ทบทวนความทรงจำตลอด 3 ปี ผ่านบทเพลงในอัลบัม All the Best ผลงานอัลบัมชุดสุดท้ายจากวง FEVER
เรียกได้ว่าเป็นข่าววงการไอดอลที่พูดถึงกี่ครั้งก็ยังทำให้ใจหาย สำหรับการยุติบทบาทและการทำงานของวงไอดอลอินดี้อย่าง FEVER ไอดอลสัญชาติไทยภายใต้สังกัด โรมรัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Roamrun Entertainment) เพราะผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 แต่ค่ายก็ยังคงทำตามสัญญาที่จะนำเสนอผลงานที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจนจบถึงซิงเกิลสุดท้าย แม้จะไม่มีโอกาสได้ขึ้นโชว์ในงานอีเวนต์อีกแล้วก็ตาม จึงเป็นที่มาของอัลบัม All the Best อัลบัมเต็มชุดแรกและชุดสุดท้ายของวงที่เราจะพูดถึงในวันนี้
ฟีเวอร์เป็นวงไอดอลที่มีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างจากไอดอลวงอื่นอย่างชัดเจน ทั้งความยืดหยุ่น และให้อิสระแก่สมาชิกได้เป็นตัวของตัวเอง ผ่านการตั้งคำถามต่อสังคมว่า ‘ไอดอลต้องเป็นแบบไหน’ เพื่อทำลายกรอบคิดและมโนทัศน์แบบเก่าที่กำหนดเจาะจงว่า ‘ไอดอล’ ซึ่งรับวัฒนธรรมมาจากญี่ปุ่นจะต้องมีความน่ารัก สวมเสื้อผ้าที่สดใส แต่งระบายฟูฟ่อง หรือร้องเพลงที่น่ารักสดใส ดูสว่างไสวเมื่ออยู่บนเวที
เพลงของฟีเวอร์จึงมีความแตกต่างกับวงอื่นๆ ในตลาดไอดอล ไม่ว่าจะเป็นแนวเพลงที่ดึงเอากลิ่นอายของซิตี้-ป็อป (City Pop) และ ซินธ์ป็อป (Synth-Pop) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในยุค 80-90s ของญี่ปุ่นมาเป็นองค์ประกอบ ทำให้รสชาติทางดนตรีของฟีเวอร์มีความสดใหม่ และเจือความเป็นอิเลกทรอนิกส์นิดๆ ดิสโก้หน่อยๆ มาไว้ด้วยกัน
ในอัลบัม All the Best รวบรวมผลงานตั้งแต่ซิงเกิลชุดแรกอย่าง Start Again ซิงเกิลชุดที่ 2 อย่าง Underground และซิงเกิลที่ 3 ซึ่งเป็นซิงเกิลชุดสุดท้ายของวงอย่าง IF YOU WANT ME โดยมีหัวเรือใหญ่ที่คอยดูแลควบคุมเรื่องการทำเพลงอย่างเฉลิม เฉลิมพล สูงศักดิ์ แห่งวง Gym and Swim ผู้รับหน้าที่มิวสิคไดเรกเตอร์ของวงมานับตั้งแต่วันแรก
รวมทั้งทีมงานคุณภาพจาก Cold Brew Studio อย่างวิน Mamakiss และปกป้อง จิตดี แห่ง Plastic Plastic ที่ยืนเป็นทีมหลักในการทำเพลง พร้อมพ่อครูแม่ครูในวงการเพลงอินดี้มากมายที่แวะเวียนกันมาร่วมงาน จนเราเคยแอบตั้งฉายาให้เล่น ๆ ในใจว่าฟีเวอร์คือ วงไอดอลน้องสาวของชาวอินดี้ โดยแท้
นอกจากนั้นยังมีหนึ่งในสมาชิกวงอย่างบอส ปาลีรัตน์ ก้อนบาง ที่มารับหน้าที่ Vocal Director ที่คอยแนะนำเทคนิคการร้องและการใช้น้ำเสียงในเพลงให้กับเพื่อน ๆ ในช่วงหลัง นับตั้งแต่ซิงเกิล Crush เพลงพิเศษที่สาว ๆ ใช้ในโชว์รอบตัดสินของรายการ Lodi X Next Idol ทางช่องเวิร์คพ้อยท์ (WorkpointTV) รวมไปถึงเพลงอื่นๆ ในซิงเกิลชุดที่ 3 IF YOU WANT ME ด้วย
แต่ความพิเศษของแต่ละเพลงที่อัดแน่นอยู่ในอัลบัมชุดนี้ยังมีรายละเอียดที่เต็มไปด้วยเรื่องราว จึงเป็นเหตุผลที่วันนี้ Padthai.co เลือกหยิบอัลบัมชุดนี้มาเล่าให้คุณผู้อ่านฟัง เพื่อยืนยันว่านับแต่ผลงานเพลงชิ้นแรกจวบจนชิ้นสุดท้าย วงไอดอลอินดี้จากค่ายโรมรัน เอนเตอร์เทนเม้นท์ ก็ยังคงมอบสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อแฟน ๆ เสมอมาตามชื่ออัลบัม
1st Single
♫ Start Again
Start Again เป็นซิงเกิลแรกของวง และเป็นเพลงเปิดตัวที่ทำให้ทุกคนได้เริ่มทำความรู้จักกับฟีเวอร์ โดยเพลงนี้หยิบเรื่องราวของการเริ่มต้นใหม่เพื่อทำตามฝันอีกครั้งมาเล่าผ่านดนตรีซินธ์ป็อปที่ไม่ซับซ้อน ผสมผสานกับไลน์กีต้าร์และท่อนโซโล่เท่ๆ ที่มี เพียว วาตานาเบะ มือเบสและซินธิไซเซอร์ จากวง Polycat มาแท็กทีมกับเฉลิมและปกป้อง ทำให้ Start Again มีกลิ่นอายแบบเพลงอินดี้-ป็อป ที่สามารถเข้าถึงได้ไม่ยาก
นอกจากนั้นเนื้อหาของเพลงก็ดูจะบอกเล่าความเป็นไปของสมาชิกหลายคนในวงได้ดี ไม่ว่าจะเป็นบอสที่เคยผ่านการประกวด The Voice Thailand และ The Voice Kids มาแล้ว บีมบีม–กมลพร โกสียรักษ์วงศ์ ผู้เคยถูกเลือกให้เป็น 1 ในสมาชิก BNK48 รุ่นแรก แต่ไม่ได้ตกลงเซ็นสัญญา
รวมถึงสมาชิกอย่าง ป๊อป – นภัสพร ศรีประภา ปาย – รัทยา ผลเกิด บีม – จิรัชญา จันทร์จิเรศรัศมี ที่ล้วนแต่เคยผิดหวังจากการคัดเลือก BNK48 รุ่นสอง ทุกคนจึงเหมือนได้มีโอกาสมา Start Again ไปพร้อม ๆ กันที่นี่
♫ Ghost World
Ghost World นับเป็นเพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกของวงที่มากับไลน์เบสที่โดดเด่น ผสมผสานกับเสียงซินธิไซเซอร์ที่ให้ความรู้สึกเหงา ก่อนจะตบด้วยเสียงกีต้าร์และกลองที่ทำให้รู้สึกกลมกล่อมขึ้น โดยเล่าเรื่องราวและความเป็นตัวตนของเมมเบอร์แต่ละคน ล้อไปกับคอนเซ็ปต์วงว่าแท้จริงแล้ว ‘ไอดอลต้องเป็นแบบไหน’
เพื่อเปรียบว่าในโลกที่ผู้คนคอยตีกรอบและสร้างความคาดหวัง หลายๆ คนต้องซ่อนตัวตนหรือความเป็นตัวเองเอาไว้ใน Ghost World ซึ่งไม่มีใครมองเห็นเพื่อรักษาความนิยมของตัวเอง นับเป็นบทเพลงที่มีนัยยะแสนคม แถมยังได้พัด บริพัตร แสงศิริ จาก FOLK9 มาร่วมเรียบเรียงและมิกซ์เพลงนี้ด้วย
♫ Password
เพลง Password เป็นเพลงที่สดใสและสว่างไสวที่สุดใน 3 เพลงจากซิงเกิลชุดแรก ด้วยกลิ่นอายเรโทรแบบสุด ทั้งการใส่ความเป็นซิตี้ป็อป เข้ามาในเพลงอย่างเต็มที่ ผนวกกับคอสตูมในมิวสิควีดีโอ ที่สมาชิกปรากฏตัวในเสื้อผ้าหน้าผมแบบวัยรุ่นยุค 80s ล้อมวงร้องเพลงนี้กันในอิริยาบทสบาย ๆ ต่างจากสองเพลงแรกที่ถูกนำเสนอออกมา
โดยในเพลงนี้ได้อิคคิว เผ่าทอง สายเชื้อ มือกีต้าร์แห่งวงซิตี้ป็อปแถวหน้าอย่าง MAMAKISS มาดูแลซาวด์กีต้าร์ให้ ร่วมกับเจ้าพ่อเพลงรักอย่างกอล์ฟ ประภพ ชมถาวร แห่งวง Superbaker
เมื่อองค์ประกอบทางดนตรีที่พรั่งพร้อม ท่าเต้นที่น่ารัก รวมทั้งสองเซ็นเตอร์ของเพลงอย่างบีม และบีมบีม มาผสมเข้ากับเนื้อเพลงหวานๆ เติมกำลังใจให้แก่ผู้ฟัง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Password จะกลายเป็นเพลงโปรดตลอดกาลของแฟนคลับหลายๆ คนไปโดยปริยาย
💖 2nd Single
♫ Underground
ในซิงเกิลชุดที่ 2 อย่าง Underground ที่มีเพลงชื่อเดียวกันเป็นเพลงไตเติ้ล สาว ๆ มาพร้อมสไตล์ที่โตขึ้น ดนตรีมีความเป็นอิเล็คทรอนิค-ป็อปที่ร่วมสมัย ผสมกับซาวด์ดิสโก้ยุค 80s ซึ่งมีกลิ่นอายความเป็นดนตรีอังกฤษ-อเมริกัน
พร้อมเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่ยังคงเล่าเกี่ยวกับการยอมรับตัวตนและความเป็นตนเอง แตกต่างจากซิงเกิลแรกที่จะให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นมากกว่า เพื่อขับเน้นถึงตัวตนและแนวทางที่ชัดเจนขึ้นของวง แถมมิวสิควีดีโอเพลงนี้ยังยกกองไปถ่ายกันถึงชะอำ แม้ฟ้าฝนจะไม่เป็นใจนัก แต่มิวสิควีดีโอเพลงนี้ก็ยังเป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนๆ หลายคน
♫ The Feeling
เพลง The Feeling เป็นเพลงเทๆ ที่สาวๆ ฟีเวอร์มาพร้อมกับชุดโปรโมทใหม่ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ชุดยูนิฟอร์มคล้ายชุดนักเรียน แต่เพิ่มความเท่ไปที่สูทครึ่งตัวและกางเกงขายาวซึ่งไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นวงไอดอลหญิงมีชุดโปรโมทเป็นกางเกงขายาว โดยเพลงนี้ถูกใช้ในเวทีรายการ Lodi X Next Idol รอบแรก และมีซู มะลิ แซ่ว่าง รับหน้าที่เป็นเซ็นเตอร์
The Feeling ได้ ปิ้ว กษิเดช ฤทธิ์งาม แห่งวง เทเล็กซ์ เทเล็กซ์ (TELEx TELEx) มาร่วมทำดนตรีและเป็น Vocal Director ให้ เราจึงสัมผัสถึงซาวด์ดนตรีและกลิ่นอายความเป็นเทเล็กซ์ เทเล็กซ์ ซุกซ่อนอยู่ในเพลงนี้อย่างไม่ปิดบัง
♫ Stop!
หากนับต่อจาก Password ซึ่งอยู่ในซิงเกิลชุดแรก เพลง Stop! ก็เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่สดใสที่สุดประจำซิงเกิลชุดนี้ และมีการแบ่งยูนิตย่อย เป็นครั้งแรกโดยในเพลงนี้จะประกอบด้วย 6 สมาชิกอย่าง บอส บีมบีม บีม และอีก 3 สมาชิกสายคิวท์อย่างใบหม่อน-ณิชนันท์ ภัทรพิทักษ์ ใบเฟิร์น-พัชมณฑ์ วงศ์จิตรมานะ และสแปม-กสิณา โกเมศ
แม้เนื้อหาของเพลงจะเป็นรสขม ๆ ต่างจากดนตรีฟังก์-ป๊อป (Funk-Pop) สุดน่ารักที่โดดเด่นด้วยเสียงกีต้าร์และเสียงสังเคราะห์ แต่การกางอณาเขตเฟรนด์โซน และเตือนเพื่อนที่กำลังแอบชอบว่าการบอกรักหรือแสดงความรู้สึกมากเกินพอดีจะทำให้รู้สึกอึดอัด ก็ดูเป็นการเตือนที่น่ารักและไม่รุนแรงเท่าไหร่ เมื่อมาพร้อมกับท่าเต้นและจังหวะสดใสของทั้ง 6 สมาชิก
♫ NGLMD
NGLMD หรือ Never Gonna Let Me Down เป็นอีกหนึ่งเพลงยูนิตที่ประกอบด้วยอีก 6 สมาชิกของวงอย่างป็อป ปาย ซู และน้องเล็กของวงอย่างฟอล์ย-เพ็ญพิชชา อำไพฉลวย และใบบัว-ศุภัชฌา โลจนะรุ่งสิริ รวมทั้งซี – อุรัสยาก์ บุนนาค ที่ร่วมงานกับวงเป็นครั้งสุดท้ายในซิงเกิลนี้ก่อนจะประกาศขอพักงานเนื่องจากเหตุผลด้านการศึกษา
NGLMD มีกลิ่นอายความเป็นซินธ์ป็อปเท่ๆ ในจังหวะที่หนักแน่น โดยได้ก้อง เทพวิพัฒน์ ประชุมชนเจริญ มือกีต้าร์และฟร้อนท์แมนจากวง เอชทรีเอฟ (H3F) มาเขียนเนื้อร้อง และได้หนุ่มๆ วง Quicksand Bed ซึ่งโดดเด่นด้านการทำเพลงแนว Lo-fi มาดูแลในส่วนของดนตรีและเมโลดี้ของเพลงให้ ต้องบอกว่าถ้าจะมีเพลงไหนที่สาวๆ ฟีเวอร์ขึ้นโชว์พร้อมดนตรีสดแล้วทรงพลังที่สุด ก็ต้องยกให้เพลงนี้เลย
💖 3rd Single
♫ IF YOU WANT ME
ซิงเกิลที่ 3 ของวงอย่าง IF YOU WANT ME เปิดตัวครั้งแรกบนเวทีงาน Cat Expo7 เมื่อช่วงปลายปีแล้วและได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามในแง่บวก ทั้งชุดโปรโมทใหม่ในรูปแบบของชุดนักเรียนสีดำและกระโปรงแดงจากแบรนด์ไทยอย่าง post.thesis และตัวเพลงที่มีความสดใสด้วยกรู๊ฟสนุก ๆ ที่ให้บรรยากาศความเป็นซินธ์-ป็อปยุค 90s อย่างที่วงไม่เคยทำมาก่อน
ความโดดเด่นของเพลง IF YOU WANT ME คือเป็นท่อนแร็ปของ ปาย ที่มารับหน้าที่เป็นเซ็นเตอร์ครั้งแรก ใบบัว ที่สามารถแร็ปได้อย่างคล่องแคล่ว และเท่สุด ๆ เวลาขึ้นโชว์บนเวที รวมถึงบอสที่เผยว่าได้แรงบันดาลใจการแร็ปแบบรัว ๆ มาจากศิลปินชายสุดอินดี้อย่างเดอะ ทอยส์ (The Toys)
โดยท่อนแรปทั้งหมดได้แร็ปเปอร์มากฝีมืออย่างกร อัษฎกร เดชมาก หรือ AUTTA มาช่วยไกด์การแร็ปให้ และได้เมฆ สุขุม อิ่มเอิบสิน หรือเมฆ Machina มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ ทำให้เพลงไตเติ้ลประจำซิงเกิลที่ 3 นี้ออกมาสดชื่น มีชีวิตชีวาและกลมกล่อมแบบไร้ที่ติ
♫ ลบได้แค่ไหน (I’ll Wait for you)
ลบได้แค่ไหน เป็นผลงานเพลงที่ห่างไกลความเป็นไอดอลที่สุดของวง แต่กลับเป็นผลงานอีกเพลงที่แฟนๆ รวมถึงผู้ฟังทั่วไปหลายคนยกให้เป็นเพลงที่ชอบที่สุด เพราะเพลงนี้เป็นการโซโล่เดี่ยวครั้งแรกของบอส สมาชิกผู้เป็นเสียงร้องหลักของวง โดยมีกานต์-นิภัทร์ กำจรปรีชา จากวงเดอะ พาร์กินสัน (The Parkinson) ซึ่งนับเป็นแขกรับเชิญคนแรกของวงฟีเวอร์ ที่มาร่วมร้องในเพลง
ลบได้แค่ไหน โดดเด่นด้วยเสียงเลียนแบบเครื่องเป่าจากซินธีไซเซอร์ เล่าเนื้อหาเกี่ยวกับความรักที่ค่อนข้างเข้มข้นและจริงจัง โดยได้อิคคิว มาม่าคิส และบิว-รังสรรค์ ปัญญาใจ แห่งวงเลม่อนซุป (Lemon Soup) มารับหน้าที่เขียนเนื้อร้องให้
ซึ่งนับได้ว่าเป็นเพลงอกหักเพลงแรกของวง และเป็นเพลงโปรโมตเพลงสุดท้ายก่อนที่ Fever จะประกาศยุติบทบาทการทำงานของวง โดยมีงาน คอนส่ง คอนเสิร์ต ซึ่งเป็นงานคอนเสิร์ตออนไลน์เพื่อการกุศล เป็นคอนเสิร์ตส่งท้าย
♫ Be My Bebe
หลังการประกาศยุติบทบาทของวงแบบสายฟ้าแลบ ทางโรมรัน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ก็ได้ออกมาตอบรับเสียงเรียกร้องจากแฟน ๆ ที่ยังคงอยากจะฟังอีก 3 เพลงที่เหลือซึ่งเคยมีการวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าแม้ฟีเวอร์จะยุติกิจกรรมของวงในฐานะไอดอลและไม่มีงานโชว์ตัวอีกแล้ว แต่ทางค่ายจะทำการทยอยนำเสนอซิงเกิลที่เหลือทั้งหมดออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกัน โดยเริ่มจากซิงเกิล Be My Bebe ที่ถูกจำกัดความไว้ว่าเป็นยูนิต very idol
ยูนิตเพลง Be My Bebe ประกอบด้วยพี่ใหญ่อย่างสแปม และ 3 น้องเล็กของวงอย่างใบบัว ใบหม่อน และฟอล์ย ซึ่งน่าจะเป็นสมาชิกที่สามารถถ่ายทอดความน่ารักและดนตรีแนวลูกกวาดของเพลงนี้ได้ดีที่สุด และยังมีพระเอกคนสำคัญอย่างเสียงซินธิไซเซอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของวงเช่นเคย โดยได้ศิลปินและนักวาดภาพประกอบอย่าง NALU มารับหน้าที่วาดปกซิงเกิลเพลงนี้ให้อย่างน่ารัก ทำเอาแฟนๆ บ่นเสียดายกันเป็นแถวที่ไม่มีโอกาสเห็นท่าเต้น ชุดโปรโมต และไม่มีโอกาสได้ชมการแสดงเพลงนี้บนเวทีอีกแล้ว
♫ No More Tears
ในยูนิตเพลง No More Tears เป็นอีกครั้งที่ฟีเวอร์ได้ศิลปินชายมาร่วมงาน โดยในเพลงนี้ได้ตั้ง ตะวันวาด วนวิทย์ หรือ Tangbadvoice แร็ปเปอร์สุดร้อนแรงที่กำลังเป็นที่พูดถึงมาร่วมแร็ปให้ โดยมีอีกหนึ่งแร็ปเปอร์อย่าง T-Biggest มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ โดยเนื้อหาในเพลงก็สะท้อนถึงบุคลิกและตัวตนที่โตขึ้น พร้อมดนตรีซินธ์-ป็อปจังหวะหนักแน่น มีท่อนฮุคที่ติดหู และเข้ากันกับเสียงร้องของ 4 สาวอย่างบีม บีมบีม ใบเฟิร์นและปลาย ผู้ซึ่งสามารถร้องคีย์สูงได้ดีแบบไม่ขัดหู
♫ Robben
และในเพลงสุดท้ายของซิงเกิลชุดที่ 3 ซึ่งถูกจำกัดความว่าเป็นยูนิต Very Indy อย่าง Robben ฟีเวอร์ก็ยังคงเอกลักษณ์และคอนเซ็ปต์การมีเพลงภาษาอังกฤษอย่างน้อยซิงเกิลละ 1 เพลงไว้ ด้วยเนื้อร้องความหมายบาดลึกที่ได้ อเล็ก โอราจิ (Alec Orachi) ศิลปินหนุ่มจากค่าย Newechoes มารับหน้าที่เขียนเนื้อร้องให้ และถ่ายทอดอารมณ์ดำดิ่งผ่านดนตรีอิเล็กทรอนิกส์-ป็อปซึ่งค่อนข้างจะมืดหม่น แต่แฝงไปด้วยความเท่และไม่ซ้ำใครอย่างที่ฟีเวอร์เป็นมาโดยตลอดสมกับเป็นเพลงส่งท้ายอย่างเป็นทางการ
✨ Crush! (Special Track)
ข้ามเพลงสุดท้ายอย่าง Crush ที่เป็น Special Track ไปก็คงไม่ได้ เพราะเพลงนี้เดิมทีมีข้อตกลงด้านลิขสิทธิ์กับทางช่อง Workpoint TV เนื่องจากเป็นเพลงที่สาวๆ ใช้ในรายการ Lodi X Next Idol แต่ในที่สุดทางต้นสังกัดก็สามารถนำเอาเพลงนี้มาบรรจุไว้ในอัลบัมเต็มชุด All The Best ได้สำเร็จเพื่อเป็นของขวัญและเป็นเสมือนอีกหนึ่งหมุดหมายในบันทึกการเดินทางอันยาวไกลกว่า 3 ปีบนถนนสายไอดอลของฟีเวอร์
ในเพลง Crush! ยังคงมีทีมหลักอย่างเฉลิม ปกป้องและวิน รับหน้าที่ดูแลเรื่องเพลงและดนตรีทั้งหมด โดยมีการใส่ลูกเล่นความเป็นนิวแจ็กสวิงเข้ามาผสมกับซินธ์-ป็อปอันเป็นเอกลักษณ์ของฟีเวอร์ ผสมผสานกับโชว์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากราชานิวแจ็กสวิงอย่างไมเคิล แจ็คสัน (Michael Jackson) ซึ่งกลายเป็นโชว์ที่สะกดทุกสายตาและทำให้สาวๆ ฟีเวอร์คว้าชัยชนะจากการแข่งขันชิงสุดยอดไอดอลมาได้สำเร็จ
แม้ความทรงจำที่ยาวนานตลอดสามปีของ Fever จะต้องหยุดลง แต่เชื่อว่าภาพความทรงจำ รอยยิ้ม หยดน้ำตา และเหล่าสมาชิกของวงไอดอลสัญชาติไทยผู้เป็นเสมือนน้องสาวของชาวอินดี้วงนี้ ยังจะอยู่ในใจของทุกคนตลอดไป เพื่อรอวันที่จะกลับมาพบกันใหม่เสมือนมิตรสหายที่กลับมาเจอกันในงานเลี้ยงรุ่น และพูดคุยกันถึงความทรงจำเก่า ๆ ที่มีร่วมกันมาอย่างมีความสุขผ่านบทเพลงในอัลบัม All The Best ที่รวมทุกความทรงจำและผลงานที่ดีที่สุดจากวง Fever เอาไว้
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF FEVER THAILAND OFFICIAL
สามารถอ่านคอนเทนต์อื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่
- เปิดประวัติ DJ Snake ที่เหล่า BLINK จับตามองกับการร่วมงานกับ LISA BLACKPINK
- ราชินีคืนบัลลังก์ ! CL เตรียมคัมแบ็คอัลบัมชุดใหม่ เตรียมส่งเพลง SPICY อุ่นเครื่อง 28 สิงหาคมนี้
- RED VELVET คัมแบ็คสุดปัง ส่งเพลง QUEENDOM จากมินิอัลบัมชุดที่ 6 เติมความสดใส
- PP Krit เดบิวต์ศิลปินเต็มตัว เผยลุคสุดปังใน MV It’s Okay Not To Be Alright
- SECOND เพลงใหม่จาก HYO ที่แม้แต่ลุงหมานยังร่วมทำ #SecondChallenge บน TikTok!
- จากอันเดอร์กราวด์ สู่การเป็นศิลปินเต็มตัว! จับเข่าคุยกับ PUN ศิลปินน้องใหม่จากค่าย High Cloud Entertainment