เตรียมผิวให้สวยบลิ้งค์ต้อนรับลมหนาวอย่างเจิดจรัสเกินใคร ด้วยเซรั่มวิตามินซีออกใหม่น่าใช้หลากหลายสูตรความงาม
เมื่อพูดถึง ‘วิตามินซี’ หลายๆ คนคงคุ้นตากันมาบ้างเพราะเป็นส่วนผสมยอดฮิตในสกินแคร์สำหรับสาวๆ ที่อยากเป็นเจ้าของผิวขาวกระจ่างใส แลดูเปล่งปลั่งนวลเนียน แน่นอนว่าตอนนี้มีหลากหลายแบรนด์ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศต่างผลิตเซรั่มวิตามินซีออกมาให้ได้เลือกซื้อ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เซรั่มวิตามินซีแบบไหนหรือแบรนด์อะไรใช้แล้วดี เหมาะกับผิวของเรามากที่สุด มารู้จัก ‘วิตามินซี’ อย่างเจาะลึกกันเลย
วิตามินซี คืออะไร?
เรียกอีกอย่างว่า Ascorbic Acid มีคุณสมบัติละลายในน้ำ รวมถึงอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ นี่จึงเป็นเหตุผลที่สกินแคร์ส่วนใหญ่เลือกใช้ส่วนผสมนี้ เมื่อวิตามินซีซึมซาบสู่ผิว จะช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระรวมถึงรังสียูวี มลภาวะ และปัจจัยภายนอกอย่างสภาพอากาศที่ทำร้ายผิว ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ จุดด่างดำ รอยแดงต่างๆ รวมถึงอาการผิวขาดน้ำด้วย
เรียกได้ว่า วิตามินซีเป็นส่วนผสมสำคัญสำหรับคนอยากมีผิวสวยสุขภาพดี แต่วิตามินซีที่ใช้ผสมในสกินแคร์นั้นก็มีหลากหลายประเภท ชนิดที่นิยมมากที่สุดคือ Ascorbic Acid ซึ่งเป็นประเภทที่สามารถหาได้ในสกินแคร์ทั่วไป
ดังนั้น ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาวิตามินซีให้มีความเข้มข้นเพียงพอและสามารถซึมซับเข้าสู่ผิวได้ง่ายยิ่งขึ้น จนทำให้เกิดอนุพันธ์วิตามินซีที่เริ่มได้รับความนิยม และถูกนำมาผลิตในสกินแคร์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเซรั่มวิตามินซีที่นำเอาอนุพันธ์วิตามินซีเข้มข้นนั้นมาทาบนผิวหน้าโดยตรง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจและมีประสิทธิภาพที่สุด
วิตามินซี ดีต่อผิวอย่างไร?
ด้วยความที่วิตามินซีเป็นส่วนผสมที่อุดมด้วย ‘สารต้านอนุมูลอิสระ’ แน่นอนว่าจะช่วยฟื้นฟูได้หลากหลายด้านด้วยกันไม่ใช่เพียงแค่ผิวใสขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย หากใช้ในระยะยาวจะช่วยฟื้นฟูสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นจุดด่างดำ หรือปัญหาสีผิวไม่เท่ากัน รวมถึงยังช่วยเสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น และช่วยลดการอักเสบระคายเคืองบนผิวได้ด้วย
วิธีเลือกเซรั่มวิตามินซี
1. เลือกจากความเข้มข้น
เซรั่มวิตามินซีนั้นมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ความเข้มข้นสูงไปจนถึงความเข้มข้นต่ำ และแน่นอนว่าความเข้มข้นสูงนั้นย่อมจะเห็นผลชัดเจนกว่าวิตามินซีที่มีความเข้มข้นต่ำ แต่ก็มีผลทำให้หน้าแห้ง และอะไรที่แรงเกินไป ผิวของเราก็ต้องรับภาระที่หนักไปด้วย ใครที่ผิวแพ้ง่ายก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ควรเลือกใช้เซรั่มวิตามินซีที่มีความเข้มข้นอยู่ในช่วง 5 – 20% โดยระดับที่ 20% จะเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุด แต่ก็อาจจะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวได้มาก จึงไม่เหมาะกับคนที่มีผิวบอบบาง ข้อแนะนำสำหรับผู้เริ่มใช้คือ ให้เริ่มจากความเข้มข้น 5% ก่อน เมื่อผิวปรับสภาพได้ดีแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มระดับความเข้มข้น
ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีผิวอ่อนบางและผิวแพ้ง่ายแนะนำให้เริ่มใช้จากความเข้มข้นต่ำๆ ไปก่อน แต่หากสาวๆ คนไหนใจร้อน รอไม่ไหว อยากใช้ที่ความเข้มข้นสูงเลย แนะนำให้ไปลองที่เคาน์เตอร์แบรนด์นั้นๆ หรือซื้อขนาดทดลองมาลองใช้ก่อนจะดีที่สุด
2. ตรวจสอบคุณสมบัติของเซรั่มวิตามินซี
นอกจากการเลือกเซรั่มจากความเข้มข้นของวิตามินซีแล้ว เรายังควรตรวจสอบคุณสมบัติสำคัญของเซรั่มด้วยว่าตรงกับความต้องการของเราหรือไม่ ซึ่งจะมีคุณสมบัติอะไรที่น่าสนใจบ้าง
2. ซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวได้ดี ปรับผิวหมองคล้ำให้ดูกระจ่างใส
วิตามินซีในรูปแบบเซรั่มมีความเข้มข้นมากกว่าวิตามินซีทั่วไป รวมถึงมีอณูบางเบาและมีโมเลกุลที่เล็กกว่าครีมชนิดอื่นๆ จึงควรมีคุณสมบัติที่ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็วและฟื้นบำรุงได้ล้ำลึกกว่า ดังนั้น หากสาวๆ เป็นคนนึงที่มีปัญหาเกี่ยวกับ ฝ้า กระ และผิวหมองคล้ำแล้วล่ะก็ ควรเลือกเซรั่มวิตามินซีชนิดที่สามารถซึมลึกและคงสภาพอยู่ได้นานๆ อย่างเซรั่มที่มีส่วนผสมของอนุพันธ์วิตามินซี
3. ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว
เซรั่มวิตามินซีมีฤทธิ์ช่วยรักษาริ้วรอย ต้านการอักเสบและยับยั้งการหลั่งไขมันของรูขุมขน และช่วยเพิ่มสารที่ช่วยดูดซับไขมันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ และที่สำคัญควรที่จะช่วยลดเลือนจุดด่างดำและรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้เซรั่มที่มีอนุพันธ์วิตามินซีที่มีความเข้มข้นสูง อาจทำให้ผิวหนังจะแสบร้อน และทำให้หน้าแห้งได้ แต่ก็ถือเป็นเป็นผลพลอยได้สำหรับสาวๆ ที่มีผิวหน้ามันง่าย และสำหรับคนไหนที่มีสิวอักเสบ ก็ควรจะระมัดระวังในการใช้งานระหว่างที่สิวกำลังเห่อ เพราะวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรด อาจจะกัดหน้าให้เป็นปัญหายิ่งกว่าเดิมได้
4. ยกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอยก่อนวัย
เนื่องจากช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไปชั้นผิวหนังจะเริ่มสร้างคอลลาเจนขึ้นมาน้อยลง จึงอาจทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าไม่กระชับ เกิดร่องลึกไม่น่ามอง เซรั่มวิตามินซีที่เลือกควรมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาทดแทน เพราะเมื่อผิวหน้าสร้างคอลลาเจนแล้ว ก็จะช่วยเพิ่มเซราไมด์และกรดไฮยาลูรอนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น กระชับมากขึ้น
นอกจากนี้ วิตามินซียังควรมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวเพื่อสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยลบเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวดูเต่งตึง สดใส และช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้อีกด้วย ดังนั้น หากใครใดอยากมีผิวหน้ากระชับ ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของอนุพันธ์วิตามินซีแบบเข้มข้นมาลองใช้ดู
5. อ่อนโยนต่อผิวหน้าที่บอบบาง แพ้ง่าย
สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและอ่อนโยนควรเลือกใช้เซรั่มวิตามินซีที่ผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ปราศจากสารเติมแต่งจำพวกกรด สารพาราเบน และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือควรเลือกใช้ครีมที่เป็นแบบ Hypoallergenic ได้รับการตรวจสอบแล้วว่าไม่ทำให้ผิวบอบบางแพ้ง่าย และสำหรับใครที่มีผิวค่อนข้างแห้ง ควรเลือกใช้เซรั่มวิตามินซีที่มีส่วนผสมของสารสกัดว่านหางจระเข้ หรือมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อคงความชุ่มชื้นของผิวหน้าเรา
แล้วเราจะนำวิตามินซีมาใช้ในสกินแคร์รูทีนกันอย่างไร?
สำหรับใครที่สับสนที่จะอยากใช้สกินแคร์วิตามินซี แต่ไม่รู้จะเพิ่มขั้นตอนนี้เข้าไปในการดูแลผิวยังไงได้บ้าง ต้องขอบคุณประโยชน์ที่หลากหลายของวิตามินซี ที่สามารถหาได้ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์เกือบทุกประเภท เช่น เซรั่ม คลีนเซอร์ โทนเนอร์ ไปจนถึงมอยส์เจอไรเซอร์
ส่วนการใช้วิตามินซีให้ปังนั้น แนะนำให้ใช้ ‘วิตามินซี’ ในช่วงกลางวัน ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ครีมกันแดดได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ‘วิตามินซี’ สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน สามารถเลือกปรับใช้ให้เข้ากับสกินแคร์รูทีนเพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวได้ตามต้องการ
อีกทั้งยังมีผลจากการวิจัยว่า การใช้วิตามินซีคู่กับวิตามินอี จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการฟื้นฟูผิวได้ดียิ่งขึ้น ลองหาผลิตภัณฑ์ที่รวมส่วนผสมทั้งคู่ไว้ในหนึ่งเดียวก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF CLINIQUE, DERMALOGICA, HERBIVORE, KATE SOMERVILLE, KIEHL’S, MURAD, NATURA BISSÉ, ORIGINS, PUALA’S CHOICE, PERRICONE MD, STRIVECTIN, SUNDEY RILEY
STOCK PHOTOS: Image by Freepik , Image by topntp26 on Freepik
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่