ที่นำมาสู่การเปิดตัวสุดระทึกของ Audemars Piguet Royal Oak Concept “Black Panther” Flying Tourbillon ผลงานเรือนแรกในซีรีส์นาฬิกา Audemars Piguet x Marvel
Audemars Piguet x Marvel เรียกความสนใจและสร้างความตื่นเต้นให้กับทั้งสาวกนาฬิกาและแฟนๆ ของ Marvel อยู่ไม่น้อย กับการประกาศพาร์ทเนอร์ชิพอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดระหว่างผู้ผลิตนาฬิการะดับตำนาน โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) และ Marvel Entertainment ที่ทั้งคู่ยังได้พร้อมเผยโฉมผลงานนาฬิการุ่นแรกในซีรีส์นาฬิกาซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel นั่นก็คือรุ่น Royal Oak Concept “Black Panther” Flying Tourbillon นาฬิกา Limited Edition ที่ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 250 เรือน ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบที่ได้มาจากคาแรกเตอร์แห่งจักรวาล Marvel เพื่อเชิดชูซูเปอร์ฮีโร่เจเนอเรชันใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลกเช่นกัน
ซึ่งในซีรีส์นาฬิกานี้ Audemars Piguet ไ้ด้เลือกนำเอาคาแรกเตอร์ รวมถึงความแข็งแกร่งและทรงพลังของตัวละครในจักรวาล Marvel มาใช้ในการรังสรรค์นาฬิกา โดยเลือกเปิดตัวนาฬิการุ่นแรกด้วยคาแรกเตอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับ Audemars Piguet มากที่สุดอย่าง Black Panther (แบล็ก แพนเธอร์) ซึ่งผูกพันถึงการให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ของครอบครัว รวมไปถึงการผสมผสานระหว่างขนบธรรมเนียมดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว เหมือนกับเส้นทางการสร้างสรรค์ผลงานระดับตำนานภายในโรงงานการผลิตนาฬิกาแห่งนี้ ที่เปรียบเหมือนดั่งการทำงานร่วมมือกันของครอบครัว ผู้ซึ่งมีความหลงใหลและพร้อมที่จะธำรงรักษาไว้ซึ่งคุณค่าแห่งเครื่องบอกเวลาคุณภาพไว้เสมอ
ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบและการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้กับนาฬิการุ่นแรกนี้ Audemars Piguet ได้เน้นตอกย้ำถึงคุณค่าอันเป็นรากฐานของแบรนด์ ทั้งในด้านความพิถีพิถันของงานฝีมือแบบดั้งเดิม และความก้าวหน้าล้ำสมัยของเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยได้กลั่นกรองความคิดสร้างสรรค์อันเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจจากซุปเปอร์ฮีโร่ Black Panther มาสู่การผสมผสานระหว่างงานออกแบบด้วยรูปลักษณ์ภายนอกอันโดดเด่นสง่างาม ขณะเดียวกันก็บรรจุไว้ด้วยความทรงพลังของกลไกจักรกลสลับซับซ้อน ที่ถือเป็นคุณค่าและสัญลักษณ์ของ Audemars Piguet อย่างไร้กาลเวลา
โดยสำหรับแฟนๆ ที่ติดตามการร่วมมือเป็นพันธมิตรอันน่าตื่นเต้นของทั้งคู่นี้ อาจได้เห็นภาพการเผยโฉมนาฬิกา Royal Oak Concept “Black Panther” Flying Tourbillon รุ่นแรกนี้กันมาบ้างแล้วบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าภายใต้ความสวยเด่นสะดุดตาของนาฬิกาเรือนนี้ ล้วนซ่อนไว้ด้วยรายละเอียดและรหัสลับของทั้งคู่อีกมากมายด้วย เริ่มจากงานดีไซน์แบบฟิวเจอริสติกของตัวเรือนทรงกลมขนาด 42.0 มิลลิเมตร ที่ผลิตขึ้นจากไทเทเนียมขัดแต่งแบบแซนด์บลาสต์ ชวนให้นึกถึงชุดที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำยุคของ Black Panther ตัวละครสำคัญอีกหนึ่งตัวจากจักรวาล Marvel พร้อมทั้งมีมิติที่ดูเคร่งขรึมและแข็งแกร่งในคราวเดียวกัน โดยผสานเข้ากับขอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมและเม็ดมะยมทำจากเซรามิกสีดำขัดแต่งอย่างประณีต ช่วยเสริมดีไซน์ให้ทั้งดูไฮเทคและขับให้รูปทรงโค้งของตัวเรือนและหน้าปัดโดดเด่นมากยิ่งขึ้น โดยมีคุณสมบัติเด่นๆ ของเซรามิกที่สร้างความประทับใจให้กับผู้หลงใหลเรือนเวลามาแล้ว ทั้งเรื่องความแข็งแกร่งทนทานสูง กันรอยขีดข่วนได้เป็นเยี่ยม แต่ก็มีน้ำหนักเบาพิเศษ จึงสวมใส่สะดวกสบายและรับไปกับสัดส่วนของข้อมือได้อย่างลงตัว
ขณะที่ยังคงรักษาประสิทธิภาพและสมรรถนะของเรือนเวลา Royal Oak ด้านอื่นๆ ไว้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการกันน้ำจากตัวเรือนที่ผลิตขึ้นพร้อมประกอบด้วยซีลยางสีม่วง ที่ช่วยเติมสีสันให้กับนาฬิกาไปด้วยในตัว ส่วนฝาหลังประกอบด้วยกระจกแซฟไฟร์ที่ใช้ทั้งเทคนิคการขัดแบบแซนด์บลาสต์และขัดแบบซาติน พร้อมเผยให้เห็นการทำงานของกลไกจักรกลอันซับซ้อน แต่เปี่ยมด้วยขุมพลังภายใน
และที่ต้องเอ่ยถึงแน่นอน คือหน้าปัดไวท์โกลด์ดีไซน์โดดเด่น ทั้งการเปิดโชว์ให้เห็น Flying Tourbillon ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนด้านบนเด่นสง่าด้วยรูปคาแรกเตอร์ของ Black Panther ที่รังสรรค์ขึ้นจากการเพ้นท์ด้วยมือเป็นรายละเอียดของตัวละครซูเปอร์ฮีโร่แห่ง Marvel ได้อย่างมีมิติ โดยนอกจากงานฝีมืออันเชี่ยวชาญประณีตแล้ว Audemars Piguet ยังได้ใช้เครื่องมือใหม่ๆ ซึ่งพัฒนาขึ้นพิเศษมาประกอบในการสร้างสรรค์คาแรกเตอร์ Black Panther เหนือกลไกบนหน้าปัดนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนภาพของ Black Panther บนหน้าปัดไวท์โกลด์ที่ใช้เทคนิคเลเซอร์คัตในขั้นตอนแรกด้วยเครื่อง CNC Machining และรังสรรค์พื้นที่ว่างใต้คาแรกเตอร์นี้ไว้สำหรับติดตั้งและประกอบชิ้นส่วนกลไกอื่นๆ โดยยังคงรักษาความแข็งแรงของหน้าปัดเพื่อป้องกันการเสียรูป ขณะเดียวกันก็ยังสามารถนำเสนอภาพอันสวยงามของทั้งจักรกลซับซ้อนอย่าง Flying Tourbillon และภาพคาแรกเตอร์ Black Panther ไว้ในพื้นที่อันจำกัดเดียวกันนี้ได้อย่างลงตัว
ส่วนรายละเอียดของชุด Black Panther ที่ดูห้าวหาญและกล้าแกร่งนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยเลเซอร์ ผนวกกับการตกแต่งรายละเอียดด้วยงานสลักด้วยมือ พร้อมทั้งส่วนที่มีรายละเอียดเล็กที่สุดมากมายที่รายรอบเรือนร่างของ Black Panther ตั้งแต่มือ กรงเล็บ ไปจนถึงมัดกล้ามและรายละเอียดบนใบหน้านั้นทั้งหมดถูกสลักเสลาขึ้นด้วยฝีมือของช่างแกะสลักเพียงคนเดียว ตามมาด้วยขั้นตอนของการเพ้นท์โดยช่างฝีมือเพียงคนเดียวอีกเช่นกัน ตั้งแต่การลงรายละเอียดในการวาดดวงตา โดยใช้โทนสีเข้มลงสีไปอย่างเบาบาง และค่อยๆ ซ้อนไปทีละชั้นจนได้รายละเอียดของภาพและสีที่ลงตัวมากที่สุด นอกจากนี้ บางส่วนของชุดที่คาแรกเตอร์สวมใส่ยังถูกปล่อยไว้โดยไม่ได้ลงสี เพื่อให้เกิดความคอนทราสต์และเพิ่มมิติให้กับทั้งภาพและพื้นหน้าปัดไวท์โกลด์ พร้อมทั้งการตกแต่งด้วยงานขัดเงาเพื่อให้เกิดลูกเล่นของแสงสะท้อน โดยรายละเอียดของพื้นผิวที่ผสมผสานระหว่างผิวขัดด้านและขัดเงาวาวของ Black Panther นี้ยังสะท้อนถึงเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นจากงานฝีมืออันเชี่ยวชาญของแบรนด์ ซึ่งกว่าจะได้มาเป็นคาแรกเตอร์ Black Panther ที่ดูมีชีวิตชีวานี้ต้องใช้เวลาในการรังสรรค์อย่างน้อยถึง 30 ชั่วโมง เลยทีเดียว พร้อมทั้งใช้ทีมช่างแกะสลักจำนวน 4 คน และช่างเพ้นท์อีก 4 คน เพื่อร่วมกันรังสรรค์หน้าปัดให้กับนาฬิการุ่นสุดพิเศษนี้ที่มีเพียง 250 เรือนเท่านั้น
ถัดมาคือส่วนของสะพานจักรไทเทเนียมที่รังสรรค์ขึ้นด้วยเลเซอร์และเคลือบ PVD สีดำและเทาบนพื้นหลัง ชวนให้นึกถึงรายละเอียดของลวดลายและเหลี่ยมมุมของชุด Black Panther ส่วนบนหน้าปัด ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ยังมองเห็นเมนสปริงอันเป็นหัวใจแห่งพลังงานของนาฬิกา ตัดด้วยขอบหน้าปัดด้านในสีม่วงสดใสที่ยิ่งเสริมความโดดเด่นให้กับฉากอันยิ่งใหญ่สำหรับ Black Panther เรือนนี้ ที่สำคัญยังลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบมากับสายยางและซีลยางสีม่วงเดียวกัน เปี่ยมด้วยพลังและเติมความมีชีวิตชีวาคล้ายกับไวเบรเนียมที่ถือเป็นแร่ที่ทนทานที่สุดแห่งจักรวาล Marvel
Royal Oak Concept Limited Edition of 250 Pieces
ความยิ่งใหญ่ของนาฬิการุ่นนี้ยังรวมไปถึงพลังขับเคลื่อนภายในที่ติดตั้งด้วยกลไกแห่งอนาคตอย่าง Calibre 2965 พัฒนาการล่าสุดของกลไกไขลานที่มาพร้อม Flying Tourbillon ซึ่ง Audemars Piguet เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 2018 โดยกลไกชุดนี้ทำงานด้วยความถี่ 3 เฮิร์ตซ์ และส่งมอบพลังงาน
สำรองได้นาน 72 ชั่วโมง พร้อมทั้งมั่นใจได้ถึงการกันน้ำได้ลึก 50 เมตร บนฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ยังเผยให้เห็นความเข้มแข็งของกลไกจักรกลภายใน ที่ผ่านการประกอบแต่ละชิ้นส่วนขึ้นอย่างพิถีพิถัน พร้อมทั้งงานตกแต่งอันประณีตสวยงามตามประเพณีต้นตำรับของ Audemars Piguet รวมถึงจารึกข้อความ “Royal Oak Concept Limited Edition of 250 Pieces” ไว้อย่างโดดเด่น และส่งมอบมาพร้อมกับสายยางสีดำอีกหนึ่งเส้น
นอกจากนี้ Audemars Piguet ยังได้รังสรรค์นาฬิกาเรือนพิเศษที่เป็น “Unique piece” ผลิตขึ้นเพียงหนึ่งเดียวเรือนเดียวของ Royal Oak Concept “Black Panther” Flying Tourbillon ในตัวเรือนและขอบตัวเรือนไวท์โกลด์ ซึ่งได้นำมาประมูลเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2021 และมอบรายได้จากการประมูลทั้งหมดบริจาคให้กับโครงการสนับสนุนการศึกษาระยะยาวของ Audemars Piguet ที่สนับสนุนองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง First Book และ Ashoka เพื่อสนับสนุนการศึกษาของเด็กด้อยโอกาส โดยเรือนหนึ่งเดียวในโลกนี้ทุบราคาประมูลไปได้สูงถึง 5.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นมูลค่าการประมูลสูงที่สุดของนาฬิกา Audemars Piguet เท่าที่เคยมีมา
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF AUDEMARS PIGUET
MUSIC: Free Stock Footage by www.videezy.com
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่