รถต้นแบบรุ่นนี้ เป็นหนึ่งในยนตรกรรมแห่งอนาคตใหม่ล่าสุดจาก Toyata ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า SUV ขนาดกลาง รุ่นแรกในซีรีส์ bZ ที่ใช้แบตเตอรี่ 100 %
Toyota bZ4X Toyota bZ มาจากคำว่า ‘Toyota Beyond Zero’ โดยพัฒนาภายใต้แนวคิด “ศูนย์รวมกิจกรรมแห่งความสุข (Activity Hub)” สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงสังคมและผู้คนรอบตัว ในหลากหลายด้าน ที่จะทำให้เป็นยนตรกรรมที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าช่วยลดปริมาณมลพิษ แต่ยังเป็นยนตรกรรมที่จะนำเสนอการขับเคลื่อนความสุข ที่ทรงคุณค่าเหนือความคาดหมายให้กับผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งพร้อมที่จะรักและมีความสุขกับการขับขี่
‘bZ’ หรือ ‘Beyond zero’ ได้รับการพัฒนาภายใต้เป้าหมายที่จะสร้างคุณค่าแห่งประสบการณ์ ดังนี้
1. คุณและผู้คนรอบข้าง (You & Others) นอกจากห้องโดยสารที่สะดวกสบายแล้ว Toyota bZ ยังนำเสนอไลฟ์สไตล์ใหม่ และสามารถสร้างโอกาสในการใช้เวลาอันมีค่ากับครอบครัวและเพื่อนของคุณ
2. คุณและรถของคุณ (You & Your Car) มอบความสุขและประสบการณ์ในการขับขี่และความตื่นเต้น อย่างเหนือความคาดหมาย
3. คุณและสิ่งแวดล้อม (You & the Environment) ไม่เพียงแต่ลดการปล่อยก๊าซ CO2 และมลพิษอื่นๆ เท่านั้น แต่ยังมุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมในเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
4. คุณและสังคม (You & Society) มุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมแห่งความปลอดภัย ที่ทุกคนและสังคมจะมีความอุ่นใจกับยนตรกรรมแห่งอนาคตรุ่นนี้
เนื่องจากรถรุ่นนี้ยังเป็นรถยนต์ต้นแบบ แม้ว่าจะมีการเผยรายละเอียดบางส่วนออกมาแล้ว แต่คุณสมบัติทั้งหมดก็ยังเป็นการประมาณเท่านั้น โดยอ้างอิงข้อมูลที่เผยแพร่มาจากประเทศญี่ปุ่น
ด้านรูปลักษณ์ภายนอกเป็นรถครอสโอเวอร์ เอสยูวี ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์มโมดูลาร์ e-TNGA สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ผลิตโดยการขยายความร่วมมือระหว่างโตโยต้าและซูบารุ ด้านหน้ารถใช้กระจังหน้าแบบปิดทึบ ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน มีช่องดักอากาศขนาดเล็กทั้งสองฝั่งกันชน ไฟท้าย LED แบบคาดยาว ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
ส่วนภายในห้องโดยสาร สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง เบาะหุ้มด้วยหนัง ติดตั้งวัสดุลดเสียงรบกวนจากภายนอก มาตรวัดแสดงผลแบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ Drive-by-Wire แบบแปรผันไม่มีชุดกลไกภายใน คอนโซลกลางแบบลอยตัวติดตั้งจออินโฟเทนเมนต์ ขนาด 12.3 นิ้ว ไว้ด้านบนสุด รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มีหลังคาพาโนรามิกรูฟ
ด้านสมรรถนะ คาดว่าจะมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ที่เพลาหน้า กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 71.4 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 559 กม./ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP และทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.4 วินาที
รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่เพลาหน้า-หลัง กำลังสูงสุด 218 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 336 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 72.8 kWh วิ่งได้ระยะทาง 470 กม./ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP มีโหมดการขับขี่ 3 แบบ ได้แก่ X-Mode (ซึ่งแบ่งเป็น Snow-Dirt/ Deep Snow-Mud และ Grip Control) Normal และ ECO ด้านอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 7.7 วินาที รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC ขนาด 6.6 kW และชาร์จกระแสตรง DC ขนาด 150 kW ที่ชาร์จไฟจาก 0-80% ในเวลา 30 นาที
ส่วนเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยในรุ่นนี้ จะได้รับการติดตั้งระบบ Toyota Safety Sense มีระบบ ADAS ช่วยให้ขับรถได้อย่างปลอดภัย เช่น ระบบ Toyota Advanced Park ที่ทำงานร่วมกับกล้องมองภาพรอบคัน ระบบป้องกันการชน ระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบเตือนรถเคลื่อนผ่านขณะถอยหลังพร้อมหยุดรถอัตโนมัติ และระบบป้องกันการชนด้านหน้า เป็นต้น
สำหรับแบตเตอรี่ใช้แบบลิเธียมไอออนที่มีทนทาน ความจุ 71.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง และมีเป้าหมายระยะทางวิ่งสูงสุด ประมาณ 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐานระดับโลก WLTP (Worldwide Harmonised Light Vehicles Test Procedure)
ที่น่าสนใจคือ จะมาพร้อมแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคา ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงกว่า Prius PHV มากกว่า 1.8 เท่า ซึ่งทำให้วิ่งได้ถึง 1800 กม. ในหนึ่งปี
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF TOYOTA
GRAPHIC DESIGNER: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่