Van Cleef & Arpels ศิลปะแห่งอัญมณีกับหัตถกรรมลูกปัดทองอันกลมกลึง คอลเลกชันเครื่องประดับ Perlée ประกายความสง่าของทองคำหลากเฉดและมวลรัตนชาติอันเลอค่า
เรื่องราวความเป็นมาของลูกปัดทอง
เครื่องประดับ Perlée (แปร์ลเล แปลว่า “ไข่มุก” สืบเนื่องจากสัณฐานลูกปัดกลมกลึง เกลี้ยงเกลาเฉกเช่นไข่มุกธรรมชาติอันถือว่าเลอค่าและหายาก) ถือกำเนิดเป็นคอลเลกชันเมื่อปีค.ศ.2008 จากการนำบรรดาลูกปัดทองคำ อันถือเป็นมรดกทางรายละเอียดการตกแต่งของเมซงมาประกอบขึ้นเป็นชิ้นงาน ซึ่งมีรูปแบบเฉพาะตัว โมทิฟอันกลมกลึงและเรียบเนียน ล้วนมาประกอบเป็นรายละเอียดในการเติมเต็ม ถ่ายทอดสุนทรียศิลป์ทางการออกแบบเครื่องประดับในคอลเลกชันต่างๆ โดยเริ่มจากการเป็นโมทิฟประกอบตัวขึ้นเป็นเครื่องประดับรูปทรงประติมากรรมในคอลเลกชัน Couscous (คูสคูส) หรือ “ข้าวฟ่าง” และ Bagatelle (บากาแต็ลล์) มาตั้งแต่ปีค.ศ.1948 รวมทั้งเป็นลูกเล่นในการเน้นเส้นตัดเดินขอบบนเข็มกลัดรูปสัตว์ตัวน้อยในคอลเลกชัน La Boutique
นาฬิกาข้อมือเม็ดข้าวฟ่าง Couscous (คูสคูส) ปีค.ศ.1949 ตัวเรือนทองคำเฉดเหลืองประดับทับทิม
เข็มกลัดกวางน้อย Little doe ปีค.ศ.1956 ตัวเรือนทองคำเฉดเหลืองประดับทับทิม
ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1960 เหล่าลูกปัดทองถูกได้มาร้อยเรียงร่วมกับลูกปัดรัตนชาติหลากเฉดสีอันเจิดจรัส พบได้จากเครื่องประดับสายเกลียวในคอลเลกชัน Twist (ทวิสต์) รวมถึงงานออกแบบสไตล์อื่นๆ และนับตั้งแต่เครื่องประดับ Alhambra (อัลลองบรา) ชิ้นแรกได้รับการสรรค์สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1968 ลูกปัดทองประดับล้อมกรอบแผ่นโมทิฟตามแบบฉบับประจำเมซง ซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นโดยจากแรงบันดาลใจของรูปทรงใบโคลเวอร์สี่แฉก สู่การมีคอลเลกชันเป็นของตัวเองแล้ว ลูกปัดทองคงเป็นลูกเล่นในการเติมความสนุกและมอบความน่ารักให้แก่เครื่องประดับต่างๆ ในคอลเลกชัน Lucky Spring และ Lucky Animals สมกับเป็นรหัสสัญลักษณ์แห่ง Van Cleef & Arpels อันอยู่เหนือกาลเวลาของยุคสมัย
Nicolas Bos (นิโคลาส บอส) ประธานบริษัท และประธานคณะกรรมการบริหาร Van Cleef & Arpels กล่าวว่า “แนวคิดหลักในการสร้างสรรค์ Perlée คือการเผยความงดงามของลูกปัดทอง หนึ่งในโมทิฟ หรือสัญลักษณ์ทางการออกแบบที่บ่งบอกถึงความเป็น Van Cleef & Arpels
จุดเริ่มต้นของลูกปัดทองเหล่านี้ก็คือศิลปะขึ้นโครงสร้าง หรือขึ้นรูปด้วยการใช้วัตถุทรงกลม มาประกอบร่วมกันเป็นตัวเรือนเครื่องประดับ เป็นหนึ่งในเทคนิคการทำเครื่องประดับที่มีความเก่าแก่อย่างที่สุด ตามหลักฐานโบราณคดีที่ปรากฏมาจากยุคกรีกโบราณ หรืออาจเก่าแก่กว่านั้น ลูกปัดทองนำมาประกอบเป็นชิ้นส่วน หรือรายละเอียดตกแต่งเครื่องประดับของเรามาตั้งแต่ปีค.ศ. 1948 ในส่วนของเครื่องประดับ Perlée ลูกปัดทองได้ก้าวจากการเป็นรายละเอียดตกแต่งมาสู่หัวใจสำคัญของงานสร้างสรรค์ รูปทรงกลมกลึงของลูกปัด แสดงถึงชั้นเชิงการใช้รูปทรงเรขาคณิตในสไตล์เฉพาะตัวของเมซง”
คอลเลกชันเครื่องประดับ Perlée (แปร์ลเล) ศิลปะแห่งอัญมณีกับหัตถกรรมลูกปัดทองอันกลมกลึง ประกายความสง่าอันกลมกลืน ตามจังหวะเริงระบำสกาวแสง ประกายแสงเริงร่าไปกับความเรียบเนียนของทองคำหลากเฉด ลีลาแพรวพราวแห่งมวลรัตนชาติเลอค่า สะท้อนการเป็นเครื่องประดับเสริมความสง่าให้กับทุกรูปแบบการแต่งกายในบรรยากาศสดใสและชวนฝัน นำมาซึ่งแรงบันดาลใจในการร่วมงานกับนักออกแบบสัญชาติฝรั่งเศส Arthur Hoffner (อาร์เธอร์ ฮอฟเนอร์) หนึ่งในศิลปินของเมซงมาตั้งแต่ปีค.ศ.2018 ได้นำลูกปัดทองแบบฉบับของเมซง มาเป็นตัวละครสำคัญในการดำเนินเรื่องราวท่ามกลางภูมิทัศน์ มอบบทบาทการแสดงที่สร้างสรรค์ขึ้น ผ่านลูกเล่นไล่เฉดลำดับโทนระหว่างสี และมิติ เพื่อเป็นฉากหลังสำหรับลูกปัดทอง
จังหวะระยับประกายจากลีลาไข่มุกทอง
ณ จุดบรรจบระหว่างความเรียบง่าย กับความโก้หรู คือความลงตัวของเส้นโค้งทางรูปทรงกลมกลึงผสานการทำมุมตกกระทบของแสง ประกายในทุกรายละเอียดของคอลเลกชัน Perlée ทั้งงานออกแบบทองคำล้วน หรือฝังรัตนชาติอยู่บนตัวเรือนเครื่องประดับ และนาฬิกาข้อมือ ขณะที่ลูกปัดทองร้อยเรียงแถวคู่ขนานศิลปะสลักตัวอักษรบนตัวเรือนของ Perlée signature
งานออกแบบ Perlée clovers ก็คือการหลอมรวมสองสัญลักษณ์อันเป็นที่รักของเมซง ได้แก่ ไข่มุกทอง ตัวแทนแห่งความเบิกบานสดใส และโมทิฟใบโคลเวอร์สี่แฉกในฐานะเครื่องหมายนำโชค ส่วนแหวน Perlée couleurs และ Perlée diamonds โดดเด่นด้วยลูกเล่นด้วยสัดส่วนอสมมาตร มอบความลงตัวระหว่างประกายเงางามของลูกปัดทอง สอดผสานประกายเหล่าอัญมณี จากเพชรสู่ทับทิม และไพลินสู่มรกต
ท้ายสุดบทสรุปของ Van Cleef & Arpels คือความหรูหราผสานประโยชน์ใช้สอย ผ่านความหลากหลายทางงานออกแบบ “เครื่องประดับบอกเวลา” ของนาฬิกาข้อมือ Perlée แต่ละสไตล์ ล้วนเหมาะแก่การสวมใส่ใช้งานจริงในชีวิตประจำวันโดยเลือกให้เข้ากับโอกาสและรูปแบบการแต่งกาย
โดยเข็มนาทีที่เคลื่อนตัวด้วยความสง่าบนหน้าปัดสลักลายรัศมีตะวัน หรือ guilloche (กิโยเช่) ท่ามกลางวงล้อมของลูกปัดทอง ที่สองสัญลักษณ์ทางงานออกแบบแบบฉบับเมซงได้มาอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว และเช่นเดียวกัน โมทิฟฝังอัญมณี หรือรัตนชาติเลอค่าติดตั้งกลไกเลื่อนเปิด-หมุนปิด จี้สร้อยคอซ่อนเวลา Perlée กับกำไลข้อมือซ่อนเวลารุ่น Perlée Toi & Moi (แปร์ลเล ตัว เอต์ มัว) หรือ “เธอ-กับ-ฉัน” เป็นผลงานสืบสานรสนิยมชมชอบของเมซงที่มีต่อลูกเล่น “ซ่อน-หา”
หลอมรวมความชำนาญต่างแขนงเพื่อก่อประกายแสงสุกสกาว
ลูกปัดทองเป็นหนึ่งในโมทิฟที่บ่งบอกถึง “ความเป็น Van Cleef & Arpels” แล้ว เป็นเสมือนตัวแทนการแสดงให้เห็นถึงความประณีต พิถีพิถันทุกรายละเอียดบนผลงานเครื่องประดับแต่ละชิ้น ในทุกขั้นตอนของกระบวนการสร้างสรรค์ โดยเมซงนั้นคงผลลัพธ์อันเป็นเลิศทั้งความสมมาตรเชิงสัณฐาน ขนาดรูปทรงอันได้มิติ พื้นผิวที่เรียบเนียน หรือความสม่ำเสมอเท่ากันของทุกเม็ดเติมเต็มความวิจิตรบรรจง ผสานเครื่องประดับและนาฬิกาข้อมือรุ่นต่างๆ ในคอลเลกชัน Perlée ที่มีความกลมกลืนอันต่อเนื่อง และสามารถสวมสลับจับคู่อยู่ร่วมกันได้
แม้จะเป็นงานออกแบบต่างสไตล์ ต่างเฉดสี ต่างวัสดุ หรือกระทั่งต่างคอลเลกชัน ทั้งรุ่นตัวเรือนทองคำล้วน และรุ่นประดับรัตนชาติเลอค่าหลากสี ประกายเรืองรองในทุกมุมมอง สะท้อนลีลาระยิบระยับ ทอประกายความงดงาม สะท้อนมาตรฐานระดับสูงและรสนิยมเหนือชั้นของเมซง ในการพลิกแพลงทักษะ ความชำนาญแขนงต่างๆ ของเมซง ผ่านงานสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือ Perlée อันถือเป็นการหลอมรวมความเชี่ยวชาญชั้นเลิศทางการผลิตนาฬิกาเข้ากับงานวิจิตรศิลป์อัญมณี ปุ่มกด ซึ่งแอบเร้นอยู่ด้านหลังตัวเรือนสำหรับใช้ตั้งเวลา ที่มีสายหนังและสายริบบินกรอสเกรน (ริบบินสิ่งทอลายลูกฟูกแนวขวาง) สามารถสลับสับเปลี่ยนด้วยตัวเองได้อย่างสะดวกซึ่งเครื่องบอกเวลาทั้งหลายได้รับการออกแบบ ผลิตชิ้นส่วนและประกอบตัวเรือนขึ้นที่ ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF VAN CLEEF & ARPELS