Van Cleef & Arpels เผยโฉมความงดงามเรือนเวลา Lady Arpels Jour Nuit and Lady Jour Nuit ส่อประกายยามรัตติกาล
Van Cleef & Arpels (แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์) เผยโฉมความงดงามเรือนเวลา Lady Arpels Jour Nuit และ Lady Jour Nuit ส่อประกายแสงสุกสว่างของผืนทิฆัมพรประดับดาราในยามรัตติกาล รังสรรค์สู่นาฬิกาข้อมือ Jour Nuit (ฌูร นุยต์) หรือ ทิวากับราตรี รังสรรค์รุ่นแรกเมื่อปีค.ศ. 2008 สู่สองผลงานในตัวเรือน Lady Arpels Jour Nuit ขนาด 38 มิลลิเมตร และตัวเรือน Lady Jour Nuit 33 มิลลิเมตร โดยพัฒนาระบบถึงสามปี เพื่อให้พระจันทร์ฝังเพชรจิกไข่ปลากับมวลดาวเคลื่อนโคจรไล่ตามดวงรวี เรืองรองจากงานฝังไพลินสีเหลืองแบบพรมหิมะทอประกายระยิบระยับ คือทองคำสีเหลืองสลักลายรัศมีตะวัน Guilloché (กิโยเช่) ส่องสกาวตราบนิรันดร์ เผยผลลัพธ์แสดงวิถีแห่งสุริยจักรวาลได้อย่างแยบยล บนแผ่นพลอยพรรณรายอะเวนจูรีนจากมูราโน จำลองมิติแห่งห้วงเวหาอันเวิ้งว้าง ทวีความเป็นเลิศด้วยเทคนิคเซาะสลักโครงสร้างเปิดโปร่ง ที่ประดับดาวทองคำขาวฝังเพชรอันวิจิตร
Lady Arpels Jour Nuit
Lady Jour Nuit
นาฬิกาข้อมือ Lady Arpels Jour Nuit กรอบตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตร ใช้ลูกเล่นแผ่นมุก Mother of Pearl สลักลายจีบพัดคลี่จำลองแบบแถบเส้นรัศมีตะวัน ส่วนนาฬิกาข้อมือ Lady Jour Nuit บนตัวเรือนหน้าปัดขนาด 33 มิลลิเมตร โค้งรับงานสลักลายรัศมีตะวันกิโยเช่ลงยาสีน้ำเงิน เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงเส้นขอบฟ้า ภายใต้ความละเมียดละไมของสุริยจักรวาล
ตกแต่งพื้นหน้าปัดด้วยงานฝีมือแก้วพรรณราย “อะเวนจูรีน” จากเกาะมูราโนแห่งเวนิซ ประเทศอิตาลีนั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากงานหล่อแก้วขึ้นแบบตามธรรมเนียมดั้งเดิมซึ่งใช้ความร้อนสูงถึง 1,200 องศาเซลเซียส และด้วยการใช้สินแร่ผสมในการหลอมรวมผลึกแก้วแปรรูป จากกระบวนการที่มอบสีน้ำเงินทอประกาย เป็นที่มาของชื่อเรียกว่า “หินแก้วพรรณราย” ที่ใช้เวลานานถึงหนึ่งเดือนก่อนจะได้แก้วพรรณรายมาเจียนด้วยกรรมวิธีอันละเอียดอ่อน อันพิถีพิถันเพื่อสกัดแผ่นแก้วบางเฉียบที่มีความสม่ำเสมอ กลมกลืน เหมาะแก่การนำมาใช้เป็นแผ่นจานผืนหน้าปัดประกอบบนตัวเรือนนาฬิกา
สู่แผ่นฝาครอบหลังที่อาศัยความประณีต พิถีพิถันในรายละเอียด ของเทคนิครูปลอกลงยา นางฟ้าอารักษ์จับตาชื่นชมนาฏกรรมแห่งเวหนบนแผ่นแก้วไพลิน เผยโลหะจานเหวี่ยงเดินรายละเอียดแผ่นฟ้าประดับแสงดาว ตกแต่งบนแก้วคริสตัลที่ใช้กับนาฬิกา “ทิวาราตรี” นั้น ประกอบขึ้นด้วยสองเทคนิคที่พัฒนาขึ้นเป็นการเฉพาะ คือการใช้โลหะแพลทินัมหลอมขึ้นรูปมิติทรงนางฟ้าร่วมกับเทคนิค Pointillism technique (จิตรกรรมจุดสี) ไล่ลำดับเฉดโทนด้วยลูกเล่นผสานพื้นสีน้ำเงินลงบนแผ่นแก้วไพลินเนื้อใส เผยความเหลื่อมเฉดไล่โทนจากเข้มสู่อ่อนอย่างกลมกลืน เต็มไปด้วยความสดใสอันมีชีวิตชีวา
โดยเทคนิค Enamel decal (รูปลอกลงยา) บนแผ่นแก้วไพลิน คือการใช้ไหวพริบพลิกแพลงเผยทักษะความชำนาญของงานลงยา ที่มีความละเอียดอ่อนเพื่อเติมเต็ม ความคมชัดของลวดลายงานแกะสลัก ความประณีต จากการใช้อุปกรณ์เหล็กหล่อในยุคก่อนร่วมกับกรรมวิธีประกอบงานแบบเฉพาะ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยแผนกช่างฝีมือของเมซง ผสานการผลึกคริสตัลแซฟไฟร์ สำหรับประกบเป็นฝาครอบหลังตัวเรือนนาฬิกาข้อมือ Lady Arpels Jour Nuit และ Lady Jour Nuit โดยผ่านขั้นตอนการลงยาเคลือบผิวทีละชั้นทับกันลงไปประมาณ 30 ถึง 36 ครั้ง ในความสลับซับซ้อนของเทคนิครูปลอกลงยานี้ ต้องคำนวณสัดส่วนระหว่างอุณหภูมิกับระยะเวลาการลนไฟ ในการเป่าความร้อน ของการเคลือบสีลงยาแต่ละระดับโทนของแต่ละชั้น ซึ่งขีดอุณหภูมิที่แตกต่างกันไปตามความเข้มข้นของผงสีที่ผสมน้ำยาเคลือบ รวมถึงความหนาของชั้นลงยา
ความสลับซับซ้อนของกลไกขับเคลื่อนระบบต่างๆ ตามศาสตร์นาฬิกาวิทยา ซึ่งติดตั้งอยู่ในตัวเรือนเครื่องบอกเวลาจากคอลเลกชัน Poetic Complications ล้วนได้รับการพัฒนาจาก ความเป็นเลิศทางงานฝีมือตามขนบหัตถศิลป์ดั้งเดิม ผสานความชำนาญเชิงเทคนิคร้อยเรียงวัสดุล้ำค่าหลากชนิดให้มาอยู่ร่วมกันเพื่อเล่าเรื่องราวต่างๆ บนหน้าปัด ดำเนินคู่ขนานไปกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์บนเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางแห่งสุนทรียศิลป์ ทั้งระบบหุ่นกลซึ่งเคลื่อนไหวไปตามการสั่งงานของผู้ใช้ หรือระบบDay/Night ซึ่งเป็นหน่วยควบคุมการขับเคลื่อนต่อเนื่องจากกลางวันถึงกลางคืน
สำหรับกลไกขับเคลื่อนขึ้นลานในตัวเรือนรุ่นนี้ จากระบบแผ่นจานหมุน 24 ชั่วโมง ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Van Cleef & Arpels รองรับ และอำนวยให้รายละเอียดทางงานตกแต่งบนหน้าปัดสามารถหมุนวนสลับตำแหน่งเปลี่ยนผันอย่างต่อเนื่องไปได้ตลอดวัน ผ่านวิถีสุริยะระหว่างพระอาทิตย์กับพระจันทร์บนผืนหน้าปัดของนาฬิกาข้อมือรุ่น Lady Arpels Jour Nuit และ Lady Jour Nuit
กลไกขับเคลื่อนแบบขึ้นลานในตัว “ตาม-คำสั่ง” การเคลื่อนไหวของหน้าปัดหุ่นกลได้ดุจมีชีวิตผ่านการกดปุ่มควบคุมระบบในทุกเวลาที่ปรารถนา และเมื่อหมดรอบของการเคลื่อนไหว ผีเสื้อคู่ที่โผบิน จะเคลื่อนตัวกลับสู่ตำแหน่งตั้งต้นดังเดิม เพื่อทำหน้าที่บอกเวลาอย่างเที่ยงตรง สู่ความเหนือชั้นทางกลไกด้วยลูกเล่นสลับตำแหน่งระหว่างผีเสื้อลงยาสีส้มกับสีฟ้า ในยามเที่ยงวันกับเที่ยงคืนได้อย่างน่าอัศจรรย์
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF VAN CLEEF & ARPELS