สร้างตำนานบทใหม่กับผลงานสร้างสรรค์ล่าสุดของ Jacob & Co. Epic X ด้วยงานออกแบบใหม่ ผสานด้วยนวัตกรรมแห่งเรือนเวลาข้อมือ
เป็นอีกหนึ่งผลงานที่เปิดตัวภายในงาน Geneva Watch Days 2022 จากแบรนด์นาฬิกาอิสระแนวคิดสุดล้ำยุค อย่าง Jacob & Co. (จาค็อบ แอนด์ โค.) โดยในปีนี้ แบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ของ Epic X ที่สืบทอดมาจากต้นตำรับของคอลเลกชันนาฬิกาสปอร์ตสเกเลตัน ด้วยงานดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งนำมาออกแบบใหม่ให้มีความปราดเปรียวยิ่งขึ้น รวมถึงถ่ายทอดด้วยเส้นสายที่ชัดเจน พร้อมทั้งรายละเอียดและเอกลักษณ์ที่ยังคงสะท้อนความเป็น Jacob & Co. ไว้ตั้งแต่แรกเห็น
นับจากดีไซน์ของรูปทรง ที่ใน Epic X ได้ถอดรหัสใหม่ด้วยมิติและพื้นผิวการตกแต่งอันทันสมัยยิ่งขึ้น ทั้งยังคงเป็นผลงานหนึ่งในนาฬิกาไม่กี่รุ่นของแบรนด์ที่ผลิตจากวัสดุสตีล โดยมาพร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44.0 มิลลิเมตร ตลอดจนสายสร้อยข้อมือสเตนเลสสตีลออกแบบใหม่ทั้งหมด ประกอบด้วยหูตัวเรือนเชื่อมสายรูปทรง X ซึ่งเป็นที่มาของชื่อคอลเลกชัน ซึ่งรับกับโครงสร้างสถาปัตยกรรมภายในที่ติตตั้งด้วยกลไกสเกเลตันจัดวางในแนวตั้ง พร้อมการตกแต่งบนสะพานจักรด้วยลวดลายแกะสลักกิโยเช่ Clou de Paris (Parisian hobnail) ลวดลายอันคลาสสิกในการประดิษฐ์นาฬิกาที่มอบผลลัพธ์ของการเล่นกับแสงสะท้อนได้อย่างสวยงามและสม่ำเสมอ ขณะที่ยังมีให้เลือกอีกหนึ่งเวอร์ชันล้ำค่าของตัวเรือนโรสโกลด์ทั้งเรือน ซึ่งทั้งสองเวอร์ชันออกแบบไว้ด้วยบ่าปกป้องเม็ดมะยมแบบใหม่ หูตัวเรือนแบบใหม่ และเปิดตัวแนะนำด้วยชิ้นส่วนประกอบอลูมิเนียมใหม่ที่ตกแต่งด้วยเฉดสีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีดำ ซึ่งสามารถนำมาผสมผสานเข้ากับสไตล์อันทันสมัยของนวัตกรรมภายในรุ่นนี้ได้อย่างไม่สิ้นสุด
คอลเลกชัน Epic X ของ Jacob & Co. เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2015 และนับเป็นการตอกย้ำถึงสถานะอย่างสมบูรณ์แบบของการเป็นแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาสร้างสรรค์ ที่ต่อยอดแนวคิดและเทคโนโลยี รวมถึงบุกเบิกด้านนวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง นับจากรุ่นไอคอนิกที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง Five Time Zone Watch ซึ่งถูกเลือกสวมใส่โดยเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังมากมาย ทำให้ชื่อของ Jacob & Co. กลายเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย พร้อมๆ กันกับการขับเคลื่อนไปสู่การสร้างสรรค์เรือนเวลาด้วยคุณสมบัติแห่งเครื่องบอกเวลาอันครบเครื่องและล้ำสมัย เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับคอลเลกชัน Epic X ที่นำเทรนด์มาด้วยรูปลักษณ์นาฬิกาสไตล์สปอร์ตหรูชั้นสูง ทั้งบรรจบกับความสลับซับซ้อนทางจักรกล เช่นในรุ่น Epic X Chrono และ Epic X Tourbillon จึงนับเป็นอีกหนึ่งในฮีโรนาฬิกาแห่งยุค 2020s ของแบรนด์
สำหรับใน Epic X ใหม่พลิกโฉมด้วยการมาพร้อมกับตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44.0 มิลลิเมตร และหนา 13.05 มิลลิเมตร พร้อมทั้งสายสร้อยข้อมือด้วยงานออกแบบใหม่ทั้งหมด ที่ได้ต้นแบบมาจากมุมและความโค้งต่างๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเรือน นำมาสู่การสร้างสรรค์สายสร้อยข้อมือแบบห้าแถว ผ่านการขัดเงาและขัดขอบลบมุมเสมือนประติมากรรมสามมิติ รวมทั้งฐานทรงโค้งและรูปทรงครึ่งแปดเหลี่ยมโดดเด่น ซึ่งล้วนออกแบบมาเพื่อมอบความทนทานและสวมใส่บนข้อมือได้อย่างสะดวกสบาย มากไปกว่านั้น ยังมีตัวเลือกของสายยางตกแต่งลวดลายรังผึ้งอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ด้วย
Epic X ยังนำเสนอด้วยแนวคิดของการออกแบบและผสมผสานองค์ประกอบได้อย่างหลากหลาย ทั้งการเลือกผสมผสานระหว่างวัสดุ สี และการประดับอัญมณี โดยนำร่องด้วยการเปิดตัวสามตัวอย่างที่สะท้อนถึงความหลากหลายนี้ เช่น ตัวเรือนสเตนเลสสตีลคู่กับชิ้นส่วนทำจากอลูมิเนียมสีน้ำเงิน มาพร้อมสายสร้อยข้อมือสเตนเลสสตีลหรือสายยางสีดำ หรือตัวเรือนโรสโกลด์คู่ด้วยชิ้นส่วนอลูมิเนียมสีเขียว จับคู่มากับสายสร้อยข้อมือโรสโกลด์หรือสายยางสีดำ และตัวเรือนเคลือบ DLC สีดำ พร้อมการตกแต่งรายละเอียดสีดำ ลงตัวกับสายยางสีดำ ขณะที่คุณสมบัติโดดเด่นอื่นๆ นั้นยังคงได้รับการรักษาไว้ในซีรีส์ใหม่ และผ่านการปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อเสริมด้านความสวยงามและความสมดุลลงตัวมากยิ่งขึ้น เช่น ขอบตัวเรือนแบบขั้น ที่ในรุ่นนี้ผ่านการขัดผิวเรียบและขัดเงาและด้วยมุมที่ลึกขึ้น ส่วนหูตัวเรือนรูปทรง X มีความหนาและหนักแน่นขึ้น โดยยื่นขึ้นมาเหนือกระจกแซฟไฟร์เล็กน้อยเพื่อการปกป้องนาฬิกา ขณะที่ปลายแต่ละด้านยังตกแต่งแบบมุมและเป็นแนวตั้งตรงมากขึ้นเพื่อให้ติดตั้งเข้ากับสายได้ดียิ่งขึ้น อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญคือแถบตัวเรือนที่ขยายออกเล็กน้อย เพื่อมอบเป็นฐานให้กับบ่าปกป้องเม็ดมะยมได้ดีขึ้น ตลอดจนเม็ดมะยมเองก็ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ โดยมาพร้อมสองระดับและปลายสตีลแบบเซาะร่องช่วยให้จับใช้งานได้ง่าย ส่วนองค์ประกอบที่เป็นสีสันต่างๆ นั้นยังถูกนำมาเล่นไว้กับการตกแต่งขอบด้านข้างของตัวเรือนนาฬิกา
ในนาฬิกา Epic X รุ่นใหม่ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานด้วยมือ Caliber JCAM45 ซึ่งสามารถมองเห็นได้ผ่านฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ รวมถึงด้านหน้าปัด ด้วยสไตล์ของกลไกแบบสเกเลตันที่เปลือยโปร่งให้เป็นโครงสร้างและชิ้นส่วนกลไกอันซับซ้อน โดยถ่ายทอดให้เห็นชิ้นส่วนสำคัญของกลไกการขับเคลื่อนภายในนาฬิกา ทั้ง สปริง “Octopus” อันเป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งตลับลานขนาดกว้าง ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และบาลานซ์วีล ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ที่สะท้อนถึงรูปทรง X แนวตั้ง ดีไซน์หลักของรุ่น ขณะที่เสริมไว้ด้วยความโดดเด่นของสะพานจักรแนวตั้ง ที่ยังใช้สำหรับพิมพ์ประทับสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่ในรุ่นนี้ได้ย้ายมาอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา โดยกลไกซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 14.25 มิลลิเมตร และหนา 5.9 มิลลิเมตรนี้ ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 4 เฮิรตซ์ และสำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง มาพร้อมการแสดงชั่วโมงและนาที ด้วยเข็มชี้ทรงบาตอง (Bâton-shaped) แบบฉลุโปร่งและปลายสีแดง สำหรับนาฬิการุ่นล่าสุดนี้คงประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 50 เมตร หรือ 5 atm
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF JACOB & CO.
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่
