ล่าสุด Hublot ได้เผยคอลเลกชันเรือนเวลาใหม่อันเป็นการร่วมมือกันในครั้งที่ 3 โดยยังรักษาความโดดเด่นเฉพาะตัวสูง ภายใต้โครงสร้างที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมของตัวเรือนที่เสริมความสง่างามแบบสามมิติ
สัมพันธภาพระหว่าง Hublot (อูโบลท์) และ Maxime Plescia-Buchi (แม็กซิม เพลสเซีย-บุชชี) ศิลปินนักออกแบบตัวอักษร ช่างสัก และผู้ก่อตั้งแห่ง Sang Bleu ได้ดำเนินมาเป็นปีที่ 7 โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งสองได้ร่วมถ่ายทอดการเปลี่ยนรูปของ Spirit of Big Bang (สปิริต ออฟ บิ๊ก แบง) ผ่านรูปทรงปริซึมอันมีเอกลักษณ์ของ Sang Bleu (แซง เบลอ)
โดยเผยซึ่งรูปทรงและมุมมองใหม่ๆ สู่คอลเลกชัน Spirit of Big Bang ล่าสุดได้เผยคอลเลกชันเรือนเวลาใหม่ Spirit of Big Bang Sang Bleu (สปิริต ออฟ บิ๊ก แบง แซง เบลอ) อันเป็นการร่วมมือกันในครั้งที่ 3 โดยยังรักษาความโดดเด่นเฉพาะตัวสูง ภายใต้โครงสร้างที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมของตัวเรือนที่เสริมความสง่างามแบบสามมิติ พร้อมทั้งถ่ายทอดงานออกแบบอันเปี่ยมด้วยคุณสมบัติตามหลักการยศาสตร์
การสร้างสรรค์เรือนเวลาระหว่าง Hublot และ Sang Bleu เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ ปี 2016 ภายใต้ซีรีส์ Hublot – Sang Bleu โดยศิลปินช่างสักคนนี้ได้ประทับลวดลายเส้นที่ไม่อาจลบออก โดดเด่น และกล้าแสดงออก ไว้บนนาฬิกาคอลเลกชันใหม่ หลังความสำเร็จของ Big Bang ในวันนี้ลายเซ็นและสัญลักษณ์ลวดลายสักของเขาได้ถูกนำมาไว้บน Spirit of Big Bang
และเหมือนเช่นเคย ที่เขาได้ใช้ลวดลายแห่งรูปทรงเรขาคณิตแบบสามมิติมาผสมผสานอย่างสมมาตรเข้ากับสถาปัตยกรรมอันลึกลับและสะกดทุกสายตา โดยการเล่นกับมิตินูนต่ำและความลุ่มลึกผ่านวัสดุขัดเงา ขัดด้านแบบซาติน แกะสลัก สลักรูป และขัดลบมุม รวมถึงการตกแต่งเหลี่ยมมุม ทั้งรูปทรงหกเหลี่ยม ทรงเพชร และทรงสามเหลี่ยมที่ปรากฏและเหลื่อมซ้อนกัน มอบซึ่งรูปทรงและมิติที่ผ่านการเจียระไนขึ้นใหม่ในทุกเส้นสาย
Spirit of Big Bang Sang Bleu รังสรรค์ตัวเรือนในขนาด 42.0 มิลลิเมตร โดยผลิตในแบบจำนวนจำกัดทั้งหมดสามรุ่นที่พร้อมสร้างความโดดเด่นให้กับข้อมือคุณ ทั้งในรุ่น Titanium (ไทเทเนียม) จำนวน 200 เรือน รุ่น All Black Ceramic (ออล แบล็ก เซรามิก) 200 เรือน และรุ่น King Gold (คิง โกลด์) เพียง 100 เรือน
นอกจากนี้ยังมีผลงานรุ่นปกติอีกสองรุ่นที่มาพร้อมการประดับตกแต่งด้วยเพชร 180 เม็ด ในเวอร์ชัน Titanium และ King Gold โดยยังคงถ่ายทอดไว้ด้วยลวดลายสักเชิงเรขาคณิตที่สลับและซ้อนกัน นับตั้งแต่จากตัวเรือนสู่ขอบตัวเรือน พร้อมหน้าปัดแซฟไฟร์ที่เผยให้เห็นการทำงานของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติโครโนกราฟสเกเลตัน HUB4700 (เอชยูบี4700) ผ่านเข็มชี้แบบดิสก์ที่ประทับไว้ด้วยรูปเรขาคณิตอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือนเวลาที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยความร่วมมือกับ Sang Bleu
ในส่วนของกลไกโครโนกราฟสเกเลตัน HUB4700 ที่บรรจุลงในนาฬิกาทุกๆ รุ่นนั้นเป็นระบบอัตโนมัติ ที่เป็นผลงานการผลิตจาก Hublot โดยตรง ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนทั้งหมด 278 ชิ้น ติดทับทิมกันสึกหรอจำนวน 31 ชิ้น ทำงานด้วยความถี่สูงถึง 5 เฮิรตซ์ หรือ 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง สามารถสะสมพลังงานได้นาน 50 ชั่วโมง ประกอบกับสายยางสีดำ พร้อมหัวเข็มขัดปรับได้ที่ผลิตจากไทเทเนียม ไทเทเนียมเคลือบพีวีดีสีดำ หรือ คิง โกลด์
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF HUBLOT
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon