ด้วยตำนานอันยาวนาน นับจากปีค.ศ. 1957 ที่นาฬิกา OMEGA Seamaster Diver 300 เปิดตัวครั้งแรกในฐานะนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำมืออาชีพเป็นรุ่นแรกของ OMEGA ปีนี้แบรนด์จึงปล่อยตัวทายาทรุ่นใหม่ออกมาเอาใจเหล่าสาวกนาฬิกาดำน้ำนี้กันอีกครั้ง
เรื่องราวของ OMEGA Seamaster Diver 300 เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ. 1957 เมื่อโอเมก้า (OMEGA) ได้สร้างสรรค์นาฬิกาดำน้ำสำหรับเหล่านักดำน้ำมืออาชีพขึ้นเป็นครั้งแรก ที่ไม่เพียงมีคุณสมบัติของการเป็นนาฬิกาดำน้ำครบถ้วนสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ยังมาพร้อมรูปลักษณ์และงานดีไซน์ที่โดดเด่น กลายเป็นอีกหนึ่งบุคลิกใหม่ที่ถูกใจเหล่าสาวกคนรักนาฬิกาสปอร์ต และนั่นยังทำให้ Seamaster 300 กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานรุ่นตำนานสุดโด่งดังของ OMEGA
จะว่าไปแล้วในยุคที่ Seamaster 300 รุ่นดั้งเดิมได้ถือกำเนิดขึ้นนั้น ก็นับเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลงในปีค.ศ. 1945 สังคมและผู้คนต่างก็มองหาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ๆ จนกลายเป็นยุคของการสำรวจ การเดินทาง และการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นที่เกิดขึ้นทั่วโลก เช่นกันกับการเติบโตและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทั้งด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม ด้วยเหตุนี้ OMEGA จึงตัดสินใจที่จะตอบสนองความต้องการของตลาดและสังคมในยุคสมัยนั้น ด้วยซีรีส์นาฬิกาที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเหล่ามืออาชีพทั้งหมด และในปีค.ศ. 1957 นี้เองที่คอลเลกชั่น “Professional Trilogy” ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยประกอบด้วยนาฬิกา Speedmaster, Railmaster และ Seamaster 300
ในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัว Professional Trilogy นาฬิกาที่พัฒนาขึ้นสำหรับนักดำน้ำมืออาชีพโดยเฉพาะอย่าง Seamaster 300 ได้บรรจบกับทั้งคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการใช้งานระหว่างดำน้ำและใต้น้ำลึก รวมถึงงานดีไซน์ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยวัตถุประสงค์หลักเฉพาะเช่นเดียวกัน หลักๆ คือการมอบการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนในทุกสถานการณ์และทุกสภาวะแสง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใต้น้ำลึกร่วมไปกับเหล่านักดำน้ำ ที่ได้มาจากการออกแบบด้วยหน้าปัดสีดำ ตัดกับเครื่องหมายขีดบอกเวลาและเข็มชี้ขนาดใหญ่เรืองแสง ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการใช้งานและการอ่านค่าในทุกๆ สภาวการณ์
นอกจากนี้ Seamaster 300 ยังได้เสริมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของยุค ทั้งการพัฒนาด้วยระบบการกันน้ำและรองรับแรงดันอากาศสูงใต้น้ำได้อย่างอัจฉริยะ พร้อมทั้งการเปิดตัวเป็นครั้งแรกของ OMEGA กับการพัฒนาขอบตัวเรือนสำหรับดำน้ำ ที่สร้างขึ้นด้วยระบบความปลอดภัยพิเศษ เพื่อป้องกันการหมุนของขอบตัวเรือนโดยไม่ได้ตั้งใจขณะดำน้ำ ซึ่งอาจส่งผลอันตรายต่อนักดำน้ำได้จากการคำนวณเวลาที่ผิดพลาด รวมถึงยังมอบด้วยการแสดงเวลาอันเที่ยงตรงแม่นยำและเชื่อถือไว้วางใจได้มากที่สุด
จากคุณสมบัติและคุณลักษณะที่เรียกได้ว่าพร้อมสรรพที่สุดนี้เอง ที่ทำให้ Seamaster 300 ดึงดูดความสนใจของบรรดานักดำน้ำประสบการณ์สูงได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นนาฬิกายอดนิยมในอีกหลากหลายสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักประดาน้ำ หรือแม้แต่กองทัพเรือต่างๆ
ด้วยเรื่องราวความสำเร็จที่ Seamaster 300 สั่งสมมามากมายตลอดกว่า 60 ปี ในปีค.ศ. 2021 นี้ OMEGA จึงได้เปิดตัวคอลเลกชั่นนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด ด้วยรูปโฉมใหม่ของความบางกว่ารุ่นก่อนหน้า จากการติดตั้งด้วยกระจกแซฟไฟร์ใหม่ รวมถึงการติดตั้งด้วยกลไกอัปเกรตใหม่ซึ่งผ่านมาตรฐานการรับรองระดับสูงสุดของ Master Chronometer แต่ยังคงรวบรวมไว้ด้วยคุณลักษณะและคุณสมบัติสไตล์วินเทจอีกมากมาย เพื่ออุทิศให้กับตำนานอันน่าเกรงขามของ Seamaster 300 แต่ดั้งเดิม ส่วนจะมีอะไรแปลกใหม่บ้างนั้น เราไปชมกัน
งานออกแบบโดยรวม
นาฬิกาคอลเลกชั่นใหม่ยังคงสืบทอดจิตวิญญาณมาจากรุ่นดั้งเดิม โดยแต่ละรุ่นบรรจุภายในตัวเรือน 41.0 มิลลิเมตร และส่งมอบมากับสายสเตนเลสสตีลคลาสสิก พร้อมทั้งขอบตัวเรือนที่บางลงโดยรังสรรค์มาจากอลูมิเนียมอโนไดซ์หรือเซรามิกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทนทาน
สายและสายสร้อยข้อมือ
สำหรับสายสร้อยข้อมือของรุ่นใหม่ยังคงทำจากสเตนเลสสตีล และมาพร้อมการปรับปรุงเรื่องความกระชับและงานตกแต่งสายเล็กน้อย กับรูปทรงของสายที่รับกับสรีระข้อมือมากขึ้น จากการปรับโครงเส้นสายและตัวพับล็อกขัดเงาและขัดด้านที่บางลง ส่วนสายหนังมาพร้อมหัวเข็มขัดสายแบบใหม่
หน้าปัดแซนด์วิช
น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุด สำหรับหน้าปัดใหม่ของ Seamaster 300 ที่เป็นโครงสร้างแบบแซนด์วิช รวมไปถึงชั้นฐานซึ่งบรรจุไว้ด้วยสารเรืองแสง Super-Luminova และแผ่นที่สองด้านบนเจาะช่องโพรงสำหรับโชว์เครื่องหมายขีดและตัวเลขบอกเวลา โดยตัวเลขเหล่านี้ยังได้แรงบันดาลใจมาจากตัวเลขอารบิกแบบเปิดสไตล์วินเทจ ซึ่งเคยปรากฏมาแล้วใน Seamaster 300 รุ่นแรกๆ ของยุค 1960s
หน้าปัดเรียบสะอาดตา และเข็มโลลิป็อบ
OMEGA เปิดตัวแนะนำอีกครั้งกับการใช้เข็มวินาทีกลางทรงโลลิป็อบยอดนิยมสำหรับรุ่นสเตนเลสสตีล พร้อมด้วยปลายเข็มที่เติมด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova โดยตัดกับหน้าปัดนาฬิกาที่เรียบสะอาดตาขึ้น จากการบรรจุไว้เพียงโลโก้ของแบรนด์และชื่อรุ่น Seamaster 300 โดยไม่มีการอ้างอิงถึงกลไกที่ถูกย้ายไปอยู่บนฝาหลังแทน
สไตล์ที่บางลง
หลายคนอาจพอจับสังเกตได้ว่ารุ่นใหม่นี้มีกรอบด้านในของหน้าปัดที่บางลง จึงทำให้หน้าปัดดูใหญ่และกว้างขึ้นเป็น 30.4 มิลลิเมตร ต่างจากรุ่นก่อนๆ ซึ่งอยู่ที่ 29.5 มิลลิเมตร นอกจากนี้ เพื่อเสริมเรื่องความบาง OMEGA จึงได้เลือกใช้กระจกแซฟไฟร์ทรงโดมใหม่มาบรรจุบนหน้าปัด ขณะที่เม็ดมะยมทรงกรวยใหม่ข้างตัวเรือนก็ช่วยเสริมให้นาฬิกาดูบางลงเช่นกัน
ผ่านประกาศนียบัตร Master Chronometer
เรียกว่าเป็นหัวใจเด่นที่สุดของรุ่นใหม่นี้ด้วยเช่นกัน กับการติดตั้งกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 8912 ซึ่งผ่านประกาศนีบัตรรับรองระดับ Master Chronometer โดย METAS (Swiss Federal Institute of Metrology) ที่เป็นมาตรฐานระดับสูงสุดของอุตสาหกรรมนาฬิกาซึ่งรับรองด้านความเที่ยงตรง สมรรถนะ และการต้านทานแม่เหล็ก โดยยังเปิดโชว์ให้เห็นกลไกผ่านฝาหลังดีไซน์ขอบคลื่นและผสานด้วยกระจกแซฟไฟร์
นอกเหนือจากไฮไลต์เด่นๆ ข้างต้นของนาฬิกา Seamaster 300 รุ่นใหม่สำหรับปีค.ศ. 2021 นี้แล้ว OMEGA ยังเผยโฉมด้วยนวัตกรรมวัสดุสุดเอ็กซ์คลูซีฟของ Bronze Gold รอการจดสิทธิบัตร ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกของแบรนด์กับนาฬิการุ่นนี้ โดยมีความพิเศษต่างจากบรอนซ์ทั่วไป ที่ได้มาจากการพัฒนาอันก้าวล้ำ เพื่อมอบทั้งความสวยงาม เฉดสี และคุณสมบัติที่แตกต่าง โดย Bronze Gold นี้ได้นำมาใช้ในการผลิตตัวเรือนและหัวเข็มขัดสายทั้งหมดของนาฬิกา ประกอบด้วยองค์ประกอบหลักๆ ของทอง 37.5% หรือที่รู้จักกันว่าทอง 9K เช่นเดียวกับแพลลาเดียม (Palladium) และเงิน ที่ใช้สร้างสรรค์เป็นโทนสีทองชมพูอ่อนที่มีเอกลักษณ์ และแตกต่างระหว่างทองอื่นๆ ของแบรนด์ อย่าง MoonshineTM gold 18K และ SednaTM gold 18K พร้อมทั้งคุณสมบัติเด่นๆ ที่คู่ควรกับนาฬิกาดำน้ำ อย่างการป้องกันการสึกกร่อนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยไม่เกิดสนิมเขียวจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน ดังนั้นจึงไม่ทำให้นาฬิกาดูเก่าหรือเก่าช้าลง และยังคงความสวยงามได้ยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาบรอนซ์เป็นพิเศษ
เสริมด้วยวงแหวนบนขอบตัวเรือนที่ในรุ่นตัวเรือน Bronze Gold นี้ทำมาจากเซรามิกสีน้ำตาล บรรจุสเกลนาทีสำหรับดำน้ำเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova สีวินเทจ ส่วนหน้าปัดทำจากโลหะผสมบรอนซ์ CuSn8 เพื่อมอบโทนสีน้ำตาลเข้มเฉพาะตัว และเกิดพาทิน่าหลังผ่านกระบวนการ aging พิเศษ และหลังใช้ไปนานๆ ที่นั่นจะกลายเป็นเสน่ห์ของนาฬิกาแต่ละเรือน
แต่สำหรับใครที่ยังคงชอบสไตล์คลาสสิกดั้งเดิมมากกว่า ก็มีให้เลือกในรุ่นตัวเรือนสเตนเลสสตีล คู่หน้าปัดสีดำและวงแหวนบนขอบตัวเรือนเป็๋นอลูมิเนียมอโนไดซ์สีดำ ประกอบมากับสายหนังสีน้ำตาล และรุ่นตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีลที่จับคู่มากับหน้าปัดสีน้ำเงิน และวงแหวนบนขอบตัวเรือนเป็นอลูมิเนียมอโนไดซ์สีน้ำเงิน บรรจุสเกลนาทีสำหรับดำน้ำเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova สีวินเทจ โดยใน Seamaster 300 รุ่นใหม่ทั้งหมดนี้มาพร้อมการรับประกัน 5 ปี และกันน้ำได้ลึกระดับ 300 เมตร
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF OMEGA
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่