รีวิวหลังดูจบแบบไม่สปอยล์ : ค่ายรัสเซีย-ปีศาจตัวใหม่-ย้อนอดีตไปพร้อมกับแอล การกลับมาของ Stranger Things 4 Part 1 ซีรีส์ระดับโลกที่ทุกคนรอคอย
คงไม่มีคำไหนที่จะหยิบยกมาบรรยายถึงซีรีส์ชื่อดังที่สร้างชื่อให้กับ Netflix เรื่องนี้อีกแล้ว สำหรับ Stranger Things ซีรีส์แนวไซไฟ-แฟนตาซีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายยุค 90s สุดอานาล็อก ที่ล่าสุดหลังจากเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนกินเวลายาวนานถึง 3 ปีเต็ม ในที่สุด Stranger Things 4 Part 1 ก็ได้ฉายรอบพรีเมียร์ให้แฟนๆ ได้ชมกันแล้วบนเน็ตฟลิกซ์ และแน่นอนว่ากระแสตอบรับอย่างล้นหลามต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นำ Part 2 มาเลยได้ไหม!!!
สเตรนเจอร์ ธิงส์ ซีซันที่ 4 ถูกแบ่งเรื่องราวออกเป็น 2 พาร์ต โดยพาร์ทแรกที่เพิ่งจะเข้าสู่สตรีมมิ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมามีจำนวนทั้งหมด 7 ตอนโดยมีความยาวรวมอยู่ที่ 9 ชั่วโมง ส่วนเนื้อหาในพาร์ตที่ 2 อีก 2 ตอนจะเข้าฉายในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้โดยมีความยาวรวมอยู่ที่ 2 ชั่วโมง 55 นาที เรียกได้ว่าเล่ากันต่อเนื่องแบบเต็มอิ่มจุใจไม่ขาดช่วง
เพราะเรื่องราวที่จะถูกเล่าต่อในซีซัน 4 ไม่เพียงแค่สานต่อเส้นเรื่องจากซีรีส์ภาคที่แล้ว แต่เนื้อหาในซีซันนี้ยังค่อยๆ คลายปมและช่องโหว่ที่อธิบายไม่ได้ใน 3 ซีซันแรกให้ค่อยๆ คลี่คลายออกมาอย่างน่าสนใจ เรียกได้ว่าตลอด 9 ชั่วโมงมีจังหวะการเล่าเรื่องที่กระชับฉับไว เต็มไปด้วยเหตุและผลของเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในทุกภาคที่ผ่านมา เหมือนแผนที่แผ่นใหญ่ที่พับมาทบบรรจบกันอย่างพอดิบพอดีในตอนจบของซีซันพาร์ตแรก และทำให้ปฏิกริยาของผู้ชมเทไปในทางเดียวกันคือ อยากจะดูพาร์ตต่อไปแล้ว!
เนื้อเรื่องในซีซัน 4 เล่าเรื่องราวครึ่งปีหลังจากการต่อสู้ที่ฐานทัพใต้ดินของรัสเซียในห้างสตาร์คอร์ทจบลง ทุกคนต่างพยายามใช้ชีวิตต่อและเติบโตขึ้นจากเหตุการณ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นแม็กซ์ (Max) ที่รับบทโดย เซดี้ ซิงค์ (Sadie Sink) ผู้ต้องทุกข์ทนกับอาการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง (PTSD) หลังจากเสียพี่ชายผู้เป็นเหมือนเสาหลักของครอบครัวไปจากเหตุการณ์ในซีซันที่แล้ว
โศกนาฏกรรมและการจากไปของบิลลี่ทำให้แม็กซ์ห่างเหินกับบรรดาเพื่อนๆ อย่างดัสติน (Dustin) รับบทโดยเกเทน มาทาราซโซ (Gaten Matarazzo) และไมค์ (Mike) รับบทโดยฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด (Finn Wolfhard) รวมถึงแฟนเก่าอย่าง ลูคัส (Lucas) รับบทโดยเคเลบ แมคลอฟลิน (Caleb McLaughlin) ที่พยายามสร้างตัวตนในแบบที่โตขึ้นโดยการร่วมทีมบาสโรงเรียนแทนที่จะเล่นเกมกระดานแบบเด็กๆ กับเพื่อนกลุ่มเดิม
ส่วนวิล (Will) รับบทโดยโนอาห์ ชแนปป์ (Noah Schnapp) และแอล (Elle) รับบทโดยมิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ (Milli Bobby Brown) ที่ตัดสินใจย้ายเมืองเพราะไม่อาจทนอยู่ที่ฮอว์กินส์ได้อีกหลังจากเสียจิม ฮ็อปเปอร์ (Jim Hopper) ไป ก็ต้องพยายามปรับตัวเพื่อเข้ากับโรงเรียนใหม่ให้ได้ แม้จะต้องรับมือกับการกลั่นแกล้งในโรงเรียนจากเหล่าเพื่อนใหม่ที่ทำให้แอลรู้สึกแปลกแยกจากสังคม รวมทั้งการสูญเสียพลังจิตไปจากสงครามที่สตาร์คอร์ตในภาคที่แล้วก็ทำให้เธอไม่สามารถปกป้องตัวเองได้
เพราะซีรีส์เรื่องนี้ถูกถ่ายทำซีซันแรกตั้งแต่ปีค.ศ.2015 และใช้นักแสดงเด็กชุดเดิมทั้งชุด การที่เหล่านักแสดงนำจะเติบโตขึ้นในทางกายภาพแบบก้าวกระโดดในระยะเวลา 7 ปีจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่ทีมผู้สร้างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น สเตรนเจอร์ ธิงส์จึงเลือกนำเสนอพัฒนาการและการเติบโตของเหล่าตัวละครหลักทั้งทางร่างกายและจิตใจไปพร้อมกัน เช่นเดียวกับภาคนี้ที่เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นของตัวละครที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก ความคิดความอ่าน ไปจนถึงวิธีการที่ตัวละครแต่ละตัวพูดหรือแสดงออกต่อคนรอบข้าง ซึ่งนับเป็นหนึ่งในองค์ประกอบการเล่าเรื่องที่น่าสนใจที่สุดของซีรีส์ชุดนี้
โดยเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดในฮอวกินส์เริ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากเด็กมัธยมปลายในทีมเชียร์ลีดเดอร์คนหนึ่งตายอย่างปริศนาด้วยสภาพศพที่ผิดธรรมชาติ ซึ่งคล้ายคลึงกันกับคดีฆ่าล้างครัวที่เคยเกิดมาแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้าในเมืองต้องคำสาปนี้ และเอ็ดดี้ มันสัน (Eddie Munson) เพื่อนใหม่ในชมรมเกมกระดานของดัสตินก็ถูกหมายหัวว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งในเหตุฆาตกรรมนี้ แต่ดัสตินผู้เป็นเหมือนมันสมองของกลุ่ม สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลที่อาจจะเกี่ยวข้องกับโลกกลับด้าน ทำให้เขาและพรรคพวกตัดสินใจออกค้นหาความจริง แต่ดูเหมือนยิ่งเข้าใกล้ความจริงเท่าไหร่ ความลับของปีศาจตัวใหม่ที่พวกเขาได้ค้นพบก็ยิ่งน่าสยดสยองมากขึ้นเท่านั้น
ในภาคนี้เราจะได้ย้อนกลับไปที่แลปฮอว์กินส์อันเป็นถิ่นกำเนิดแรกของแอลอีกครั้ง และสำรวจลึกลงไปในจิตใจรวมถึงความทรงจำที่ขาดหายพร้อมๆ กันกับเธอเพื่อไขปริศนาและปะติดปะต่อเรื่องราวอันเป็นที่มาที่ไปทั้งหมดของเหตุการณ์ประหลาดนับตั้งแต่ซีซันแรกสุดของเรื่อง
โดยนอกจากเหล่านักแสดงรุ่นเล็ก ตัวละครพี่สาวพี่ชาย ทั้งสตีฟ แฮริงตัน (Steve Harrington) แนนซี่ วีลเลอร์ (Nancy Wheeler) และโรบิน บั๊กลีย์ ( Robin Buckley) ก็ยังสะท้อนพัฒนาการและการเติบโตของตัวละครไม่แพ้กัน ทั้งแนนซี่ที่พยายามต่อสู้เพื่อการได้ทำงานนักข่าวอย่างที่รัก ปัญหาหัวใจของเลสเบี้ยนสาวอย่างโรบิน รวมถึงตัวละครสตีฟที่นอกจากจะเป็นขวัญใจของผู้ชมจากการแสดงสุดน่ารัก ในซีซันนี้เขาก็ยังคงมาพร้อมซีนบู๊สุดดุเดือดที่แฟนๆ สเตรนเจอร์ ธิงส์จะต้องโปรดปรานเช่นเคย
จากการถ่ายทอดบทบาทของสามนักแสดงวัยรุ่นชุดเดิมอย่างโจ คีรี (Joe Keery) นาตาเลีย ดายเยอร์ (Natalia Dyer) และมาย่า ฮอว์ค (Maya Hawke) ที่สร้างสีสันและเรียกรอยยิ้มได้จากความสัมพันธ์แบบ ‘เฟื่อน’ (มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน) และเคมีของสามนักแสดงที่เข้ากันเอามากๆ จนทำเอาแฟนๆ ยิ้มไม่หุบ เช่นเดียวกับโจเซฟ ควินน์ (Joseph Quinn) ที่มารับบทตัวละครใหม่อย่างเอ็ดดี้ มันสัน ก็ถ่ายทอดเรื่องราวใหม่ของตัวละครนี้ได้อย่างมีสีสัน จนกลายเป็นจอมขโมยซีนประจำซีซันไปโดยปริยาย
เช่นเดียวกับเดวิด ฮาร์เบอร์ (David Harbour) และวิโอน่า ไรเดอร์ (Winona Ryder) ที่ยังคงเป็นคู่ขวัญที่แฟนๆ ลุ้นให้ได้กลับมาเจอกันมากที่สุด โดยในภาคนี้แฟนๆ จะได้เอาใจช่วยกับภารกิจชิงตัวประกันที่จ๊อยซ์ (Joyce Byers) และเมอร์เร่ (Murray Bauman) รับบทโดย เบรตต์ เกลแมน (Brett Gelman) ต้องบินลัดฟ้ามุ่งหน้าสู่ค่ายกักกันรัสเซียเพื่อช่วยจิมให้ได้ก่อนที่เขาจะถูกฆ่า ซึ่งรับประกันความฮาและขโมยซีนของเมอร์เร่ ไม่แพ้ซีซันที่ผ่านมาเลยทีเดียว
แม้เรื่องราวในสเตรนเจอร์ ธิงส์ 4 พาร์ทแรกจะมีความยาวรวมถึง 9 ชั่วโมง แต่วิธีการเล่าเรื่องที่กระชับและน่าติดตามทำให้เรื่องราวในซีซันนี้เข้มข้นและน่าสนใจจนแทบหยุดดูไม่ได้ โดยไม่ลืมที่จะแฝงประเด็นเกี่ยวกับเฟมินิสต์อย่างที่ซีรีส์ชุดนี้ทำมาโดยตลอดเข้าไปในเนื้อเรื่องอย่างแนบเนียน ผ่านสองตัวละครหญิงแกร่งอย่างแนนซี่และโรบิน รวมทั้งเรื่องการกลั่นแกล้งในโรงเรียน (Cyberbullying) ที่ยังคงเป็นปัญหาในสถานศึกษามาทุกยุคทุกสมัย
และเราคงเล่ามากกว่านี้ไม่ได้เพราะจะเป็นการสปอลย์ แต่ชั้นเชิงในการปูเรื่องราวและเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของโลกกลับด้านนั้นเต็มไปด้วยเหตุผลที่หนักแน่นและน่าสนใจแบบที่การันตีได้เลยว่าใครเป็นแฟนซีรีส์ชุดนี้จะต้องถูกใจเรื่องราวในซีซันนี้แบบสุดๆ แน่นอน!
ชม Stranger Things ทุกซีซันได้แล้ววันนี้บน Netflix พร้อมเสียงพากย์ภาษาไทย
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF NETFLIX
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co
- จับเข่าคุยกับ 4 หนุ่ม กุกฮอน แกงส้ม ตะแตม แดนนี่ อุ่นเครื่องความสนุกก่อนงานมีตแอนด์กรี๊ด Thailand Society Get Together with OGME Family x Kim KookHeon
- มองสังคมไทย การเมือง ระบบอุปถัมภ์ และปัญหาสิ่งแวดล้อมให้รอบด้าน ผ่านงานศิลปะหลากรูปแบบจากศิลปินแห่งชาติวัย 88 ปี ในนิทรรศการ ทวี รัชนีกร: ปรากฏการณ์แห่งอุดมการณ์ นิทรรศการครั้งใหม่ที่ BACC ห้องจัดแสดงชั้น 7 ชมฟรีถึงเดือนมิถุนายน
- The Hunger Games เตรียมสร้างภาคแยก ! สตูดิโอ Lionsgate ประกาศสร้างภาค ลํานําแห่งนกร้องเพลงและอสรพิษ ตามต้นฉบับนิยาย โดยซูซาน คอลลินส์ เตรียมฉายปลายปีค.ศ. 2023 นี้
- แฟนๆ 2NE1 สุดกรี๊ดกับการกลับมารวมตัวกันเป็นครั้งแรกในรอบ7ปี ของ ซีแอล ซานดาร่า พัคบม และมินจี ถล่มเวที Coachella ให้ลุกเป็นไฟในโชว์พิเศษของค่ายเพลง 88Rising ด้วยเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง I Am The best
- สวยไม่สร่าง ! Jisoo Blackpink นำทัพ 5 แอมบาสเดอร์ เซฮุน นัมจูฮยอก ซูจี คิม ยูนา ราชินีสเก็ตน้ำแข็ง ร่วมชมแฟชั่นโชว์ Dior Fall 2022 งานแฟชั่นโชว์ครั้งแรกในรอบ15ปีของ DIOR ที่จัดในเกาหลี