Reverso Tribute Enamel ‘Venice Series’ La Grande Maison


Jaeger-LeCoultre เผยโฉมนาฬิกา 3 เรือน ที่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีตด้วยมือภายในห้องทำงานของ Métiers Rares


Jaeger-LeCoultre แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส เข้าร่วมนิทรรศการ Homo Faber Biennial ณ เวนิส อิตาลี ในเดือนกันยายนนี้ โดยทางแบรนด์แสดงความเคารพต่อเมืองเจ้าภาพ นำเสนอนาฬิกา Reverso Tribute Enamel จำนวน 3 เรือน เผยมนต์เสน่ห์ความงดงามบนฝาหลังของนาฬิกาแต่ละเรือน ถ่ายทอดภาพจำลองภาพวาดเวนิสขนาดเล็กของ Claude Monet (โคล้ด โมเนต์) ศิลปินฝรั่งเศส impressionism สะท้อนสถาปัตยกรรมและแสงที่สวยงามของเมืองเวนิสได้อย่างงดงาม ผ่านตัวเรือน Reverso บนผืนผ้าใบที่แสดงงานศิลปะ

Reverso Tribute Enamel 'Venice Series' La Grande Maison
Reverso Tribute Enamel 'Venice Series' La Grande Maison

ผลงานงานฝีมืออันประณีตที่เฉลิมฉลองให้กับ Métiers Rares™ Atelierพันธกิจของ Homo Faber ในการยกย่องและส่งเสริมงานฝีมือในทุกรูปแบบนั้นสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของ Jaeger-LeCoultre ที่จะสนับสนุนไม่เพียงแค่ทักษะฝีมือในการทำนาฬิกาเท่านั้น รวมถึงงานฝีมือศิลปะที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนาฬิกาชั้นสูงอีกด้วย นาฬิกา Reverso Tribute Enamel ‘Venice Series’ La Grande Maison สะท้อนความเชี่ยวชาญและทักษะอันชำนาญของ Métiers Rares™ (งานฝีมือหายาก) Atelier ของทางแบรนด์ ซึ่งรวบรวมงานฝีมือของการลงสีขนาดเล็กผสานการลงยาและการทำกิโยเช่เข้าด้วยกัน 

ความท้าทายในการตกแต่งฝาหลังคือการสร้างผลงานต้นฉบับที่มีขนาดมากกว่า 65 x 92 เซนติเมตร บนพื้นผิวขนาด 25 x 20 มิลลิเมตร ขึ้นมาในการวางรายละเอียดภาพวาดของ โคล้ด โมเนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น แต่การลงสี ต้องสร้างภาพลวงตาของการ Impasto (เอฟเฟกต์พื้นผิวของสีที่หนากว่า  เป็นเทคนิคที่ใช้ในการวาดภาพ โดยที่สีจะวางบนพื้นผิวที่มีความหนา ปกติแล้วจะมีความหนาพอที่จะมองเห็นแปรงหรือลายเส้นของมีด ) และสร้างคุณภาพที่เหมือนฝันของต้นฉบับขึ้นมา ต้องใช้การลงสีเคลือบ 14 ชั้น เพื่อให้ได้ความเข้มข้นและความลึกของสีตามต้องการ โดยประกอบด้วยชั้นฐาน 3 ชั้น ชั้นภาพวาด 4 ชั้น และชั้นฟองดองต์โปร่งแสง 7 ชั้น โดยต้องเผาแยกกันถึง 15 ครั้งที่อุณหภูมิสูงถึง 800 องศาเซลเซียส

Reverso Tribute Enamel 'Venice Series' La Grande Maison

โดยหน้าปัดสามหน้าปัด ตกแต่งด้วยลวดลายกิโยเช่ที่ทำด้วยมือ ภายใต้เคลือบสีโปร่งแสง ถือเป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกถึงภาพวาดขนาดเล็กบนฝาหลังได้อย่างงดงาม การลงเคลือบเพียงอย่างเดียวต้องใช้เวลาถึงแปดหรือเก้าชั่วโมงสำหรับหน้าปัดแต่ละหน้าปัด

โดยเคลือบถึงห้าชั้นและเผาแยกกันหกหรือเจ็ดครั้งที่อุณหภูมิสูงถึง 800°C ความท้าทายสุดท้ายคือการลงดัชนีอันไร้ที่ติ (ต้องเจาะรูเล็กๆ บนที่เคลือบสีบริสุทธิ์) และการถ่ายโอนบันทึกนาทีแบบรางรถไฟ Chemin de fer สะท้อนความเรียบง่ายของการออกแบบ Reverso Tribute – เครื่องหมายชั่วโมงแบบ faceted appliqué และเข็ม Dauphine โดยให้ความสำคัญกับความงามของการตกแต่งอย่างเต็มที่

Reverso Tribute Enamel 'Venice Series' La Grande Maison

San Giorgio Maggiore at Dusk เกาะซานจอร์เจ มาโจเร ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจัตุรัสเซนต์มาร์ก เลือกให้เป็นฉากหลังของ Homo Faber Biennial เกาะนี้ดึงดูดสายตาของโมเนต์เป็นอย่างมาก ภาพนี้ซึ่งวาดเป็นภาพพระอาทิตย์ตกหลังเกาะนั้นเน้นไปที่แสง สีและเงาสะท้อน ทำให้ตัวอาคารดูมีรูปร่างเป็นเงาที่เป็นจุดศูนย์กลางขององค์ประกอบ ภาพวาดที่มีชื่อเสียงของโคล้ด โมเนต์ ในรูปแบบย่อส่วนนั้นใช้เวลาทำงานอย่างพิถีพิถัน ประมาณ 70 ชั่วโมง

หน้าปัดเคลือบอีนาเมลสีน้ำเงินเข้ม ที่เข้ากันได้อย่างลงตัวกับสีของท้องฟ้าบนภาพวาดบนฝาหลัง ลวดลายกิโยเช่ สะท้อนเส้นเรขาคณิตของดีไซน์อาร์ตเดโคของนาฬิกา Reverso ประกอบด้วยเส้นที่แยกจากกัน 120 เส้น โดยแต่ละเส้นต้องผ่านเครื่องกลึง 3 ครั้ง รวมเป็นเส้นทั้งหมด 360 เส้น ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความพิถีพิถันถึง 8 ชั่วโมงจึงจะเสร็จสมบูรณ์

Reverso Tribute Enamel 'Venice Series' La Grande Maison

The Grand Canal Venice ภาพทิวทัศน์อันสวยงามของการเคลื่อนไหวอันน่าทึ่งของแห่งนี้ วาดขึ้นในช่วงบ่าย ที่โบสถ์ Santa Maria della Salute ดูเหมือนลอยอยู่บนน้ำ รายละเอียดทางสถาปัตยกรรม ระเหิดขึ้นด้วยเอฟเฟกต์ของแสงอันพร่ามัว

ฝาหลังจำลองผลงานชิ้นเอกนี้ได้อย่างสมจริงนั้นต้องใช้เวลาเกือบ 70 ชั่วโมงในการลงสีเคลือบ ลวดลายกิโยเช่แบบคลื่นบนหน้าปัดซึ่งใช้เวลาถึงแปดชั่วโมง ในการสร้างอย่างพิถีพิถันนั้นทำซ้ำเงาสะท้อนบนผิวน้ำที่ปรากฎในภาพวาดของโคล้ด โมเนต์ เอฟเฟกต์ทางสายตาของคลื่นขยายด้วยชั้นเคลือบอีนาเมล Grand Feu โปร่งแสงในเฉดสีเขียวอ่อนที่เข้ากับน้ำ

Reverso Tribute Enamel 'Venice Series' La Grande Maison

The Doge’s Palace ภาพนี้วาดจากเรือกอนโดลากลางคลองแกรนด์คาแนลเมื่อเวลา 8.00 น. ภาพพระราชวังดอจนี้ สะท้อนถึงแสงยามเช้าที่สาดส่องลงมาบนผิวน้ำได้อย่างงดงาม “พระราชวัง…เป็นเพียงข้ออ้างในการวาดภาพบรรยากาศ” โคล้ด โมเนต์เขียนถึงเพื่อนของเขา เพื่อสร้างภาพที่สวยงามนี้ขึ้นมา ช่างลงยาของ Jaeger-LeCoultre ใช้เวลาทั้งหมดเกือบ 70 ชั่วโมง

ลายกิโยเช่รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนบนหน้าปัดสร้างเอฟเฟกต์แสงและเงาที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเมื่อหมุนในมุมต่างๆ สะท้อนถึงความหลงใหลของ โคล้ด โมเนต์ที่มีต่อเอฟเฟกต์แสงบนผิวน้ำในช่วงเวลาต่างๆ ของวัน ลายเรขาคณิตนี้ประกอบด้วยเส้น 981 เส้น ซึ่งแต่ละเส้นต้องผ่านเครื่องกลึง 5 รอบ โดยต้องใช้เครื่องกลึงด้วยมือทั้งหมด 4,905 รอบ ผลงานที่ต้องใช้ทักษะสูงนี้ใช้เวลา 8 ชั่วโมง

Reverso Tribute Enamel รุ่น ‘Venice Series’ ตัวเรือนทองคำขาว 18 กะรัต ขนาด  45.6 x 27.4 มิลลิเมตร  หนา 9.73 มิลลิเมตร แสดงเวลาฟังก์ชันแบบชั่วโมงและนาที ขับเคลื่อนด้วยกลไก Jaeger-LeCoultre Calibre 822 แบบไขลานด้วยมือ สำรองพลังงาน 42 ชั่วโมง ความต้านทานน้ำ 3 บาร์ (30 เมตร) ประดับคู่สายหนังจระเข้สีดำ รังสรรค์เพียงรุ่นละ 10 เรือนเท่านั้น 


CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF
JAEGER LE-COULTRE


สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn
On Key

Related Posts

Your Tarot Weekly

Post Views: 235 คำพยากรณ์รายสัปดาห์ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน – วันเสาร์ที่​ 21 กันยายน พ.ศ. 2567 โดย​ มาดามราเชล วันอาทิตย์ นิสัย​ของดาว : ยศศัก…

Modern guru

Modern Guru and the Path to Artificial Happiness

Post Views: 41 เปิดโลกแสงและเงาฉบับ AI สามมิติสุดตระการตาครั้งแรกในเมืองไทย บริษัท ดรีม เอกซ์เพลส (เดกซ์) จำกัด ร่วมกับ Japan Anime Movie Thailand ภาย…