่งขึ้น ขวดแก้วทรงโค้งเนื้อเรียบนี้ สามารถปรับแต่งให้สะท้อนตัวตนของคุณออกมาได้ด้วยการสลักอักษรย่อของคุณลงบนจี้สีทองที่คล้องอยู่รอบคอขวด

พบกับน้ำหอม Her ณ แผนกเครื่องสำอางห้างสรรพสินค้าพารากอน เอ็มโพเรียม เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลชิดลม ทาคาชิมายา ร้าน Sephora สาขาสยามเซ็นเตอร์ และเอ็มควอเทียร์


BALENCIAGA, Sunglasses at Night


เก๋ไก๋อย่างมีชั้นเชิงแม้ยามค่ำคืนกับ
พรีคอลเลกชั่นฤดูร้อน 2021 ล่าสุดจาก Balenciaga ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุอัพไซเคิล


I wear my sunglasses at night 
So I can, so I can
Watch you weave then breathe your storylines

เสียงเพลงสุดเปรี้ยวแนวเทคโนป็อป “Sunglasses at Night” ของ Corey Hart ที่ถูกคัฟเวอร์โดย BFRND พร้อมภาพของเหล่านายแบบและนางแบบสวมใส่แว่นกันแดดทรงโตเดินเตร็ดเตร่ท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนของกรุงปารีสที่ถูกนำเสนอผ่านวีดีโอพรีเซนเทชั่นผลงานการกำกับโดย Walter Stern นี่ล่ะคือความเก๋ไก๋อันจัดจ้านที่สะท้อนถึงพรีคอลเลกชั่น ฤดูร้อน 2021 ของบาเลนเซียก้า (Balenciaga) ได้เป็นอย่างดี

Balenciaga Pre-Collection 2021

โดยพรีคอลเลกชั่น ฤดูร้อน 2021 นี้ บาเลนเซียก้าเลือกที่จะนำเสนอและสร้างสรรค์คอลเลกชั่นภายใต้แนวคิดใหม่ พร้อมให้ความสำคัญกับเรื่อง ‘ความยั่งยืน’ (Sustainability) ตั้งแต่ขั้นการออกแบบ การนำเสนอเสื้อผ้าในรูปแบบ unisex ที่สามารถสวมใส่ทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี รวมทั้งขั้นตอนการผลิต ซึ่ง 93.5 เปอร์เซ็นต์ของวัสดุที่ใช้ในคอลเลกชั่นนี้เป็นวัสดุที่มีความยั่งยืนหรือสามารถนำไปอัพไซเคิล (Upcycled) ได้ นอกจากนั้นการพิมพ์ลายยังได้รับการรับรองว่ามีความยั่งยืน 100%

Balenciaga Pre-Collection 2021

อีกหนึ่งความโดดเด่นของคอลเลกชั่นนี้ คือ การหยิบยกนำเอาวัสดุอัพไซเคิลมาผสมผสานกับงานคราฟท์พร้อมด้วยเทคนิคการตัดเย็บแบบโอต์กูตูร์ ไม่ว่าจะเป็นโค้ทซึ่งใช้เฟอร์ถักแบบการร้อยเชือกรองเท้า งานแพตช์เวิร์กที่รังสรรค์ขึ้นจากรองเท้าบู้ท กระเป๋าและกางเกงขี่มอเตอร์ไซค์ที่ค้างสต๊อก ชุดกระโปรงตาข่ายที่ทำขึ้นจากตาข่ายห่วงบาสเก็ตบอล สลิปเดรสบางเบาที่ทำขึ้นจากโลหะชิ้นเล็ก รวมทั้งการหยิบยกนำเอาเทคนิคลวงตาแบบสามมิติ หรือ ทรอมป์-เลยล์ (trompe l’oeil) ในการสร้างสรรค์กางเกงยีนส์ห้ากระเป๋าที่ทำจากผ้าไหมและผ้าเจอร์ซีย์ให้ดูเหมือนใช้ผ้ายีนส์จริงได้อย่างแนบเนียน

Balenciaga Pre-Collection 2021

และเช่นเคยกับกระเป๋าแฟชั่นไอเท็มที่พลาดไม่ได้ของบาเลนเซียก้า ครั้งนี้ เดมนา กวาซาเลีย (Demna Gvasalia) หยิบยกนำเอาแพ็กเกจจิ้งร้านขายอาหารและอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงมารังสรรค์เป็นกระเป๋าช้อปปิ้งใบเก๋ พร้อมด้วยกระเป๋ารุ่น Neo Classic ที่ถูกนำมาสร้างสรรค์ใหม่ในวาระครบรอบ 20 ปี รวมทั้งกระเป๋ารุ่น Hourglass Bag ห่อหุ้มด้วยขนแกะเทียม ในคอลเลกชั่นนี้ยังมีการเผยโฉม ‘X-Pander’ สนีกเกอร์รุ่นล่าสุด และรองเท้ารุ่น ‘Rhino’ รองเท้าสไตล์เดอร์บี้ที่มาพร้อมหัวรองเท้าทรงพีระมิดและพื้นรองเท้าแบบหนา

Balenciaga Pre-Collection 2021
Balenciaga Pre-Collection 2021
Balenciaga Pre-Collection 2021
Balenciaga Pre-Collection 2021
Balenciaga Pre-Collection 2021
Balenciaga Pre-Collection 2021
Balenciaga Pre-Collection 2021

Casa Mexicana หญิงสาวแม็กซินกันในแบบฉบับ Matter Makers


เปล่งประกายความสดใส เริงระบำท่ามกลางลวดลายดอกไม้
และคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด Casa Mexicana

ใหม่ - ดาวิกา โฮร์เน่ ในชุดเดรสลายดอกจากคอลเลกชั่น Casa Mexicana, Matter Makers
ใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่ ในชุดเดรสลายดอกจากคอลเลกชั่น Casa Mexicana, Matter Makers

matter makers ถ่ายทอดกลิ่นอายของเฟมินีนอันความสดใสแต่ยังคงเสน่ห์ความเร่าร้อนตามแบบฉบับของสาวแม็กซิกัน นำเสนอผ่านคอลเลกชั่นล่าสุด Casa Mexicana’ ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ที่สาวๆ สามารถสวมใส่ได้ในทุกวาระโอกาส พร้อมชวน ‘ใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่’ มาร่วมถ่ายทอดเสน่ห์ของหญิงสาวตามแบบฉบับ matter makers อีกด้วย

ใหม่-ดาวิกา ในชุดจาก matter makers คอลเลกชั่น 'Casa Mexica

โดย matter makers นำเอากลิ่นอายของวัฒนธรรมเม็กซิกันมาร้อยเรียงผ่านซิลูเอทเสื้อผ้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและสะท้อนจิตวิญญาณของหญิงสาวอย่างชัดเจน ลวดลายดอกกุหลาบ และดีเทลงานปักต่างๆ ปรากฏโฉมบนเสื้อครอปพลีทพิมพ์ลายดอกไม้ กางเกงพลีทขายาวระบายลายดอก ชุดเดรสระบายพลิ้วไหวลายดอกไม้พร้อมลูกเล่นผูกข้างสไตล์กิโมโน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเสื้อชีฟองปักลายดอกไม้

ใหม่-ดาวิกา ในชุดจาก matter makers คอลเลกชั่น 'Casa Mexica

มาแต่งแต้มความสดใสพร้อมสะท้อนตัวตนอันแสนหวานไปกับคอลเลกชั่น ‘Casa Mexicana’ ได้ที่ร้าน matter makers ทุกสาขา และออนไลน์ เอ็กซ์คลูซีฟบน https://www.pomelofashion.com

ใหม่-ดาวิกา ในชุดจาก matter makers คอลเลกชั่น 'Casa Mexica

สามารถอ่านคอนเทนท์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่

Versace Trigreca สนีกเกอร์สุดจี๊ดส่งตรงจากรันเวย์


เหล่าสนีกเกอร์เฮดเตรียมตัวให้พร้อม Versace Trigreca สีแดง
จะวางจำหน่ายเฉพาะออนไลน์เท่านั้น


หลังจากได้อวดโฉมบนรันเวย์ของเวอซาเช่ (Versace) ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2020 ที่ผ่านมา ล่าสุดสนีกเกอร์รุ่น ‘Trigreca’ ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวพร้อมให้เหล่าสนีกเกอร์เฮดและสายแฟฯ ไปช้อปกันแล้ว

Versace Trigreca

สนีกเกอร์รุ่น Trigreca เป็นการนำเอามรดกของแบรนด์เวอซาเช่ อย่างลาย Greca ลายเส้นรูปทรงเลขาคณิตจากยุคสมัยกรีกโบราณลักษณะคล้ายเขาวงกต ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความไม่สิ้นสุดมาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ นอกจากนี้สนีกเกอร์รุ่นTrigreca ยังมีการซ่อนสัญลักษณ์ 3D Medusa อีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของแบรนด์ไว้บริเวณพื้นรองเท้าอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นสนีกเกอร์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับนวัตกรรม “Greca Cushioning System” ที่ช่วยเพิ่มการรองรับและยกระดับการสวมใส่ให้สบายเท้ายิ่งขึ้น

Versace Trigreca
Versace Trigreca
Versace Trigreca

โดย Trigreca มีให้เลือกทั้งหมด 5 เฉดสี คือ สีดำ ขาว เขียว น้ำเงิน และสีแดง สนนราคาคู่ละ 29,000 บาท โดยสีแดงจะจัดจำหน่ายเฉพาะที่ Versace.com เท่านั้น และสีอื่นๆ จะวางจำหน่ายที่ร้านเวอร์ซาเช่บูติคสโตร์ เตรียมพบกับอีกหนึ่งความพิเศษในเดือนพฤศจิกายนซึ่ง เวอร์ซาเช่ จะเผยโฉมสนีกเกอร์รุ่น Trigreca สีใหม่ผ่านทาง ssense.com