สว. อย่างไรให้สุขกายสุขใจแบบ Forever Young จอยๆ กับวิถีชีวิตของชาว Blue Zone ที่ทั้ง happy และ healthy ในเวลาเดียวกัน พร้อมเคล็ดลับการใช้ชีวิตเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและชีวิตยืนยาว
“ขอให้อายุยืน สุขภาพแข็งแรง” คำอวยพรสามัญที่ผู้คนมากมายต่างปรารถนา แม้วัยจะเพิ่มขึ้นไปตามกาลเวลา แต่ทุกคนก็ล้วนต้องการสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ แต่รู้หรือไม่ว่า เป้าหมายที่ผู้คนมากมายต่างถวิลหานี้เกิดขึ้นจริงและเป็นเรื่องปกติในบางพื้นที่ของโลก ที่เรียกกันว่า “Blue Zone”
Blue Zone เป็นคำจำกัดความที่สื่อสารถึงภูมิภาคที่มีประชากรอายุยืนยาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีอายุ 90 – 100 ปี และที่สำคัญยังเป็นผู้สูงวัยที่มีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพจิตแจ่มใส และมีความทรงจำที่ดีเยี่ยม ท่ามกลางคุณภาพชีวิตและสภาพแวดล้อมที่ดี
โดยแนวคิดนี้ได้เกิดขึ้นจาก Dan Buettner นักสำรวจ นักเขียนและช่างภาพชาวสหรัฐฯ แห่ง National Geographic ที่กำลังศึกษาเรื่องราวของกลุ่มประชากรอายุยืนทั่วโลก พร้อมทำเครื่องหมายสีน้ำเงินระบุไว้ในแผนที่สำหรับพื้นที่ที่มีประชากรอายุยืนอยู่เป็นจำนวนมาก จนสุดท้ายก็ได้เจอพื้นที่เหล่านั้นและได้เรียกพื้นที่นั้น ว่า “Blue Zone” นั่นเอง
ทั้งนี้ เมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นพื้นที่ Blue Zones ในปัจจุบันนั้น มีทั้งหมด 5 เมืองจากทั่วโลก ได้แก่ ซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี, โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น, นิโคยา ประเทศออสตาริกา, โลมา ลินดา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และ อิคาเรีย ประเทศกรีซ ซึ่งแต่ละเมืองจะมีความเหมือนหรือความต่างในการใช้ชีวิตอย่างไรให้มีอายุยืนยาวบ้าง ไปดูกัน
1. เคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ไม่มีผู้เฒ่าอายุร้อยปีคนไหนที่มีสุขภาพแข็งแรงจากการเข้ายิม วิ่งมาราธอน หรือออกกำลังกายอย่างหนักแบบใดแบบหนึ่งเป็นพิเศษ แต่พวกเขาส่วนมากมักไม่อยู่นิ่งเฉย ผู้สูงวัยแต่ละคนมีกิจวัตรประจำวันที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายทุกวัน เช่น ผู้เฒ่าในโอกินาวาที่ทำสวนทุกวัน ผู้เฒ่าในโลมา ลินดา ที่เดินเป็นประจำ และคุณตาคุณยายอายุร้อยปีในนิโคยาที่มีคติประจำใจว่า “ทำงานให้มาก” ไม่ใช่งานนั่งโต๊ะที่เคร่งเครียด แต่ล้วนเป็นงานที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เช่น จ่ายตลาด ทำอาหาร ทำสวน เป็นต้น
2. กินผักผลไม้
ผู้สูงวัยใน Blue Zone นั้นต่างมีอุปนิสัยในการบริโภคที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ กินผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดขาว และถั่วเปลือกแข็งเป็นหลัก ส่วนเนื้อสัตว์นั้นจะกินเฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้น และกินในปริมาณที่น้อยมาก
ตามสถิติที่พบยังบ่งบอกอีกว่า ชาว seventh-day Adventist หลายคนที่เป็นมังสวิรัติยังมีสุขภาพดี ปลอดจากโรคมะเร็งหลายประเภท อย่างคนที่กินถั่วฝัก เช่น ถั่วลันเตา และถั่วอื่นๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วเขียว ราว 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะมีอัตราการป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ลดลง 30-40% ส่วนหญิงชาว seventh-day Adventist ที่กินมะเขือเทศเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง มีอัตราเป็นมะเร็งรังไข่ลดลง 70% เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่กินน้อยกว่า
3. กินแค่พออิ่ม
ก่อนกินอาหารแต่ละมื้อ สว. ชาวโอกินาวาจะนั่งสงบจิตใจและกล่าวพึมพำว่า “ฮารา ฮาจิ บู” คำกล่าวนั้นเป็นภาษิตขงจื๊อที่เตือนใจให้ตัวเองกินแค่หายหิวเท่านั้น หรือกินจนรู้สึกอิ่มแค่ 80% เพราะกระเพาะอาหารจะใช้เวลาราว 20 นาที ในการส่งสัญญาณไปยังสมองว่าอิ่มแล้ว
การรับประทานอาหารให้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการจะทำให้ระบบเมตาโบลิซึมทำงานช้าลง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายผลิตอนุมูลอิสระที่จะย้อนกลับมาทำร้ายร่างกายน้อยลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การกินให้น้อยที่ถูกวิธีที่สุดคือการเลือกบริโภคอาหารที่มีปริมาณแคลอรีต่ำ และเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ เน้นพืชผัก
4. มีเป้าหมายในชีวิต
ชาวโอกินาวาเรียกสิ่งนี้ว่า “อิคิไก” (Ikigai) ส่วนชาวนิโคยาเรียกว่า Plan de Vida ทั้งสองคำนี้มีความหมายเหมือนกันคือ “ฉันตื่นมาตอนเช้าเพื่ออะไร” การมีเป้าหมายชีวิตอย่างชัดเจนทำให้ผู้สูงอายุมีบางสิ่งที่มีความหมายรอให้พวกเขาตื่นมาตอนเช้าเพื่อทำมัน โดยเป้าหมายที่ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ตามแบบค่านิยมของสังคม แต่อาจเป็นเรื่องง่ายๆ ธรรมดา แต่พิเศษในตัวเอง เช่น เลี้ยงดูลูกหลานให้เติบใหญ่อย่างแข็งแรงและมีความสุข หรืออาจเป็นงานอดิเรกที่มีความเพลิดเพลิน มีความสุขที่ได้ทำ รวมทั้งช่วยให้เกิดสมาธิขณะทำได้อย่างดี
5. ใช้ชีวิตช้าๆ
เราสามารถจะใช้ชีวิตช้าๆ ไปพร้อมกับมีเป้าหมายในชีวิตได้ในเวลาเดียวกัน เพราะถ้าเราเอาแต่วิ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างหน้ามืดตามัว เราก็อาจสูญเสียช่วงเวลาล้ำค่าหลายอย่างในชีวิตไป
ตัวอย่างวิถีชีวิตเช่นนี้ ได้แก่ ผู้เฒ่าในโอกินาวาที่ละจากงานตรงหน้าชั่วครู่เพื่อมองดูฟ้าแลบอันสวยงาม และคนเลี้ยงแกะชาวซาร์ดิเนียที่หยุดยืนมองทุ่งหญ้าเขียวขจีจากบนพื้นที่ราบสูงอยู่นาน ทั้งๆ ที่เขาเห็นทุ่งหญ้านี้มาเกือบทุกวันตลอด 80 ปี เพียงแค่ชื่นชมกับความงามของธรรมชาติ แม้จะเป็นเรื่องราวสุดแสนจะธรรมดา ก็ช่วยชุบชูจิตใจให้มีความสุขแล้ว
6. มีความสุขกับแสงแดด
การใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านท่ามกลางแสงแดดจะช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตวิตามินดีเองได้ หากร่างกายไม่ได้รับวิตามินดีเพียงพอจะก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับโรคร้ายหลายอย่าง เช่น มะเร็ง ความดันเลือดสูง เบาหวาน และโรคจากระบบภูมิต้านทานผิดปกติ สำหรับผู้ป่วยโรคไต การขาดวิตามินดีจะเร่งให้เกิดโรคหัวใจ ส่วนสำหรับคนทั่วไป จะทำให้กระดูกเปราะ กล้ามเนื้อมัดสำคัญที่สะโพกและขาจะอ่อนแรง ทำให้มีโอกาสที่จะหกล้มและกระดูกหักมากขึ้น และเมื่อผู้สูงวัยกระดูกสะโพกหัก พวกเขามีแนวโน้มจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี การได้รับแสงแดดมากเกินไปอาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ แนะนำให้ใช้เวลา 10-15 นาที กลางแดด สัปดาห์ละ 2 ครั้ง และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF เพียงพอ
7. มีสังคมที่รักและเกื้อกูลกัน
การที่คนเรามีครอบครัว ญาติสนิท หรือมิตรสหาย ที่ต้องการเรามากพอๆ กับที่เราต้องการเขา ไม่เพียงแต่เป็น “อิคิไก” หรือ “Plan de Vida” แบบหนึ่งเท่านั้น แต่การที่พวกเขายินดีจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันในยามที่ใครคนใดคนหนึ่งเกิดปัญหา ก็ยังช่วยให้พวกเขาแบกรับความเครียดและความทุกข์น้อยลงด้วย
โอกินาวามีประเพณีที่เรียกว่า “โมอิ” หรือการรวมกลุ่มกันเพื่อพูดคุยปรึกษาเรื่องสัพเพเหระ และช่วยเหลือกันทั้งในเรื่องการเงินและอารมณ์ ส่วนชาวซาร์ดิเนียนั้นมีสถาบันครอบครัวที่แข็งแรง พวกเขาอาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่และให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งการที่ผู้สูงอายุได้อาศัยอยู่กับครอบครัวและได้รับการดูแลจากลูกหลานที่มีความผูกพันกัน ย่อมส่งผลดีต่อจิตใจมากกว่าผู้สูงอายุในอีกหลายประเทศที่มักใช้เวลาในช่วงบั้นปลายอยู่ในสถานดูแลคนชราตามลำพัง
8. คิดบวก มองโลกในแง่ดี
ผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ใน Blue Zone ไม่ได้มีชีวิตสะดวกสบายอย่างที่เราอาจเข้าใจกัน ชายชาวซาร์ดิเนียส่วนมากประกอบอาชีพเลี้ยงแกะ พวกเขายังคงล่าสัตว์ ตกปลา และเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรด้วยตัวเอง แต่การงานที่หนักเหนื่อยก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเคร่งเครียดไปกับมัน ยังคงออกมาพบปะสังสรรค์กันตามถนนและหัวเราะลั่นกับมุกตลกต่างๆ อยู่เป็นประจำ นี่ล่ะคือเคล็ดลับอายุยืนของจริง!
ทั้งหมดนี้คือ 8 เคล็ดลับที่ไม่ต้องรอให้ สว. ก็หยิบยืมไปใช้เพื่อสร้างวิถีแห่งความเยาว์วัยได้ง่ายๆ พร้อมกันนั้น หากใครอยากให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ไปอีกนานแสนนาน อย่าลืมบำรุงผิวด้วยสกินแคร์อย่างสม่ำเสมอ และนี่คือ 10 Anti-Aging Skincare ที่เราคัดสรรมาแล้วว่าปังสุด เริ่ดสุด!
111SKIN Eye Lift Gel
BIOLOGIQUE RECHERCHE Le Grand Sérum
CHANEL SUBLIMAGE L’EXTRAIT Intensive Repair Oil-Concentrate
CLÉ DE PEAU BEAUTÉ La Crème
DIOR Prestige La Crème Texture Fine Anti-Aging Intensive Repairing Cream
ESTÉE LAUDER Re-Nutriv Ultimate Diamond Transformative Brilliance Serum
GUERLAIN Orchidée Impériale The Micro-Lift Concentrate
HELENA RUBINSTEIN Prodigy Reversis Night Cream
ORIGINS Plantscription Wrinkle Correction Eye Cream with Encapsulated Retinol
SARAH CHAPMAN Multi-C Super Shot Set
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF 111SKIN, BIOLOGIQUE, CHANEL, CLÉ DE PEAU BEAUTÉ, DIOR, ESTÉE LAUDER, GUERLAIN, HELENA RUBINSTEIN, ORIGINS, SARA CHAPMAN
STOCK PHOTOS: Image by Anastasia Kazakova on Freepik
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่