Rado สานต่อจินตนาการและแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สู่ซีรีส์นาฬิกาล่าสุดในชื่อ “Four Seasons” กับตัวแทนนาฬิกาแห่งสี่ฤดูกาล
นับตั้งแต่จับมือร่วมงานกับ Grandi Giardidi Italiani องค์กรด้านการจัดสวน ในปี ค.ศ. 2017 นาฬิกา Rado (ราโด) และองค์กรฯ ได้ร่วมกันเผยผลงานสร้างสรรค์เรือนเวลาขึ้นจากแรงบันดาลใจของธรรมชาติ และนำมาสู่การพัฒนาเป็นคอลเลกชัน True Thinline Nature พร้อมทั้งผลงานที่เปิดตัวมาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เพียงถ่ายทอดการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญด้านวัสดุ อย่าง ไฮเทคเซรามิกสีของ Rado เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความสวยงามของธรรมชาติบนผืนโลกเท่านั้น แต่ผลงานในแต่ละซีรีส์ยังได้เป็นตัวแทนของแรงบันดาลใจและจินตนาการที่ได้รับการตีความใหม่อย่างสร้างสรรค์ พร้อมทั้งจุดประกายความคิดและแสดงออกผ่านนาฬิกาหลากหลายรูปแบบ เช่นเดียวกับในปี ค.ศ. 2021 ที่ Rado ได้ขยายจำนวนการผลิตนาฬิกาคอลเลกชันนี้ออกเป็นสามรุ่น ภายใต้ชื่อที่สื่อความหมายและความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานแห่งธรรมชาตินี้ได้อย่างลงตัว นั่นคือ Rado True x Great Gardens of the World พร้อมทั้งนำเทคนิคชั้นยอดจากผลงานรุ่นแรกๆ มาใช้ผสมผสานกับการออกแบบใหม่อันน่าทึ่ง ทั้งการตกแต่งด้วยลวดลายใบโอ๊ค ดอกมะลิ เปลือกหอยมุก หลอมรวมเข้ากับสีสันของตัวเรือนไฮเทคเซรามิกหลากสี ที่นับเป็นอีกครั้งกับการประกาศถึงความสำเร็จของนาฬิกาซีรีส์พิเศษนี้ที่ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
จวบจนการเดินทางครั้งล่าสุดสู่ผลงานสร้างสรรค์ของปี ค.ศ. 2022 ภายใต้ธีมและชื่อซีรีส์ว่า “Four Seasons” หรือ สี่ฤดูกาลอันงดงาม ภายใน Rado True Thinline x Great Gardens of the World ซึ่งยังคงได้แรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่มาจากโลก (Earth) และธรรมชาติ (Nature) เช่นที่ผ่านมา โดยถ่ายทอดผ่านการดำเนินสู่ “Chapter” ต่างๆ ต่อเนื่องมาจากบทก่อนๆ ประกอบด้วยนาฬิการุ่นใหม่ทั้งหมดสี่รูปแบบ ทั้งภายใต้ Chapter 4 (Spring), Chapter 5 (Summer), Chapter 6 (Autumn) และ Chapter 7 (Winter) ขณะที่แต่ละรุ่นนั้นผลิตขึ้นด้วยไฮเทคเซรามิกต่างสีสัน พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกแซฟไฟร์ ที่ในสี่รุ่นใหม่นี้บรรจุด้วยกระจกเจียระไนรูปทรงและลวดลายเฉพาะตัวแตกต่างกัน ทั้งยังมีโทนสีให้เลือกตั้งแต่สีอ่อนไปจนถึงสีสดใสเข้ากับฤดูกาลทั้งสี่อย่างแท้จริง และเพื่อตอกย้ำว่านาฬิการุ่นนี้รักษาเวลาได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำเหมือนดั่งวัฏจักรแห่งธรรมชาติ ที่ Rado ได้เลือกใช้การขับเคลื่อนภายในด้วยกลไกควอตซ์ Calibre R420 ประกอบทับทิม 13 เม็ด และแสดงเวลาแบบสองเข็มเรียบง่าย
เริ่มจาก Chapter 4 (Spring) ที่เป็นดั่งสัญญาณแห่งฤดูใบไม้ผลิ ถ่ายทอดผ่านตัวเรือนทำจากไฮเทคเซรามิกสีกุหลาบอ่อนขัดเงา สะท้อนถึงความสดใสของดอกไม้และใบไม้ที่กลับมาผลิบานอีกครั้ง ส่วนกระจกแซฟไฟร์ของรุ่นนี้ผ่านการเจียระไนรูปทรงดอกไม้อันงดงาม เผยความประณีตสวยงามของหน้าปัดแบบไล่เฉดสีจากเงินสู่สีชมพูอ่อน ประดับตกแต่งด้วยโลโก้ Rado สีเทาเข้ม และเข็มชี้สีโรเดียม ประกอบลงตัวมากับสายนาฬิกาไฮเทคเซรามิกแบบขัดเงาและมีเฉดสีสอดคล้องกันกับหน้าปัดอันแสนละมุนตา ทั้งยังมอบสัมผัสอันเบาสบาย นอกจากนี้นาฬิกาทุกเรือนในซีรีส์ Four Seasons เสริมความมั่นใจด้วยประสิทธิภาพการกันน้ำได้ระดับ 30 เมตร หรือ 3 บาร์
ต่อด้วย Chapter 5 (Summer) เปรียบเสมือนการเฉลิมฉลองให้กับสีสันและความมีชีวิตชีวาของฤดูร้อน ที่แสดงออกผ่านตัวเรือนไฮเทคเซรามิกแบบชิ้นเดียวในเฉดสีเหลืองขัดเงา รับกับหน้าปัดแบบไล่เฉดจากสีเงินจนถึงสีเหลือง ราวกับประกายรัศมีแสงอาทิตย์เจิดจ้าของฤดูกาลนี้ ผสานลงตัวกับกระจกแซฟไฟร์ซึ่งเจียระไนล้อไปกับรัศมีแห่งดวงอาทิตย์ เช่นกันกับสายสร้อยข้อมือและเม็ดมะยมซึ่งทำจากไฮเทคเซรามิกในเฉดสีเหลืองขัดเงาเดียวกัน ส่วนด้านฝาหลังประกอบด้วยไทเทเนียมและกระจกแซฟไฟร์ พิมพ์ข้อความ “GREAT GARDENS OF THE WORLD” พร้อมหมายเลข Chapter ประจำรุ่นนาฬิกา
ต้อนรับฤดูกาลต่อมาของช่วงเวลาแห่งฤดูใบไม้ร่วง ใน Chapter 6 (Autumn) ที่ Rado ได้เลือกใช้สีเขียวมะกอกเข้มเป็นสัญลักษณ์ โดยนำมารังสรรค์ทั้งบนสายนาฬิกา เม็ดมะยม และตัวเรือนไฮเทคเซรามิกแบบชิ้นเดียวที่เป็นสีเขียวมะกอกขัดเงาทั้งเรือน แสดงออกถึงการพักผ่อนแสนสงบ ท่ามกลางบรรยากาศของใบไม้ที่ปลิวไหวไปตามสายลม พร้อมทั้งกระจกแซฟไฟร์บนหน้าปัดซึ่งเจียระไนเป็นรูปทรงใบไม้ สะท้อนภาพอันมีมิติและเผยความสวยงามของหน้าปัดแบบไล่เฉดสีจากสีเงินสู่สีเขียวมะกอกบนขอบรอบนอก ประดับตกแต่งด้วยโลโก้ Rado พิมพ์สีเทาเข้ม รวมถึงเข็มชี้ชั่วโมงและนาทีสีโรเดียม
ปิดท้ายด้วยความสวยงามแห่งโทนสีขาวบริสุทธิ์ของ Chapter 7 (Winter) นาฬิกาแห่งฤดูหนาวอันสุขสงบ และเป็นดั่งสัญญาณแห่งการเริ่มต้นใหม่ โดยรังสรรค์ด้วยตัวเรือนไฮเทคเซรามิกแบบชิ้นเดียวสีขาวขัดเงา เยือกเย็นและสง่างาม รับกับเม็ดมะยมและสายสร้อยข้อมือของนาฬิกาที่ทำจากไฮเทคเซรามิกสีขาวขัดเงาเช่นกัน ผนึกด้วยกระจกแซฟไฟร์บนหน้าปัดเจียระไนเป็นรูปทรงเกล็ดหิมะ ซึ่งปกป้องหน้าปัดสีเงินและสีขาวนวล เผยให้โลโก้ Rado สีเทาเข้ม และเข็มชี้สีโรเดียมโดดเด่นเหนือมิติแห่งสีขาวที่เป็นฉากหลัง พร้อมสำหรับแสดงเส้นทางเวลาที่กำลังเดินผ่าน และรอให้ฤดูใบไม้ผลิเวียนกลับมาอีกครั้ง
นอกเหนือจากความโดดเด่นของนาฬิกาแต่ละรุ่น พร้อมด้วยเอกลักษณ์และสัญลักษณ์แห่งสี่ฤดูกาลอันงดงามในซีรีส์ Four Seasons นี้แล้ว Rado ยังนำเสนอความพิเศษสุดของ Collector’s Box ซึ่งภายในบรรจุไว้ด้วยนาฬิกาทั้งสี่รุ่นของซีรีส์ เพื่อให้เจ้าของสามารถเลือกสวมใส่ได้ตามฤดูกาล โดยกล่องสะสมนี้มีจำนวนจำกัดเพียง 150 กล่องเท่านั้น
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF RADO
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่