การเดินทางข้ามกาลเวลาอันเปี่ยมด้วยสไตล์และงานดีไซน์ต้นตำรับของนาฬิกา Hermès Arceau Le temps voyageur
จากผ้าพันคอไหม Planisphere d’un monde équestre ที่รังสรรค์ด้วยลวดลายโลกและแผนที่อันเหนือจินตนาการโดย Jérôme Colliard กับมิติแห่งดาวเคราะห์ที่เคลื่อนโคจรไปบนแผนที่อันแสนอัศจรรย์ ทั้งยังเป็นตัวแทนการอุปมาถึงความเชื่อมโยงระหว่างม้า และ House of Hermès (เฮาส์ ออฟ แอร์เมส) โดยงานออกแบบนี้ยังได้แรงบันดาลใจมาจากลูกโลก ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นโดยนักออกแบบกราฟิกชาวฝรั่งเศสสําหรับการแข่งขันโชว์กระโดดม้า Saut Hermès ในปี ค.ศ. 2016 ณ กรุงปารีส ด้วยแผนที่โลกแห่งจินตนาการที่ถ่ายทอดผ่านงานภาพวาดเขียนอันแปลกตา รวมถึงชื่อต่างๆ ที่ชวนให้หวนนึกถึงความรักความหลงใหลของผู้ขี่ม้าที่มีต่อขุนเขาอันกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งดูคล้ายกับวาดมาจากเอกสารทางประวัติศาสตร์ของนักภูมิศาสตร์แห่งดินแดนอันแสนลึกลับ การตีความอันมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวนี้จึงเชื้อเชิญให้เราเดินทางผ่านอาณาจักรแห่งจินตนาการของ Hermès และนำทางมาสู่การสร้างสรรค์นาฬิการุ่นล่าสุดอย่าง Arceau Le temps voyageur
ภายใต้งานออกแบบของคอลเลกชัน Arceau จุดเด่นของผลงานนี้ จึงไม่เพียงถ่ายทอดความร่วมสมัยและเหนือจินตนาการ แต่ยังอยู่ที่สไตล์ต้นตำรับของดีไซน์นาฬิกา Arceau ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นโดย Henry d’Origny ในปี ค.ศ. 1978 ด้วยเอกลักษณ์ของตัวเรือนทรงกลมและหูตัวเรือนแบบอสมมาตร ที่ Arceau ได้กลายเป็นผืนผ้าใบให้กับการสร้างสรรค์งานศิลปะและหัตถศิลป์อันงดงามมาแล้วมากมาย ทั้งยังผ่านการแสดงออกครั้งใหม่ๆ แห่งสไตล์มาอย่างต่อเนื่อง ชวนให้นึกถึงจิตวิญญาณแห่งการเดินทางตามวิถีแห่ง Hermès ซึ่งนั่นคือการค้นพบ ด้วยความกล้าที่จะก้าวไปไกลยิ่งกว่า และเชื้อเชิญสู่การเดินทางอย่างไม่มีสิ้นสุดและเหนือซึ่งกาลเวลาเสมอ
Hermès Arceau Le temps voyageur จึงเกิดจากการผสมผสานระหว่างภาพแห่งจิตนาการของการเดินทางเสมือนจริง สู่โลกแห่งความจริงและเรื่องราวแห่งคุณภาพในฐานะเครื่องบอกเวลาสลับซับซ้อนอันเที่ยงตรงแม่นยำ โดยในผลงานรุ่นนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยตัวเรือนแพลทินัมและไทเทเนียม หรือตัวเรือนสตีลทั้งหมด ภายใต้รูปทรงและเอกลักษณ์ของตัวเรือนทรงกลมพร้อมหูตัวเรือนแบบอสมมาตร ขณะที่บนหน้าปัดได้เปิดพื้นที่สำหรับการแสดงและอ่านค่าเวลาเวิลด์ไทม์ (world time) ในวิถีใหม่ สะท้อนถึงการเคลื่อนที่จากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง ขณะออกเดินทางข้ามไทม์โซน
เหนือฉากหลังสีดําสนิทหรือสีน้ำเงินเข้มบนหน้าปัดสองเวอร์ชันของรุ่น ได้เผยภาพของทวีปและมหาสมุทรต่างๆ แห่งจักรวาลราวดั่งฝัน ซึ่งโดดเด่นด้วยการตกแต่งแบบนูนและมีมิติ รวมถึงงานฝีมือการตกแต่งอันประณีตอื่นๆ เช่นงานแล็กเกอร์, งานขัดแซนด์บลาสต์ (sandblasted), ขัดแต่งลายซันเบิรสต์ (sunburst), การพิมพ์ประทับ หรือแม้แต่การโปรยด้วยผงโทนสีเงิน ที่นำมาประยุกต์ใช้ผสมผสานเข้ากับรูปแบบของการแสดงเวลาและฟังก์ชันสำหรับเหล่านักเดินทางได้อย่างลงตัว โดยบรรจุไว้ด้วยความซับซ้อนของการแสดงเวลาเวิลด์ไทม์ ที่ถ่ายทอดผ่านโมดูลจักรกล “Travelling time” ซึ่งพัฒนาขึ้นเฉพาะสําหรับ Hermès ด้วยการแสดงเวลาของ 24 ไทม์โซนผ่านการใช้ดิสก์วงกลมเคลื่อนที่เสมือนหน้าปัดย่อยที่กำลังออกเดินทางข้ามทวีป และข้ามไทม์โซน จากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมือง โดยทำงานร่วมกับช่องหน้าต่างทรงโค้งบนขอบหน้าปัด ณ ตําแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่งทําหน้าที่แสดงเวลาบ้านเกิด (home time) เฉพาะโมดูลพิเศษนี้ประกอบด้วยชิ้นส่วนถึง 122 ชิ้น แต่บรรจุภายใต้ความหนาเพียง 4.4 มม. ซึ่งผสมผสานเข้ากับกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Hermès H1837 ที่มอบพลังการขับเคลื่อนให้กับทั้งการแสดงชั่วโมง นาที และเวิลด์ไทม์ทั้งหมด จากการประกอบชิ้นส่วนกลไก 193 ชิ้น และทับทิม 28 เม็ด โดยทำงานความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 4 เฮิรตซ์ และบรรจงตกแต่งแท่นเครื่องด้วยลวดลายเกรนวงกลมและลายขดหอย รวมถึงสะพานจักรและโรเตอร์ขัดด้านซาติน ตกแต่งลวดลายสัญลักษณ์ “sprinkling of Hs” ไว้อย่างประณีต
สำหรับ Arceau Le temps voyageur เผยโฉมในสองรุ่น ทั้งการตีความอันสง่างามภายใต้ตัวเรือนแพลทินัม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41.0 มิลลิเมตร ที่เสริมเสน่ห์ด้วยขอบตัวเรือนไทเทเนียม เกรด 5 เคลือบ DLC สีดําแบบด้าน คู่ด้วยหน้าปัดสีดำตกแต่งแบบกัลวาไนซ์ พิมพ์ประทับด้วยสีเทาอ่อนของชื่อทวีปและสัณฐานต่างๆ มหาสมุทรแกะสลักด้วยเลเซอร์ รวมถึงเส้นเมริเดียนและเส้นขนานพิมพ์ประทับด้วยสีเทาชาร์โคล ส่วนบนหน้าปัดย่อยเคลื่อนที่ตกแต่งแบบแซนด์บลาสต์ พร้อมขอบแบบไล่เฉดตกแต่งด้วยแล็กเกอร์ทองสีดำ ขณะที่ขอบวงแหวนชื่อเมืองสีดำตกแต่งแบบแซนด์บลาสต์ ตัดกับชื่อเมืองต่างๆ ที่พิมพ์ประทับด้วยผงโทนสีเงิน บรรจุด้วยเข็มชี้ทองสีดำเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova® สำหรับการอ่านค่าได้อย่างชัดเจน
และในเวอร์ชันสตีลทั้งเรือน หรือประดับเพชร 78 เม็ด มาพร้อมตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 38.0 มิลลิเมตร คู่กับหน้าปัดสีน้ำเงิน พร้อมด้วยรายละเอียดของการแสดงเวลาซึ่งตกแต่งในโทนสีน้ำเงิน และการพิมพ์ประทับด้วยสีขาวโดดเด่น ขณะที่เข็มชี้ชุบโรเดียมเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova® เช่นกัน ทั้งสองรุ่นประกอบคู่มากับสายหนังจระเข้ หรือสายหนังวัว Swift ที่รังสรรค์ขึ้นภายในห้องปฏิบัติการ Hermès Horloger สอดคล้องตามวิถีและความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์อานม้าและเครื่องหนัง มรดกที่สืบทอดไว้อย่างมั่นคงโดย House of Hermès แห่งนี้
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF HERMÈS
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่