เปิดตัวรับซัมเมอร์ 2021 กับนาฬิการุ่นใหม่แห่งปีที่ A. Lange & Söhne ชวนให้จดจำช่วงเวลาแห่งฤดูร้อนอันแสนประทับใจนี้
A. Lange & Söhne Timepieces Collection 2021 แม้เป็นฤดูร้อนที่แตกต่างไปจากทุกปี แต่แสงอาทิตย์สว่างไสวก็ยังคงนำพามาซึ่งชีวิตชีวา และชวนให้เรานั้นยังคงจดจำช่วงเวลาแห่งฤดูร้อนอันประทับใจนี้ เหมือนกับที่ A. Lange & Söhne (เอ. ลังเงอ แอนด์ โซเนอ) แบรนด์นาฬิกาจาก Saxony เยอรมนีได้เผยโฉมไว้ด้วยนาฬิกาสามเวอร์ชั่นใหม่แห่งปีค.ศ. 2021 ภายใต้บรรยากาศของฤดูร้อนที่อาบไปด้วยแสงอาทิตย์อันเจิดจ้า และเผยให้เห็นเราได้หลงใหลไปกับเสน่ห์ของรายละเอียดและความประณีตพิถีพิถันจากงานฝีมือในการรังสรรค์เรือนเวลาอันงดงามนี้กันอีกครั้ง
เหมือนหนึ่งในผลงานรุ่นใหม่ของปีอย่าง LANGEMATIK PERPETUAL ในฐานะนาฬิกาข้อมือจักรกลไขลานอัตโนมัติรุ่นแรกที่ผสมผสานไว้ด้วยปฏิทินถาวรหรือ perpetual calendar เข้ากับการแสดงวันที่ขนาดใหญ่ที่เป็นต้นตำรับของ A. Lange & Söhne ที่เรียกขานกันว่า Lange outsize date และยังแตกต่างไปจากเรือนเวลาปฏิทินอื่นๆ ด้วยคุณสมบัติเด่นๆ เช่น จักรกล ZERO-RESET และปุ่มปรับตั้งหลักสำหรับขับเคลื่อนการแสดงปฏิทินทั้งหมดไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน โดยปีนี้ยังถือเป็นปีครบรอบสองทศวรรษของผลงานรุ่นนี้ที่เปิดตัวแนะนำมานับจากปีค.ศ. 2001 แบรนด์จึงได้เผยโฉมด้วยเวอร์ชั่นฉลองใหม่ของ LANGEMATIK PERPETUAL ทั้งในตัวเรือนไวท์โกลด์หรือตัวเรือนพิงค์โกลด์ ที่มีความสวยเด่นของหน้าปัดทำจากเงินแท้เพิ่มความมีมิติโดยการตกแต่งด้วยสีน้ำเงินเข้มที่ตัดกับตัวเลขโรมันทำจากทองภายใต้โครงสร้างแบบช่องนูนอันประณีต เช่นกันกับเข็มชี้และดิสก์แสดงข้างขึ้น-ข้างแรมที่ทำจากทองหรือพิงค์โกลด์ในแต่ละเวอร์ชั่น รวมถึงการตกแต่งกลไกจักรกลด้วยมือ ทั้งการขัดเงา งานตกแต่งความสวยงามต่างๆ และงานแกะสลัก พร้อมทั้งคงความพิเศษของการผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือน ในแต่ละเวอร์ชั่นตัวเรือน ซึ่งจับคู่มากับสายหนังสีน้ำเงินเข้มกับหัวเข็มขัดสายทำจากไวท์โกลด์หรือพิงค์โกลด์
ส่วนภายใน LANGEMATIK PERPETUAL รุ่นใหม่ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ L922.1 Sax-0-Mat calibre ความถี่การทำงาน 3 เฮิรตซ์ และสำรองพลังงานได้สูงสุด 46 ชั่วโมง กับความบางพิเศษของกลไกทั้งชุดที่มีความหนาเพียง 5.7 มิลลิเมตร แม้จะเป็นหนึ่งในกลไกซับซ้อนด้วยการประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนรวมถึง 478 ชิ้น และทับทิม 43 เม็ด ส่งผลให้ตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 38.5 มิลลิเมตร ของนาฬิกาสลับซับซ้อนรุ่นนี้มีความหนารวมเพียง 10.2 มิลลิเมตร เท่านั้น พร้อมทั้งบรรจงสร้างสรรค์ขึ้นด้วยงานการตกแต่งมือบนชิ้นส่วนประกอบของกลไก ทั้งแท่นเครื่องสามในสี่ โรเตอร์ทองและส่วนถ่วงน้ำหนักทำจากแพลทินัม รวมถึงคอหงส์บาลานซ์ที่ผ่านการแกะสลักมือและสามารถมองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ใสของนาฬิกา
กับอีกหนึ่งผลงานเรือนเวลาสุดคลาสสิก ด้วยเอกลักษณ์ของความบาง เรียบง่าย แต่ทรงเสน่ห์ที่เป็นต้นตำรับของ SAXONIA THIN ซึ่งในรุ่นใหม่ของปีนี้ปรากฏโฉมภายใต้รูปลักษณ์ตัวเรือนสง่างามทำจากพิงค์โกลด์ คู่ด้วยความสวยโดดเด่นของประกายแสงระยิบระยับจากผงหรือชิ้นเล็กๆ ของทองแดงที่โปรยปรายอยู่บนหน้าปัดเงินแท้และผ่านเทคนิคการเคลือบด้วย gold flux สีน้ำเงินเข้ม ที่ยิ่งสวยเด่นเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ และสวยแตกต่างเมื่ออยู่ใต้แสงไฟ ทั้งยังชวนให้นึกถึงท้องฟ้ายามค่ำคืนของฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยประกายแสงระยิบระยับจากมวลหมู่ดวงดาว
เทคนิค gold flux นั้นมีรากฐานมาจากเวนิสนับจากศตวรรษที่ 17 โดยเป็นการหลอมกระจกและผสมเข้ากับชิ้นเล็กๆ ของทองแดงที่สร้างรูปเป็นผลึกคริสตัลเล็กๆ เมื่อผ่านการเผาเหนือเปลวไฟ และเพื่อนำเอาวัสดุนี้มาใช้สำหรับการทำหน้าปัดนาฬิกา จึงต้องใช้การเคลือบอย่างพิถีพิถันลงบนหน้าปัดเงินแท้ ขณะที่บนหน้าปัดเองยังเสริมความคลาสสิกเรียบง่ายเพื่อเผยความสวยงามและมิติอันโดดเด่นของ gold flux ได้อย่างเต็มที่ ด้วยการแสดงเวลาผ่านเพียงสองเข็มชี้ที่ทำจากพิงค์โกลด์กับรูปทรงเรียวบาง สำหรับแสดงชั่วโมงและนาทีได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับเครื่องหมายมาร์กเกอร์บอกชั่วโมงทำจากพิงค์โกลด์ ซึ่งรับไปกับงานออกแบบอันสง่างามของตัวเรือนที่หนาเพียง 6.2 มิลลิเมตร และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.0 มิลลิเมตรโดยทำจากพิงค์โกลด์ 18 กะรัต พร้อมทั้งหูเชื่อมสายที่โค้งรับได้รูปไปกับตัวเรือนและลงตัวเมื่ออยู่บนข้อมือผู้สวมใส่ จับคู่เข้ากับสายหนังสีน้ำเงินเข้มและหัวเข็มขัดสายพิงค์โกลด์เติมลุคหรูหราให้กับนาฬิกาเรือนนี้ได้อย่างลงตัว
ขณะที่ภายในเรือนเวลา SAXONIA THIN ทำงานด้วยกลไกจักรกลไขลานด้วยมือ calibre L093.1 ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงานของตนเอง โดยประกอบจากชิ้นส่วน 167 ชิ้น และทับทิม 21 เม็ด ด้วยความหนาของกลไกเพียง 2.9 มิลลิเมตร ที่นับเป็นกลไกคาลิเบอร์บางที่สุดของโรงงานการผลิต แต่ยังคงมอบพลังงานสำรองได้ถึง 72 ชั่วโมง จากการทำงานความถี่ 3 เฮิรตซ์ รวมถึงผ่านขั้นตอนการประกอบอย่างพิถีพิถันและงานตกแต่งด้วยมืออันประณีตวิจิตรบนชิ้นส่วนกลไกที่บรรจบกับมาตรฐานสูงสุดและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ A. Lange & Söhne โดยปกป้องทั้งหน้าปัด gold flux สีน้ำเงินเข้มสง่างามและโชว์ความสวยงามของกลไกผ่านฝาหลังซึ่งติดตั้งด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ สำหรับรุ่นอันงดงามรับแสงอาทิตย์ของฤดูร้อนนี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือนเท่านั้น
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF A. Lange & Söhne
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่