ต้อนรับสมาชิกใหม่ของนาฬิกาคอนเซปต์หน้าปัดกึ่งโปร่งแสงใน ZEITWERK HONEYGOLD “Lumen” พร้อมทั้งความเอ็กซ์คลูซีฟของการเป็นรุ่นผลิตจำนวนจำกัดเพียง 200 เรือน
A. Lange & Söhne: Zeitwork Decimal Strike Honeygold นับจากที่ A. Lange & Söhne (เอ. ลังเงอ แอนด์ โซเนอ) ได้เปิดตัวผลงานซีรีส์เรือนเวลาเอ็กซ์คลูซีฟอย่าง ZEITWERK ขึ้นในปีค.ศ. 2009 ประดิษฐกรรมบอกเวลานี้ก็ได้สร้างทั้งมิติและวิถีของการแสดงเวลารูปแบบใหม่ให้กับประเพณีการสร้างสรรค์นาฬิกามาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติด้านเทคโนโลยีและคอนเซปต์งานดีไซน์ของเรือนเวลาสำหรับแบรนด์เยอรมันต้นตำรับนี้อีกด้วย
จวบจนกระทั่งต่อมา ZEITWERK ยังได้หลอมรวมไว้ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเสริมด้วยฟังก์ชั่นที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน อย่างใน ZEITWERK DATE รวมไปถึงนวัตกรรมด้านดีไซน์และวัสดุ เช่นในวันนี้ที่ ZEITWERK ได้ปรากฏตัวอีกครั้งกับสองคุณสมบัติเด่นที่พัฒนาขึ้นสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับ A. Lange & Söhne นั่นคือการผลิตตัวเรือนด้วยวัสดุ HONEYGOLD® และการบรรจุด้วยคอนเซปต์เรืองแสงของ “Lumen” ไว้ภายในผลงานรุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า ZEITWERK HONEYGOLD “Lumen”
เริ่มจากการผสมผสานเข้ากับโลหะสูตรเฉพาะของ HONEYGOLD® ที่ให้ผลลัพธ์เป็นความโดดเด่นเฉพาะตัวของเฉดสีทองอบอุ่นยิ่งกว่า ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ได้นำมาใช้ผลิตเป็นตัวเรือนนาฬิกาด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41.9 มิลลิเมตร เป็นครั้งแรกสำหรับ “Lumen” โดยผ่านกระบวนการผลิตในหลากหลายขั้นตอน รวมไปถึงการกระบวนการผลิตพิเศษด้วยความร้อนและการผสมผสานของส่วนผสมเฉพาะเพิ่มเติมที่มอบความโดดเด่นเป็นธรรมชาติให้กับโลหะทอง 18 กะรัต เช่นกันกับคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่งทนทานสูงและเหลือบสีทองอันอบอุ่นไม่เหมือนใคร ขณะที่บนเข็มชี้ของการแสดงพลังงานสำรองและเข็มชี้บนหน้าปัดย่อยบอกวินาที รวมไปถึงหัวเข็มขัดแบบ prong ของ Lange นั้นยังล้วนทำมาจากวัสดุชนิดเดียวกัน ซึ่งสามารถผสมผสานได้อย่างลงตัวเข้ากับรูปลักษณ์หน้าปัดโทนสีเข้มและสายหนังจระเข้สีน้ำตาลเข้มที่เป็นเฉดสีโดดเด่นสะดุดตาของนาฬิการุ่นใหม่นี้ได้ดีอีกด้วย
และเมื่อพูดถึงหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์ของ “Lumen” หรือ “Luminous” ชื่อที่ตั้งให้กับเหล่าเรือนเวลาของ A. Lange & Söhne ที่มาพร้อมคุณสมบัติเด่นของหน้าปัดกึ่งโปร่งแสง พร้อมทั้งบรรจุด้วยการแสดงเวลาเรืองแสงต่างๆ เพื่อช่วยให้สามารถอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนแล้ว ยังได้สร้างทั้งความแตกต่างและการผสมผสานเข้ากับงานดีไซน์ในนาฬิกาข้อมือของแบรนด์ด้วยเช่นกัน โดยได้เปิดตัวมาแล้วกับเรือนเวลารุ่น ZEITWERK “Luminous” เมื่อปีค.ศ. 2010 ก่อนจะตามมาด้วย “Lumen” Editions ต่างๆ ของรุ่น GRAND LANGE 1 ในปีค.ศ. 2013, GRAND LANGE 1 MOON PHASE ในปีค.ศ. 2016 และ DATOGRAPH UP/DOWN ในปีค.ศ. 2018 กระทั่งวันนี้ได้มาปรากฏโฉมคู่กับ ZEITWERK อีกครั้ง พร้อมกับรูปโฉมใหม่ของเวอร์ชั่น HONEYGOLD® ซึ่งในรุ่นใหม่นี้มาพร้อมเทคนิคการเคลือบกระจกหน้าปัดที่ช่วยให้แสงซึมผ่านได้ ทำให้ตัวเลขแสดงเวลาต่างๆ ทั้งที่อยู่ใต้ช่องหน้าต่างและใต้การเคลือบนี้สามารถดูดซับแสง UV และเก็บกักพลังงานแสงเพื่อใช้ปล่อยแสงเรืองได้เมื่ออยู่ในที่มืด ส่งผลให้การแสดงด้วยตัวเลขต่างๆ ของนาฬิกายังคงสามารถมองเห็นได้เสมอ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่มืดที่ดิสก์ตัวเลขเหล่านี้จะเรืองแสงได้อย่างชัดเจนและไม่เป็นอุปสรรคต่อการดูเวลา
ย้อนกลับมาที่หัวใจหลักของการสร้างสรรค์นาฬิกา ZEITWERK ของ A. Lange & Söhne ซึ่งริเริ่มมาจากคอนเซปต์การออกแบบและใช้เทคโนโลยีมาผสมผสาน เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างรูปแบบใหม่ของการแสดงเวลา โดยแนวคิดของ ZEITWERK นั้นคือการแสดงเวลาด้วยจักรกลตัวเลขแบบจัมปิ้ง (jumping numerals) ที่ปรากฏบนดิสก์สามชิ้นสำหรับแสดงเวลาในรูปแบบของตัวเลขหรือ digital ซึ่งแน่นอนว่าให้ผลลัพธ์เด่นๆ อย่างการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจน ฉับไวและแม่นยำ ซึ่งนั่นทำให้ ZEITWERK เป็นอีกหนึ่งผลงานแห่งความสำเร็จเรื่อยมา
สำหรับดิสก์ทั้งสามชิ้นของ ZEITWERK นั้นประกอบด้วยดิสก์สองชิ้นสำหรับแสดงหน่วยสิบและหน่วยต่างๆ ของนาที ขณะที่ดิสก์ขนาดใหญ่กว่าหรือมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับขนาดของกลไกอีกหนึ่งชิ้นนั้นบรรจุไว้ด้วยวงแหวนตัวเลขบอกชั่วโมงสำหรับแสดงชั่วโมงต่างๆ แบบจัมปิ้งเหมือนกัน ที่สำคัญคือหากสังเกตแล้ว ตัวเลขเหล่านี้ทั้งหมดมีขนาดเท่าๆ กัน ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากการพัฒนาของ Lange เพื่อให้สามารถอ่านค่าได้อย่างชัดเจนและกลมกลืน นับตั้งแต่การเปลี่ยนตัวเลขจากด้านซ้ายไล่ไปจนถึงด้านขวาของหน้าปัด โดยช่องหน้าต่างสำหรับแสดงนาทีด้วยตัวเลขนั้นจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และช่องหน้าต่างแสดงชั่วโมงปรากฏอยู่ ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา
นอกเหนือจากนี้ การจัดการพลังงานภายในกลไกเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนของนาฬิกาได้อย่างเสถียรและคงระดับความเที่ยงตรงแม่นยำของการแสดงเวลาไว้ได้เสมอนั้นก็นับเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสรรค์ ZEITWERK ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานด้วยมือ calibre L043.9 ความถี่ 2.5 เฮิรตซ์ ที่มอบพลังงานสำรองที่สูงขึ้นเป็นสองเท่าจากรุ่นก่อนหน้าคือสำรองพลังงานได้ถึง 72 ชั่วโมง โดยยังคงติดตั้งด้วยกระปุกลานเมนสปริงสองตัวเพื่อให้สามารถส่งมอบพลังงานได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการส่งพลังงานเพื่อสับเปลี่ยนตัวเลขแสดงเวลาต่างๆ พร้อมทั้งควบคุมโดยจักรกลผ่านการจดสิทธิบัตรอย่าง constant-force escapement ที่ถือเป็นหัวใจหลักในการรับประกันได้ถึงการส่งถ่ายพลังงานได้อย่างเสถียรและสม่ำเสมอ
โดย calibre L043.9 ถือเป็นกลไกเจเนอเรชั่นที่สองซึ่งยังคงมาพร้อมคุณสมบัติของการสับเปลี่ยนตัวเลขการแสดงเวลาต่างๆ ได้อย่างฉับพลัน โดย ณ จุดสิ้นสุดชั่วโมงต่างๆ ที่จักรกลภายในกลไกชุดนี้สามารถหมุนดิสก์ตัวเลขทั้งสามชิ้น เพื่อเปลี่ยนตัวเลขแสดงเวลาได้อย่างสอดคล้องและแม่นยำทันที นอกจากนี้ยังทำงานควบคู่กับการควบคุมเข็มชี้สำหรับแสดงวินาที พร้อมระบบหยุดวินาที และเข็มชี้แสดงพลังงานสำรองได้อย่างเที่ยงตรงอีกด้วย ขณะที่ในแง่ของการตกแต่ง กลไกชุดนี้ยังคงบรรจบกับมาตรฐานและความประณีตสูงสุดของงานฝีมือและศิลปะการประกอบกลไกที่สวยงามทั้งสองด้าน ซึ่งประกอบไปด้วยชิ้นส่วนหลักๆ อาทิ บาลานซ์และ escape-wheel cocks แกะสลักด้วยมือ งานตกแต่งลวดลายบนเฟืองต่างๆ ตลอดจนการตกแต่งบนสะพานจักรของ constant-force escapement และสกรูชาตอง (chatons) ทอง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งผ่านทางด้านหน้าปัดกึ่งโปร่งแสงและบนฝาหลังกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ของนาฬิกา
ส่วนการปรับตั้ง ได้ผสานเพิ่มเติมไว้ด้วยปุ่มกดที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา เพื่อช่วยปรับตั้งชั่วโมงแยกได้ ขณะที่การปรับตั้งนาทีได้ทั้งสองทิศทางนั้นสามารถทำได้ผ่านเม็ดมะยมที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกา จึงทำให้ง่ายดายยิ่งขึ้นในการปรับตั้งเวลาทั้งหมด คอนเซปต์นี้ยังลงตัวเข้ากับงานดีไซน์ โดยเฉพาะหนึ่งในองค์ประกอบอันโดดเด่นสูงสุดนั่นคือสะพานจักรทรงโค้งที่มองเห็นได้บนด้านหน้าปัดซึ่งสร้างรูปเป็นกรอบให้กับการแสดงเวลาด้วยตัวเลขทั้งหมด ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของกลไกอีกด้วย
A. Lange & Söhne: Zeitwork Decimal Strike Honeygold
นับเป็นผลงานเอาใจนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบในวิถีและนวัตกรรมใหม่ของการแสดงเวลาตามแบบฉบับของ ZEITWERK โดยฝีมือการสร้างสรรค์ของ A. Lange & Söhne และสำหรับ ZEITWERK HONEYGOLD “Lumen” รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ยังคงคอนเซปต์ของการผลิตเป็นรุ่นจำนวนจำกัดเพียง 200 เรือนเท่านั้น
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF A Lange & Söhne
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่