Audemars Piguet (โอเดอมาส์ ปิเกต์) เปิดตัวเรือนเวลาจากตระกูล Royal Oak และ Royal Oak Offshore ผ่านเรือนเวลา 3 รุ่น
3 New Audemars Piguet Royal Oak and Royal Oak Offshore Collections Audemars Piguet (โอเดอมาส์ ปิเกต์) เปิดตัวเรือนเวลาจากตระกูล Royal Oak และ Royal Oak Offshore เสนอมิติแห่งเสน่ห์ของความสปอร์ตหรูในอารมณ์อันแตกต่างกันในแต่ละรุ่น แต่คงเอกลักษณ์การออกแบบไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยมผ่านเรือนเวลา 3 รุ่น
Royal Oak Selfwinding 37 Turquoise
เรือนเวลา RoyalOak ผสานวัสดุล้ำค่าจากทองคำในการผลิตตัวเรือน และเทอร์ควอยซ์ธรรมชาตินำมารังสรรค์หน้าปัดโดดเด่นเปล่งประกายล้ำค่าด้วยเทอร์ควอยซ์วัสดุที่ใช้ในการสร้างสรรค์เครื่องประดับมากกว่า 3,000 ปี เป็นหินที่หาได้ยากและเปี่ยมไปด้วยความหมายเชิงบวก ผ่านการคัดสรรเพื่อมาใช้ในคอลเลกชัน Royal Oak จึงนับว่ามีความกลมกลืนและเข้ากันอย่างลงตัวเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง
ตัวเรือน ขอบตัวเรือนและสายนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์สำคัญของ Audemars Piguet โดยเฉพาะในเรื่องของการเก็บรายละเอียดการตกแต่งด้วยมือทั้งการขัดเงาและการขัดแบบซาติน โดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ ณ เลอ บราซูส์ (LeBrassus) ตัวเรือนวัสดุทองคำ ขับเน้นหน้าปัดเฉดสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ธรรมชาติ แลดูสง่างามราวมหาสมุทร ประดับสัญลักษณ์ Audemars Piguet ขัดเงาสีทอง ซึ่งถูกนำมาประดับไว้บนหน้าปัด พื้นหลังของหน้าต่างแสดงวันที่ใช้สีเฉดเดียวกันกับเทอร์ควอยซ์ ตัดกับเข็มนาฬิกาและเครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงสีทองเคลือบด้วยสารเรืองแสง ช่วยให้การอ่านเวลาได้อย่างชัดเจน
ตัวเรือนขนาด 37 มิลลิเมตร ภายในคือกลไกอัตโนมัติ Calibre 5900 สำหรับการแสดงเวลาเป็นชั่วโมง นาที วินาที และบอกวันที่ ซึ่ง Audemars Piguet ได้พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 2022 หนาเพียง 3.9 มิลลิเมตร ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และสามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 60 ชั่วโมง ฝาหลังกรุกระจกแซฟไฟร์ที่เผยให้เห็น Oscillating Weight (ออสซิเลติง เวท) พิงค์โกลด์ 22 กะรัต ตลอดจนรายละเอียดของเทคนิคการตกแต่งอย่างประณีตบนชิ้นส่วนต่างๆ เช่น การขัดเงาที่มุมต่างๆ การขัดแบบซาตินในแนวตั้ง การใช้เทคนิคการตกแต่ง “Côtes de Genève” (โกตส์ เดอ เฌอแนฟ) เทคนิค “Circular Graining” (เซอร์คิวลาร์ เกรนิง) และการขัดเงาลบมุมเพื่อเผยการทำงานของกลไกต่างๆ
Royal Oak “Jumbo” Extra-thin
Audemars Piguet นำแรงบันดาลใจจากนาฬิกา Royal Oak (Ref. 14802) ซึ่งเปิดตัวในปีค.ศ. 1992 เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของ Royal Oak ตัวเรือนแพลตทินัม จึงรังสรรค์เรือนเวลารุ่น Royal Oak “Jumbo” Extra-thin หน้าปัดลายเกรนสุดพิเศษ Royal Oak มาในสไตล์เรียบหรู ถ่ายทอดผ่านตัวเรือนและสายที่รังสรรค์จากไวท์โกลด์ เคลือบหน้าปัดสีน้ำเงินตกแต่งพื้นผิวหน้าปัดลายเกรนด้วยสารเรืองแสง PVD (พีวีดี) เน้นความแวววาวชวนให้นึกถึงท้องฟ้ายามค่ำคืนอันงดงามแห่งเลอ บราซูส์ (Le Brassus) มีความละเอียด สามารถดึงดูดแสงซึ่งทำให้หน้าปัดดูสว่างขึ้น รับกับแสงที่ตกกระทบในมุมต่างๆ
ตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 7121 เป็นกลไกที่ Audemars Piguet ค้นคว้าและพัฒนายาวนานถึง 5 ปี จนได้เป็นกลไกที่ยอดเยี่ยม สามารถสำรองพลังงานได้สูงถึง 55 ชั่วโมง แสดงเวลาชั่วโมง นาที วินาทีและวันที่ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของกลไกที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อน ยังมาพร้อมกับกลไกเซตวันที่ซึ่งใช้พลังงานต่ำและมีความบางพิเศษที่ได้รับการจดสิทธิบัตร โดย Cal. 7121 มีความหนาเพียง 3.2 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงสามารถบรรจุลงในตัวเรือนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 39มิลลิเมตร ซึ่งมีความหนาเพียง 8.1 มิลลิเมตรได้อย่างลงตัว ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ฝาหลังกรุกระจกแซฟไฟร์จะเผยให้เห็นโรเตอร์พิงค์โกลด์ 18 กะรัต
Royal Oak Offshore Selfwinding Chronograph 42 Black Ceramic
ครั้งแรกของคอลเลกชัน Royal Oak Offshore Selfwinding Chronograph มาในรูปแบบตัวเรือนและสายนาฬิกาที่ผลิตจากวัสดุเซรามิกสีดำ ตกแต่งพื้นหน้าปัดสีดำด้วยลวดลาย Petite Tapisserie (เปอตีต์ ทาพิสเซอรี) ที่ให้ลุคแบบโมโนโครมร่วมสมัยโดดเด่น โดยขับเคลื่อนด้วย Calibre 4404 ซึ่งเป็นกลไกโครโนกราฟที่มาพร้อมฟังก์ชัน Fly Back นอกจากตัวเรือนและสายนาฬิกาแล้ว ปุ่มกดที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกาและ 4 นาฬิกา ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมกลไกโครโนกราฟ รวมไปถึงเม็ดมะยมแบบสกรูล็อกที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาก็ผลิตจากเซรามิกสีดำด้วยเช่นเดียวกัน มีเพียงสกรู 8 ตัวที่ช่วยยึดขอบตัวเรือนให้ติดกับตัวเรือนเท่านั้นที่ดูโดดเด่นและแตกต่างด้วยการเลือกใช้ไวท์โกลด์ รวมถึงเครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงเคลือบสารเรืองแสง 8 ชิ้นที่บอกเวลาชั่วโมง
ปิดท้ายด้วยฝาหลังซึ่งทำจากไทเทเนียม พื้นหน้าปัดสีดำตกแต่งพื้นผิวด้านเช่นเดียวกับทุกรายละเอียดของตัวเรือนและสายตกแต่งลาย Petite Tapisserie อันเป็นลวดลายซิกเนเจอร์ที่สงวนไว้ก่อนหน้านี้สำหรับรุ่น Ref. 26238 ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยทองคำหรือไทเทเนียมเท่านั้น
นอกจากตัวเรือนและสายนาฬิกาแล้ว ปุ่มกดที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกาและ 4 นาฬิกา ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมกลไกโครโนกราฟ รวมไปถึงเม็ดมะยมแบบสกรูล็อกที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาก็ผลิตจากเซรามิกสีดำด้วยเช่นเดียวกัน มีเพียงสกรู 8 ตัวที่ช่วยยึดขอบตัวเรือนให้ติดกับตัวเรือนเท่านั้นที่ดูโดดเด่นและแตกต่างด้วยการเลือกใช้ไวท์โกลด์ รวมถึงเครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงเคลือบสารเรืองแสง 8 ชิ้นที่บอกเวลาชั่วโมง ปิดท้ายด้วยฝาหลังซึ่งทำจากไทเทเนียม พื้นหน้าปัดสีดำตกแต่งพื้นผิวด้านเช่นเดียวกับทุกรายละเอียดของตัวเรือนและสาย ตกแต่งลาย Petite Tapisserie อันเป็นลวดลายซิกเนเจอร์ที่สงวนไว้ก่อนหน้านี้สำหรับรุ่น Ref. 26238 ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยทองคำหรือไทเทเนียมเท่านั้น
ขนาดตัวเรือน 42.0 มิลลิเมตร สำหรับ Calibre 4404 นี้เป็นกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติล่าสุด พร้อมด้วย column wheel (คอลัมวีล) และฟังก์ชัน Fly Back ซึ่งแตกต่างไปจากกลไกโครโนกราฟทั่วไปตรงที่สามารถรีสตาร์ทได้โดยไม่ต้องหยุดและรีเซ็ตก่อนโดย column wheel จะทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แนวตั้งซึ่งออกแบบมาเพื่อให้การกดปุ่มแต่ละปุ่มทำได้อย่างนุ่มนวลเมื่อเริ่มหรือหยุดโครโนกราฟ เข็มนาฬิกาจะตอบสนองตามนั้นโดยไม่มีการหน่วงหรือกระโดดอย่างไม่คาดคิด กลไกการรีเซ็ตเป็นศูนย์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าเข็มจับเวลาแต่ละเข็มจะกลับสู่ตำแหน่งเริ่มต้นในแนวตั้งทันที
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF AUDEMARS PIGUET
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
