ร่วมอนุรักษ์และปกป้อง “พะยูน” หนึ่งในสัตว์ทะเลหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ Oris เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ Payoon Limited Edition นำรายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุนสนับสนุนการทำงานของกลุ่มพิทักษ์ท้องทะเล
Oris Payoon Limited Edition “หญิงงามแห่งท้องทะเล” (The Lady of the Sea) หรือ มาเรียม (Mariam) ชื่อที่มีความหมายถึงผู้หญิงผู้สง่างามแห่งท้องทะเลในภาษาอาหรับ และถูกตั้งให้กับลูกพะยูนแสนน่ารักวัยสามเดือนที่พลัดหลงจากแม่ และพบเข้ามาเกยตื้นบริเวณชายฝั่งจังหวัดกระบี่ของไทยเมื่อเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2019 โดยได้รับความช่วยเหลือ และถูกเคลื่อนย้ายสู่พื้นที่ในการเลี้ยงดูอนุบาลมาเรียมที่เริ่มต้นขึ้นในเกาะลิบง ที่ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของพะยูนทางภาคใต้ของไทย ปฏิบัติการช่วยเหลือครั้งนี้ได้กลายเป็นเรื่องราวที่ผู้คนทั่วโลกติดตาม นับจากภาพแรกๆ ของมาเรียมในอ้อมกอดของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครจากกลุ่มพิทักษ์ดุหยง รวมถึงความน่ารักและเรื่องราวการสู้ชีวิตเพื่อเติบโตอยู่รอด ทำให้มาเรียมยังกลายเป็นขวัญใจที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากทั้งในโซเชียลมีเดียและผู้คนทั่วไป และแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่โลกได้รู้จักกับมาเรียม แต่เรื่องราวของพะยูนวัยเยาว์นี้ก็ได้มอบความรู้และปลุกสำนึกถึงการปกป้องและอนุรักษ์พะยูนไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยที่ปัจจุบันนั้นนับว่ามีประชากรพะยูนอาศัยอยู่ในน่านน้ำไทยเพียง 250 ตัว ทว่า เรื่องราวของมาเรียมอาจทำให้ตัวเลขเหล่านี้ส่งสัญญาณบวกที่จะเพิ่มจำนวนประชากรพะยูนได้มากขึ้นในอนาคต
“พะยูนเป็นสัตว์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุดในโลก” กล่าวโดย ชิน ศิรชัย อรุณรักษ์ติชัย นักอนุรักษ์ทางทะเล และช่างภาพสารคดีใต้น้ำของประเทศไทยมือรางวัลระดับโลก และเขาเองได้เข้าติดตามการช่วยเหลือมาเรียมในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน โดยพะยูนเป็นหนึ่งในสัตว์สกุลไซรีเนียหรือวัวทะเล เป็นสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่และเชื่อง พบได้ทั่วภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเขตร้อน ในบริเวณชายฝั่งที่มีแหล่งหญ้าทะเลอุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์ทะเลหายากชนิดนี้ ซึ่งพะยูนถูกจัดให้เป็นสัตว์สงวนของไทย ที่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายในระดับสูงสุด แต่กระนั้น หากมองย้อนไปตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ประชากรพะยูนในธรรมชาติแทบไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเลย โดยจากรายงานล่าสุดในการบินสำรวจโดยกรมทรัพยากรและชายฝั่ง พะยูนในน่านน้ำไทยน่าจะมีอยู่เพียง 250 ตัวเท่านั้นเอง
และด้วยเพราะพะยูนขยายพันธุ์ได้ช้า ออกลูกน้อย การที่ประชากรของพะยูนจะเพิ่มขึ้นได้นั้นต้องใช้เวลานาน ซึ่งสวนทางกับภัยคุกคามต่างๆ ในทะเล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลโดยตรงจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ เช่น การรุกล้ำโดยตรง การเข้าไปติดในเครื่องมือประมง การถูกเรือชน มลพิษหรือขยะทางทะเล หรือการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยหากิน โดยเฉพาะเมื่อแนวหญ้าทะเลของเกาะลิบงได้เสียหายไปเป็นพื้นที่กว้างในช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ จึงนับเป็นเรื่องสำคัญในการคุ้มครองดูแลพื้นที่แหล่งหญ้าทะเล เพื่อให้พะยูนสามารถอยู่รอดต่อไปได้ในท้องทะเลไทย ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มีหลากหลายกลุ่มและกิจกรรมในการพิทักษ์และปกป้องสัตว์ทะเล รวมถึงพิทักษ์ความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลเกิดขึ้น เช่นการทำงานของกลุ่มผู้พิทักษ์ดุหยงของเกาะลิบง ในการสำรวจติดตามดูแลแหล่งหญ้าทะเล และเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจตราพื้นที่และช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากในบริเวณเกาะลิบง
รวมถึงความร่วมมือล่าสุดของ Oris (โอริส) ที่สร้างสรรค์นาฬิการุ่นพิเศษ Payoon Limited Edition ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง 250 เรือนทั่วโลก และมีเพียง 100 เรือนในประเทศไทย พร้อมกล่องบรรจุออกแบบขึ้นพิเศษ อันเป็นตัวแทนของการสื่อถึงข้อความสำคัญในการอนุรักษ์พะยูนและฟื้นฟูธรรมชาติ นอกจากนี้ยังนับเป็น “Thailand Special Edition” ด้วยชื่อรุ่น “Payoon” ตามคำว่า “พะยูน” ในภาษาไทย โดยความโดดเด่นของผลงานรุ่นนี้เริ่มต้นด้วยหน้าปัดสีเขียวแบบไล่กราเดียนท์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสีของน้ำทะเลบริเวณเกาะลิบง ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของประชากรพะยูนเกือบ 60% ในประเทศไทย ผสมผสานด้วยวงแหวนขอบตัวเรือนทำจากสเตนเลสสตีล ตกแต่งในโทนสีเทาของผิวพะยูน กลมกลืนกับตัวเรือนของ Aquis ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43.5 มิลลิเมตร ทำจากสเตนเลสสตีล รวมถึงความพิเศษอีกหนึ่งจุดของฝาหลังที่สลักด้วยรูปพะยูนสองตัว แม่และลูก อันเป็นสัญลักษณ์ถึงสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พร้อมหมายเลขผลิตจำนวนจำกัด
เชื่อมโยงระหว่างโลกแห่งเรือนเวลาและโลกใต้ท้องทะเล ที่นาฬิการุ่นนี้ได้เลือกนำพื้นฐานจาก Aquis Date Calibre 400 มาใช้ โดยติดตั้งด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Calibre 400 ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 4 เฮิรตซ์ ซึ่งมีความโดดเด่นของคุณสมบัติ ทั้งการต้านทานสนามแม่เหล็กระดับสูง และสำรองพลังงานได้ถึง 5 วัน หรือ 120 ชั่วโมง พร้อมด้วยการแสดงวันที่ขนาดใหญ่ขึ้น ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ชัดเจนในการอ่านค่าด้วยแผ่นดิสก์วันที่สีขาวตัดกับตัวเลขสีดำ รวมถึงการปรับตั้งได้อย่างแม่นยำ ขณะที่ยังคงประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 30 บาร์ หรือ 300 เมตร
ผสานด้วยขอบตัวเรือนปรับหมุนได้ทิศทางเดียวที่บรรจุสเกลนาทีแบบนูน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานและจับเวลาขณะดำน้ำ เช่นกันกับการติดตั้งบนหน้าปัดด้วยเข็มชี้และมาร์กเกอร์บอกเวลาเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova® มอบการค่าเวลาได้อย่างชัดเจนในทุกสภาวะแสง ตลอดจนความลงตัวของสายนาฬิกา พร้อมกับระบบ Quick Strap Change สิทธิบัตรของ Oris ที่ผ่านการออกแบบและพัฒนามาเพื่อให้สามารถถอดเปลี่ยนสายได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วยใดๆ ทั้งกับสายสเตนเลสสตีลปรับขยายได้ด้วยตัวพับล็อกสาย หรือสายหนังที่จับคู่ลงตัวมากับรุ่นนี้
และนอกเหนือจากจะได้ครอบครองนาฬิการุ่นพิเศษ ดีไซน์สวยเฉพาะหนึ่งเดียวนี้แล้ว เจ้าของนาฬิกา Payoon Limited Edition ทุกเรือนยังมีส่วนร่วมในการนำรายได้ส่วนหนึ่งไปสมทบทุนสนับสนุนการทำงานของกลุ่มผู้พิทักษ์ดุหยงของเกาะลิบง นอกจากนี้ Oris และแคมเปญ Change For The Better ของแบรนด์ก็ยังคงเดินหน้าสานต่อความร่วมมือกับองค์กรและกิจกรรมต่างๆ ที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้นมาสู่สิ่งแวดล้อมและชุมชนที่เปราะบาง เช่นการอนุรักษ์และเพิ่มจำนวนประชากรพะยูน สัตว์ทะเลหายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์ในน่านน้ำทะเลไทยต่อไป
CREDITS:
PHOTOS /VIDEO: COURTESY OF ORIS
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่