การเปิดตัวครั้งใหม่ของ MB&F ที่นำเสนอด้วยมุมมองอันน่าทึ่งเดียวกันกับที่ปรากฏบนเครื่องยนต์ราวกับร่ายมนตร์เสน่ห์ไว้ภายในตัวเรือนที่ทั้งสง่างามและล้ำค่ากับ Legacy Machine No.2 Palladium
MB&F ได้ถือโอกาสเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง Legacy Machine No. 2 ซึ่งวางตำแหน่งของตน ณ จุดสูงสุดของสเปกตรัมแห่งเครื่องบอกเวลาชั้นสูง นับตั้งแต่ที่นาฬิการุ่นนี้ได้เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2013 ในฐานะหนึ่งในการแสดงออกอันล้ำสมัยสูงสุดของประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาจักรกล และในปี 2023 นี้ MB&F มีความยินดีที่จะนำซึ่งสัญญาณแห่งนวัตกรรมเครื่องบอกเวลาให้หวนคืนกลับมาอีกครั้งภายในตัวเรือนแพลลาเดียมใหม่ พร้อมทั้งถ่ายทอดด้วยเสน่ห์ของหน้าปัดซันเรย์ สีอความารีนอันงดงาม ด้วยโทนสีเขียวอ่อน สีเทาและสีฟ้า สำคัญเหนืออื่นใดคือการเปิดตัวครั้งใหม่ของ Legacy Machine No.2 ยังนำเสนอด้วยมุมมองและวิสัยทัศน์อันน่าทึ่งเดียวกันกับที่ปรากฏบนเครื่องยนต์ราวกับร่ายมนตร์เสน่ห์ไว้ภายในตัวเรือนที่ทั้งสง่างามและล้ำค่ากับ Legacy Machine No. 2 Palladium
Legacy Machine No. 2 มีแนวคิดที่เริ่มต้นจาก Max Büsser ผู้ก่อตั้งแบรนด์ MB&F ต้องการที่จะรังสรรค์เรือนเวลาเพื่อเป็นเสมือนการสดุดีให้กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเครื่องบอกเวลาอันน่าทึ่ง รวมถึงเหล่าช่างประดิษฐ์นาฬิกาชั้นบรมครูในยุคสมันศตวรรษที่ 18 และ 19 โดยมีคอนเซปท์หลักในการอวดโฉม บาลานซ์วีลไว้บนหน้าปัดในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยหลังจากที่ได้มีการเผยโฉม Legacy Machine No.1 ในปี 2011 MB&F ก็ได้เปิดตัว Legacy Machine No.2 ขึ้นในปี 2013 กับการนำเสนอบาลานซ์วีลถึง 2 ชุด บนหน้าปัด โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัว LM No.2 ในเวอร์ชันที่หลากหลาย จนกระทั่งในปีนี้ที่ตรงกับวาระครบรอบ 10 ปี ของ LM No.2 ที่มาในตัวเรือนแพลลาเดียม
หลังจากที่เคยปรากฏกายในตัวเรือนวัสดุเรดโกลด์ ไวท์โกลด์ แพลตตินัม และไทเทเนียม มาแล้วก่อนหน้า ในครั้งนี้ MB&F เลือกที่จะนำวัสดุโลหะหายากอย่างแพลลาเดียมมารังสรรค์ในตัวเรือนขนาด 44.0 มิลลิเมตร ภายใต้กระจกคริสตัลรูปทรงโดมเผยให้เห็นพื้นผิวของฐานเครื่องด้านบนที่ตกแต่งด้วยโทนสีใหม่ที่มีความละมุนตาอย่างสีฟ้าอความารีน จัดวางพื้นหน้าปัดขนาดเล็กเยื้องศูนย์กลางสีขาวที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาสำหรับการแสดงเวลา อยู่ระหว่างจักรกลอก 2 ชุดที่แขวนลอยอย่างอิสระบนสะพานจักรที่ได้รับการขัดแต่งผิวเงาราวกระจก อันเป็นลักษณะเฉพาะของคอลเลกชันนี้ก็ว่าได้
พลิกมาที่ด้านหลังตัวเรือนจะพบกับฝาหลังกรุกระจกคริสตัลแซฟไฟร์โปร่งใส ที่ภายในคือกลไกเครื่องพิเศษที่ออกแบบโดย Jean-Francois Mojon จาก Chronode ซึ่งผ่านการขัดแต่งอย่างน่าอัศจรรย์ในลาย Geneva Strip นอกจากนี้สะพานและชิ้นส่วนต่างๆของกลไกก็ต่างได้รับการลบเหลี่ยมมุมและขัดเงาอย่างพิถีพิถันอันเป็นฝีมือจาก ช่างนาฬิกาอิสระระดับมาสเตอร์ Kari Voutilainen กลไกสามารถสำรองพลังงานได้นาน 45 ชั่วโมง
Legacy Machine No.2 Palladium สวมใส่อย่างลงตัวคู่กับสายหนังจระเข้สีดำ น้ำตาล หรือน้ำเงิน พร้อมหัวเข็มขัดล็อกสาย ผลิตในจำนวนเพียง 18 เรือนเท่านั้น ราคาเริ่มต้นที่เรือนละ 158,000 ฟรังก์สวิส
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF MB&F
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่