Hublot และ Nespresso สองไอคอนแบรนด์สัญชาติสวิสผนึกกำลังในโครงการพิเศษ กับการสร้างสรรค์นาฬิกา Big Bang จากการรีไซเคิลและการนำวัตถุดิบกลับมาใช้หมุนเวียน
Hublot (อูโบลท์) และ Nespresso (เนสเพรสโซ) สองไอคอนแบรนด์สัญชาติสวิสผนึกกำลังในโครงการพิเศษ กับการสร้างสรรค์นาฬิกา Big Bang (บิ๊ก แบง) จากการรีไซเคิลและการนำวัตถุดิบกลับมาใช้หมุนเวียน นาฬิการุ่นนี้คือ Big Bang Unico Nespresso Origin (บิ๊ก แบง ยูนิโค เนสเพรสโซ ออริจิน) อันเป็นผลงานนาฬิกาเรือนแรกที่ผลิตจากการใช้แคปซูลอะลูมิเนียมของ Nespresso และกากกาแฟรีไซเคิล
ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่ม Second Life (เซคกันด์ ไลฟ์) ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา Nespresso ได้จับมือร่วมกับแบรนด์สวิสมากมาย เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่จากแคปซูลอะลูมิเนียมที่ใช้แล้ว เช่นเดียวกับผลงานเรือนเวลา Big Bang Unico Nespresso Origin ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากความร่วมมือระหว่าง Hublot และ Nespresso ที่ได้แลกเปลี่ยนซึ่งคุณค่าแห่งนวัตกรรม ความล้ำเลิศและความยั่งยืน อันเป็นดั่งหัวใจแก่นแท้ของทั้งสองแบรนด์
สำหรับ Hublot แบรนด์เจ้าของปรัชญา Art of Fusion (อาร์ท ออฟ ฟิวชัน) หรือศิลปะแห่งการผสมผสาน มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาด้านการสร้างสรรค์วัสดุใหม่ๆ นับตั้งแต่ที่ได้ก่อตั้งแบรนด์เมื่อปี 1980 ส่วน Nespresso ก็เป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นต่อการปฏิวัติกาแฟให้เหนือระดับสู่ Art of Coffee (อาร์ท ออฟ คอฟฟี่) หรือศิลปะแห่งกาแฟ จากการคิดค้นการแบ่งส่วนกาแฟเพื่อให้เกิดการผสมและชงกาแฟที่มอบรสสมัผัสที่น่าจดจำ และในปี 1991 ได้เพิ่มคุณค่าด้วยการแยกอะลูมิเนียมออกจากกากกาแฟ เพื่อให้สามารถนำเอาสิ่งเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ใหม่ได้ นาฬิกาเรือนนี้จึงมีส่วนประกอบของวัสดุที่เหลือใช้ผสมผสานให้เกิดเป็นตัวเรือนและสายนาฬิกาครั้งแรกของโลก โดยเปลี่ยนรูปกากกาแฟใช้แล้วจากแคปซูลมาสู่สายของนาฬิกา ขณะที่อะลูมิเนียมรีไซเคิลซึ่งผสมผสานเข้ากับแคปซูลอะลูมิเนียมก็ได้กลายมาเป็น ตัวเรือน ขอบตัวเรือน เม็ดมะยม และปุ่มกดของนาฬิกานั่นเอง
Big Bang Unico Nespresso Origin มีตัวเรือนขนาด 42.0 มิลลิเมตร รังสรรค์ขึ้นจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล โดย 28% ได้มาจากแคปซูลกาแฟ Nespresso นำมาผ่านกระบวนการเคลือบผิวแบบอโนไดซ์ ในเฉดสีเขียวสดใส และตกแต่งด้วยการขัดด้านแบบซาตินและขัดเงา
ส่วนเม็ดมะยมและปุ่มกดก็ผ่านกระบวนการแบบเดียวกัน ขณะที่ด้านล่างของตัวเรือนและส่วนบรรจุกลไกนั้นทำจาก Eco-Titanium (อีโค ไทเทเนียม) หรือ ไทเทเนียมรีไซเคิล พร้อมหัวเข็มขัดปรับได้ไทเทเนียมที่มากับสายยางตกแต่งด้วยตัวปิดครอบอะลูมิเนียมรีไซเคิล และหัวเข็มขัดสไตล์สปอร์ตของสาย Velcro (เวลโคร) รังสรรค์ด้วยเฉดสีเขียวอโนไดซ์เช่นกัน
สายระบบ One Click (วัน คลิก) ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วและได้รับจดสิทธิบัตรของ Hublot ได้รับการรังสรรค์จากส่วนผสมในอัตราที่สมดุลเพื่อให้ได้สายที่มีสีและคุณภาพที่สมบูรณ์แบบ อันประกอบด้วย กากกาแฟ 4.1% ยางรีไซเคิลสีขาว 8.2% และส่วนผสมอื่นๆ ตามปกติของ Hublot
ส่วนสายผ้า Hublot ได้ร่วมมือกับ SingTex (ซิงเท็กซ์) หนึ่งในพันธมิตรของ Nespresso ผู้ซึ่งใช้กากกาแฟรีไซเคิลในการผลิตผ้าที่เรียกว่า SCafé (เอสคาเฟ่) ซึ่งเป็นผ้ารีไซเคิล 100% (ประกอบด้วยกากกาแฟ 5% และโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 95%) ซึ่ง Hublot ได้ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็มในการวิจัยและพัฒนา โดยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ Nespresso
ภายในบรรจุด้วยกลไก in-house ระบบโครโนกราฟอัตโนมัติ Cal. Unico HUB1280 ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ประกอบจากชิ้นส่วนทั้งสิ้น 354 ชิ้น ติดทับทิมกันสึกหรอ 43 ชิ้น สำรองพลังงานได้นาน 72 ชั่วโมง
มาพร้อมกล่องนาฬิกา Hublot Greenbox (อูโบลท์ กรีนบ็อกซ์) กล่องบรรจุผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Hublot ซึ่งจะถูกนำมาใช้สำหรับนาฬิกาคอลเลกชันต่างๆ ของแบรนด์ต่อไปในอนาคต
โดยทำขึ้นจากไม้โอ๊คทั้งหมด รวมไปถึงบานพับของกล่อง แกะสลักมาจากท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่สามารถสืบหาถึงแหล่งที่มาได้ ขณะที่กระบวนการจัดหาและการผลิตนั้นยังมีส่วนช่วยลดขั้นตอนห่วงโซ่อุปทานให้สั้นลง อีกทั้งยังถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ โดย 98% ขององค์ประกอบตกแต่งภายในสามารถถอดออกได้ทำจากชิ้นส่วนรีไซเคิลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF HUBLOT