IWC Pilot’s Watch Le Petit Prince เขียนบทใหม่ให้กับการเดินทางไม่สิ้นสุดของ “เจ้าชายน้อย” ลงในนาฬิกาบอกเวลามัลติไทม์โซนรุ่นใหม่ และนี่คือ 5 เรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับนาฬิกาเรือนนี้
IWC Pilot’s Watch Le Petit Prince (ไอดับเบิลยูซี ไพลอตส์ วอทช์ เลอ เปอตี แพรงส์) 1. เป็นครั้งแรกที่ IWC เลือกฟังก์ชั่น Timezoner (ไทม์โซนเนอร์) มาบรรจุลงในรหัสงานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนาฬิการุ่นพิเศษในตระกูล “Le Petit Prince” (เลอ เปอตี แพรงส์) โดย Timezoner ซึ่งจดสิทธิบัตรโดยแบรนด์นี้เป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนเวลาระหว่างไทม์โซนที่แตกต่างกันได้อย่างง่ายดาย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ผ่านการกดขอบตัวเรือนของนาฬิกาลง จากนั้นจึงหมุนปรับไปยังชื่อเมืองต่างๆ ที่ต้องการ และปล่อยขอบตัวเรือนขึ้นตามเดิม ซึ่งชื่อเมืองต่างๆ ที่ปรากฏนั้นจะช่วยให้ง่ายต่อการนำทางไปยังไทม์โซนที่เราต้องการรู้เวลาหรือต้องเดินทางไป ที่สำคัญคือ ด้วยการคิดค้นจักรกลชุดนี้ขึ้นมาใหม่ จึงทำให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องหยุดการทำงานของกลไกนาฬิกา ซึ่งนั่นหมายถึงคงความเที่ยงตรงแม่นยำได้อย่างไม่มีสะดุดในทุกเสี้ยววินาที
2. ด้วยหน้าปัดสีน้ำเงิน หรือสี midnight-blue พร้อมทั้งตัวเลขและเข็มชี้เคลือบด้วยสารเรืองแสงสีขาวเด่น ทำให้ IWC เลือกที่จะผลิตวงแหวนซึ่งบรรจุไว้ด้วยชื่อเมืองต่างๆ ของแต่ละไทม์โซนขึ้นจากเซรามิกสีน้ำเงิน เพื่อให้เข้าธีมสีเดียวกันกับหน้าปัด ทั้งยังเสริมความสวยสง่า และความทนทานอันเป็นเลิศ ที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะของเซรามิกอีกด้วย
3. นาฬิกา “Le Petit Prince” รุ่นใหม่นี้ขับเคลื่อนด้วยกลไก IWC-manufactured 82760 calibre (ไอดับเบิลยูซี-แมนูแฟคเจอร์ 82760 คาร์ลิเบอร์) ซึ่งเป็นกลไกจักรกลอัตโนมัติผลิตจากโรงงานของตนเอง พร้อมทั้งสมรรถนะด้านความทนทาน และเที่ยงตรงจากการขึ้นลานแบบสองทาง ด้วยระบบ Pellaton winding system (เพลเลทัน ไวด์ดิ้ง ซิสเต็ม) ส่วนที่เป็นหัวใจของกลไกชุดนี้ยังรวมไปถึงการประกอบด้วยชิ้นส่วนซึ่งทำจาก เซอร์โคเนียม อ็อกไซด์ เซรามิก ที่ไม่สึกหรอ และช่วยให้สะสมพลังงานสำรองได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 60 ชั่วโมง
4. นาฬิกา “Le Petit Prince” ส่วนใหญ่แล้วจะมีความพิเศษอยู่บนฝาหลังด้วย เช่น รุ่นนี้มาพร้อมกับฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ใส ที่เผยให้เห็นภาพการทำงานและการตกแต่งกลไกภายในอย่างสวยงาม โดยเฉพาะโรเตอร์ซึ่งตกแต่งด้วยรูปเหรียญทอง 18 K แกะสลักภาพวาดเจ้าชายน้อยดังรูปวาดในหนังสือ พร้อมด้วยเบอร์ลำดับของนาฬิกา (สั่งจองกันได้เลย หมายเลขที่ชอบ แต่ว่าจะได้หรือเปล่านั้น ก็ไม่ทราบได้) ส่วนกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ยังคงผ่านการเคลือบกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน รวมถึงป้องกันกระจกจากการปะทุออกในกรณีที่ความกดอากาศลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการบิน ขณะเดียวกันนาฬิการุ่นนี้ยังกันน้ำได้ลึก 60 เมตร
5. ด้วยการเป็นนาฬิการุ่นสุดพิเศษ Pilot’s Watch Timezoner Edition “Le Petit Prince” (ไพลอตส์ วอทช์ ไทม์โซนเนอร์ เอดิชั่น เลอ เปอตี แพรงส์) จึงผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดแค่เพียง 1,500 เรือนทั่วโลกเท่านั้น โดยมีตัวเรือนทำจากสเตนเลสสตีล ขนาด 46 มม. หนา 15.2 มม. ความถี่ 28,800 vph ชิ้นส่วนประกอบทั้งหมด 284 ชิ้น อัญมณี 22 เม็ด แสดงเวลา 24 ชั่วโมง ทั่วโลก พร้อมบอกวันที่ มาพร้อมกับสายหนังวัวสีน้ำตาลเดินเส้นด้ายขาวขนาดความกว้าง 22 มม. สไตล์แบบนักบิน สามารถซื้อสายเพิ่มและเปลี่ยนสาย เปลี่ยนสีหนัง ได้เองตามต้องการ
รู้หรือไม่
IWC ผลิตเรือนเวลารุ่นพิเศษ “Le Petit Prince” มานับตั้งแต่ปีตค.ศ. 2013 ด้วยการเปิดตัวครั้งแรกของรุ่น Reference IW3265-06 ที่พัฒนามาจาก Pilot’s Watch Mark XVII และจากนั้นเป็นต้นมา ก็ยังคงสร้างสรรค์นาฬิกาซีรีส์พิเศษนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่องจวบจนถึงปัจจุบัน เนื่องจาก IWC มีความสัมพันธ์อันดีกับมูลนิธิ Antoine de Saint-Exupéry Youth Foundation (อองตวน เดอ แซง-เต็กซูเปรี ยูธ ฟาวเดชั่น) โดย “Le Petit Prince” แต่ละรุ่นยังล้วนมีเอกลักษณ์ของหน้าปัดสีน้ำเงิน และการออกแบบพิเศษที่ซ่อนอยู่ในแต่ละรายละเอียดบนนาฬิกา เพื่อร่วมรำลึกถึงผลงานวรรณกรรมเยาวชนซึ่งแฝงไปด้วยปรัชญา วรรณคดีชื่อก้องเรื่องนี้ คือ “Le Petit Prince” หรือ “The Little Prince” หรือ เจ้าชายน้อย ของนักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส Antoine de Saint-Exupéry ที่นับเป็นหนึ่งในหนังสือขายดีที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์วรรณกรรม ‘เจ้าชายน้อย’ คือเรื่องของเจ้าชายตัวน้อยที่ได้เยือนดาวต่างๆ ในจักรวาล รวมทั้งโลกด้วย เนื่อเรื่องและคำสนทนาแฟงด้วยความคิดคำนึงและปรัชญา ที่เกี่ยวกับความเดียวดาย สัมพันธภาพระหว่างเพื่อน ความรัก และความสูญเสีย แท้ที่จริงแล้ว คือการสังเกตชีวิตและธรรมชาติขิงมนุษย์ วรรณกรรมเรื่องนี้จึงเป็นที่นิยมขายดิบขายดีแปลเป็นภาษาต่างๆ และภาษาท้องถิ่นจำนวนถึง 301 ภาษา ทั้งยังถ่ายทอดมาในรูปแบบของละครเวที ภาพยนตร์ ทีวี บัลเล่ต์ และโอเปร่า
นอกจากนี้ Antoine de Saint-Exupéry เอง ก็เป็นนักบินผู้บุกเบิก ซึ่งงานเขียนของเขา อย่าง “The Aviator” (ดิ เอวิเอเตอร์) และ “Night Flight“ (ไนท์ ไฟลท์) ยังทรงอิทธิพลต่อทั้งโลกวรรณกรรมและการบินอย่างมาก และนี่คือเหตุผลที่เชื่อมโยงให้ Antoine de Saint-Exupéry ผูกพันกับเรื่องราวของ IWC โดยเฉพาะการสร้างสรรค์คอลเลกชั่น Pilot’s Watches และเป็นที่มาของอีกหลากหลายนาฬิการุ่นพิเศษที่มอบเกียรติให้กับบุรุษชื่อก้องทางวรรณกรรมคนนี้
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF IWC
MUSIC: “Blippy Trance” Kevin MacLeod (incompetech.com)
Licensed under Creative Commons: By Attribution 4.0 License
http://creativecommons.org/licenses/by/4.0/
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถอ่านคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ นาฬิกา ได้ ที่นี่
