Franck Muller เผยโฉมเรือนเวลา Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition
Franck Muller (แฟรงก์ มุลเลอร์) เผยโฉมเรือนเวลา Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition ( แวงการ์ด ดามัสกัส สตีล ซินเซียร์ แพลทินัม จูบิลี เอดิชัน) เพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีของ Sincere Fine Watches รังสรรค์เพียง 28 เรือน เผยความมุ่งมั่นของแบรนด์ให้กับการสร้างสรรค์ผสานนวัตกรรมและงานหัตถศิลป์
แฟรงค์ มุลเลอร์ เป็นตัวแทนของเครื่องบอกเวลาชั้นสูงอันร่วมสมัย จากจิตวิญญาณอันเป็นอิสระและความเชี่ยวชาญในการผสานไร้ซึ่งพรมแดนต่าง ๆ ด้วยการนำเสนอวัสดุและงานออกแบบผลงานอันเป็นมรดกแห่งตำนาน สะท้อนถึงความก้าวหน้าในงานฝีมือชั้นสูงแห่งการผสมโลหะหรือโลหะวิทยา
โดยเรือนเวลารุ่น Sincere Platinum Jubilee Edition นี้เลือกใช้ Damascus Steel (ดามัสกัส สตีล) ซึ่งเป็นวัสดุที่ผสานโลหะผสมเหล็กต่างๆ เข้าด้วยกัน มีต้นกำเนิดมาจากเมืองดามัสกัสในซีเรีย เป็นวัสดุที่มีความโดดเด่นและมีชื่อเสียงจากคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่ง รวมถึงลวดลายชั้นต่างๆ อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นับเป็นตัวเลือกอันเป็นอิสระและสมบูรณ์แบบ สำหรับร่วมถ่ายทอดสัญลักษณ์แห่งความผูกพันที่เข้มแข็งระหว่าง Sincere Fine Watches (ซินเซียร์ ไฟน์ วอตช์ส) และ Franck Muller (แฟรงค์ มุลเลอร์ ) ด้วยความโดดเด่นของการเป็นวัสดุที่ประกอบขึ้นจากชั้นต่าง ๆ อันซับซ้อนละเอียดอ่อนของโลหะผสมสองชนิด ที่สร้างรูปทรงตัวเรือนของเรือนเวลานี้ เสมือนตัวแทนถึงสัมพันธภาพอันมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวระหว่างสองแบรนด์
สำหรับเรือนเวลานี้รังสรรค์ขึ้นจากโลหะผสมคุณภาพสูงของสเตนเลสสตีลสองชนิด สร้างสรรค์ขึ้นจากผงของโลหะผสมมอบความแข็งแกร่งและความทนทานต่อการสึกกร่อน ผ่านนวัตกรรมวัสดุนี้ผสานสตีลสองประเภทซ้อนกัน เป็นกระบวนการผลิตที่ได้รับการปกป้องโดยสิทธิบัตรสากล ซึ่งรับรองได้ถึงความมั่นใจในประสิทธิภาพด้านความทนทานสูงต่อแรงกระแทกและขจัดสิ่งเจือปน ช่วยให้กลไกนาฬิกาสามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล
โดยทั้งตัวเรือน กลไกแบบสเกเลตันทั้งหมด เม็ดมะยมและหัวเข็มขัดสายนาฬิกาของ แวงการ์ด ดามัสกัส สตีล ซินเซียร์ แพลทินัม จูบิลี เอดิชัน ได้ผ่านการตัดอย่างละเอียดอ่อนและแม่นยำจากบล็อกเดียวกันของดามัสกัส สตีล ด้วยเครื่องจักร CNC ภายในโรงงานการผลิตของแบรนด์เอง ทำให้เรือนเวลาแต่ละเรือนนั้นมีลวดลายริ้วเส้นเฉพาะตัว ผ่านกระบวนการแช่ในน้ำกรดอันแม่นยำและควบคุมการผลิตภายในโรงงานของแฟรงค์ มุลเลอร์ เช่นเดียวกับการแช่กลไกสเกเลตันลงในน้ำกรด ซึ่งจำเป็นต้องควบคุมด้านเวลาอย่างเข้มงวดและระมัดระวัง โดยใช้เวลาเพียงสองถึงสามนาทีเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนรูปหรือการหดตัวของวัสดุ
ตัวเรือนขนาด 42.5 มิลลิเมตร หนา 12.6 มิลลิเมตร ถ่ายทอดความโดดเด่นผ่านงานสเกเลตัน หรือ openworked กลไก Calibre MVT FM 1740-VS2 หลอมรวมอยู่ในเรือนเวลา ด้วยการรังสรรค์สไตล์สเกเลตันสู่มิติอันประณีตละเอียดอ่อน เผยสถาปัตยกรรมอันซับซ้อนของสะพานจักรทำจากดามัสกัส สตีล เสริมความสง่าขอบเรือนด้วยโรสโกลด์ รวมทั้งตกแต่งภายในหน้าปัดรังสรรค์อย่างประณีตจากโรสโกลด์ ทั้งวงแหวนหน้าปัดย่อยวินาทีทำจากแซฟไฟร์สีขาวณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา มาร์กเกอร์วินาที เข็มชี้แสดงชั่วโมงนาทีและวินาที ตลอดจนปุ่มด้านข้างและฝาเม็ดมะยม
Calibre MVT FM 1740-VS2 ไขลานด้วยมือแบบสเกเลตัน ทำงานด้วยความถี่ 2.5 เฮิรตซ์ สำรองพลังงานได้นาน 7 วัน คือบทพิสูจน์ของงานหัตถศิลป์ของแฟรงค์ มุลเลอร์ ตอกย้ำความโดดเด่นผ่านความหลากหลายของเทคนิคงานฝีมือการตกแต่งอันละเอียดอ่อนพิถีพิถันที่นำมาใช้ โดยเฉพาะการประกอบ regulator การควบคุมที่ผ่านการตกแต่งด้วยงานขัดเงาดุจกระจก ขณะที่แท่นเครื่อง สะพานจักร มอบความสวยงามของการขัดขอบอันแม่นยำ
เสริมเสน่ห์บนขอบด้านข้างด้วยงานวาดให้กับความแท่นเครื่องและสะพานจักร ด้วยการเพิ่มมิติอันลุ่มลึกให้กับงานออกแบบสไตล์สเกเลตันอันซับซ้อน ภายในจักรกลซึ่งผ่านการตกแต่งอย่างประณีตด้วยงานขัดเงาด้วยเพชร ขณะที่เฟืองต่าง ๆ ผ่านการขัดด้านแบบซาตินลายวงกลมด้วยรายละเอียดอันประณีตวิจิตร มอบสุนทรียะความสวยงามอันซับซ้อนทันสมัยของกลไกและความน่าประทับใจเชิงเทคนิค กันน้ำได้สูงสุด 30 เมตร
ประดับคู่สายนาฬิกาหนังจระเข้สีดำอันเพรียวบาง สร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียดด้วยการเย็บตะเข็บสีโรสโกลด์ รวมถึงหัวเข็มขัดรังสรรค์จากดามัสกัส สตีล และประทับตราสัญลักษณ์ FM ทำจากโรสโกลด์ รังสรรค์เพียง 28 เรือน
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF FRANCK MULLER