Oris มุ่งมั่นในพันธกิจของการสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น กับความร่วมมือและการสนับสนุนองค์กร Billion Oyster Project พร้อมเปิดตัวนาฬิการุ่นล่าสุด Oris New York Harbor Limited Edition
Oris New York Harbor Limited Edition ให้ความสำคัญกับแหล่งน้ำของโลก ที่เป็นทรัพยากรแห่งชีวิต ที่ Oris (โอริส) ได้จับมือร่วมงาน พร้อมให้การสนับสนุน Billion Oyster Project องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูหอยนางรมหนึ่งพันล้านตัวให้กับนิวยอร์กฮาร์เบอร์ โดยการสานต่อความร่วมมือครั้งใหม่กับ Billion Oyster Project และผสานวิสัยทัศน์ของโครงการที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นนี้ เพื่อที่จะฟื้นฟูประชากรหอยนางรมหนึ่งพันล้านตัวสู่แหล่งน้ำอันเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองภายในปี 2035
เมื่อหลายศตวรรษก่อน นิวยอร์กฮาร์เบอร์เคยเป็นที่ตั้งของแนวประการังหอยนางรมขนาด 220,000 เอเคอร์ ซึ่งหอยนางรมที่โตเต็มวัยสามารถกรองน้ำได้มากถึง 50 แกลลอนต่อวัน ในขณะที่หอยนางรมที่เกาะรวมอยู่กันเป็นกลุ่มนั้น มีความสำคัญต่อระบบนิเวศสำหรับสัตว์ทะเลอื่นๆ และยังก่อตัวเป็นแนวกั้นพายุตามธรรมชาติ โดยแนวปะการังหอยนางรมในมหาสมุทรนั้นเปรียบได้กับแนวต้นไม้ของผืนป่า แต่เมื่อมหานครนิวยอร์กเจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในฐานะศูนย์กลางทางการค้าและการขนส่งของโลก ความนิยมในการบริโภคหอยนางรมก็มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ในอ่าวนิวยอร์กได้กลายเป็นพื้นที่ทิ้งสิ่งปฏิกูล ของเสียจากอุตสาหกรรม และมลพิษอื่นๆ โดยในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 น้ำในอ่าวเกิดความสกปรกและเกิดโรค ทำให้จำนวนสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้น้ำหายไปจนเกือบหมด จวบจนกระทั่งปี ค.ศ. 1972 พระราชบัญญัติน้ำสะอาดของนิวยอร์กจึงได้ผ่านการรับรอง ซึ่งห้ามมิให้มีการทิ้งขยะและน้ำเสียที่ยังไม่ผ่านการบำบัดลงสู่อ่าว ในเวลาไม่นานต่อมา คุณภาพน้ำก็เริ่มกลับมาฟื้นฟูดีขึ้น และเมื่อเข้าสู่ยุคมิลเลนเนียมสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลจึงเริ่มคืนกลับมา และในปี ค.ศ. 2010 ยังมีการพบวาฬในบริเวณอ่าวนิวยอร์ก ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดี
กระทั่ง ในปี ค.ศ. 2014 Billion Oyster Project จึงได้เริ่มก่อตั้งขึ้นโดยนักการศึกษา Murray Fisher และ Pete Malinowski ซึ่งตระหนักดีว่า หากปราศจากการให้ความรู้แก่คนรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อๆ ไปในอนาคตแล้ว ความพยายามในการอนุรักษ์ก็จะไร้ประโยชน์ โดยตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โครงการนี้ได้นำพาอาสาสมัคร 11,000 คน นักเรียน 8,000 คน โรงเรียนในนิวยอร์ก 100 แห่ง และร้านอาหารกว่า 50 แห่ง มารวมตัวกันเพื่อช่วยกันวางหอยนางรม สร้างแนวปะการัง และดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ของโครงการอันแน่วแน่นี้ต่อไป และผลลัพธ์จากความร่วมมือกันนี้ ไม่เพียงนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น แต่โครงการ Billion Oyster Project นี้ยังได้นำตัวอ่อนหอยนางรม 75 ล้านตัวไปยังแหล่งฟื้นฟู 18 แห่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 14.5 เอเคอร์ของนิวยอร์กฮาร์เบอร์ และประชากรหอยนางรมในขณะนี้ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง นับเป็นวางแผนการดำเนินที่ยั่งยืนต่อไป
แนวทางที่สอดคล้องกันกับพันธกิจของ Oris ซึ่งให้ความสำคัญกับแหล่งน้ำของโลกอันเป็นทรัพยากรแห่งชีวิต ผ่านโครงการต่างๆ มากมาย ทั้งการทำความสะอาด ฟื้นฟู และปกป้องแหล่งน้ำ รวมถึงการเผยแพร่ความรู้ผ่านเรื่องราว กิจกรรม และผลงานสร้างสรรค์นาฬิการุ่นต่างๆ เช่น โครงการที่เกี่ยวข้องกับสรรพชีวิตที่อาศัยอยู่รอบสถานีตรวจวัดน้ำในทะเลสาบไบคาล โครงการฟื้นฟูปลูกปะการังในออสเตรเลียและฟลอริดา ตลอดโครงการริเริ่มในการกำจัดขยะพลาสติกในมหาสมุทร เช่นเดียวกับที่ในปี ค.ศ. 2021 องค์กร Climate Partner ได้ให้การรับรองว่า Oris เป็นบริษัทที่รับผิดชอบและเป็นมิตรต่อสภาพอากาศ หลังจากนั้นแบรนด์จึงได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนฉบับแรก ในแบบ ‘จุดเริ่มต้น’ ที่มีการระบุถึงรายละเอียดของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ซึ่งเกิดจากกิจกรรมการดำเนินการของบริษัท วิธีการในการชดเชย และแนวทางที่จะลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลง 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในอีกสามปีข้างหน้าตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยมีหลักการและเจตคติหลักคือความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้นที่เกิดขึ้นในทุกๆ กระบวนการและขั้นตอนการดำเนินงาน รวมไปถึงทุกผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์เปิดตัว เช่นเดียวกับการตัดสินใจ และทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินการของบริษัท และในวันนี้ Oris ยังคงมุ่งมั่นในโครงการความร่วมมือกับ Billion Oyster Project เช่นกัน
เพื่อให้การสนับสนุนงานของหนึ่งในโครงการบุกเบิกนี้ Oris ยังพร้อมเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษล่าสุดใน ใน New York Harbor Limited Edition ซึ่งผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 2,000 เรือน โดยรังสรรค์ขึ้นจากฐานตัวเรือน Aquis ที่เป็นนาฬิกาดำน้ำสมรรถนะสูงยอดนิยมของแบรนด์ กับความพิเศษและโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยเอกลักษณ์ของหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีเขียว ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีของน้ำบริเวณอ่าวนิวยอร์กอันมีชื่อเสียง และเปลือกหอยนางรม สัญลักษณ์ทรงพลังของเรื่องราวแห่งความร่วมมือครั้งนี้
โดยนำเสนอคู่มากับหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีเขียว และยังคงบรรจุไว้ด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova® ทั้งบนเข็มชี้และเครื่องหมายขีดบอกเวลา ปกป้องด้วยกระจกแซฟไฟร์โค้งแบบโดม เคลือบสารกันแสงสะท้อนด้านใน มาพร้อมกับตัวเรือนสเตนเลสสตีลประกอบหลายชิ้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41.50 มิลลิเมตร ซึ่งผสานเข้ากับขอบตัวเรือนสเตนเลสสตีลปรับหมุนได้ทิศทางเดียว พร้อมทั้งสลักด้วยสเกลนาทีแบบนูนสำหรับการอ่านค่าได้สะดวกง่ายดาย
ส่วนบนฝาหลังแบบขันสกรูทำจากสเตนเลสสตีล แกะสลักสัญลักษณ์พิเศษของรุ่น ติดตั้งด้วยเม็ดมะยมนิรภัยทำจากสเตนเลสสตีลแบบขันเกลียว และมาพร้อมกับทั้งสายยางสีเขียว สายสเตนเลสสตีลแบบหลายชิ้น รวมถึงเฟืองล็อกสายแบบบานพับพร้อมส่วนขยายความยาวสายได้ง่ายดายรวดเร็ว ส่งมอบมาพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนสาย และคงประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึก 30 บาร์ หรือ 300 เมตร
ภายในขับเคลื่อนด้วยการทำงานของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Calibre Oris 733 ที่ครบด้วยฟังก์ชันแสดงชั่วโมง นาที และวินาทีบนหน้าปัดกลาง คู่กับการจัดวางช่องหน้าต่างแสดงวันที่ไว้ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา รวมทั้งระบบหยุดเข็มวินาที สำหรับการปรับตั้งเวลาได้อย่างแม่นยำ โดยสำรองพลังงานได้ 38 ชั่วโมง นาฬิการุ่นผลิตจำนวนจำกัด 2,000 เรือน พร้อมหมายเลขประจำตัวเรือนนี้ บรรจุมาในกล่องออกแบบพิเศษเฉพาะ
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF ORIS
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่