De Bethune และการถ่ายทอดจิตวิญญาณอันกล้าหาญของโลกฟอร์มูลาวันยุค 1970s ภายในนาฬิการุ่นใหม่ DB28GS JPS
De Bethune DB28GS JPS นาฬิการุ่นใหม่ ต่อยอดจากงานวิจัยด้านจักรกลที่ผสมผสานกับหลักอากาศพลศาสตร์ สู่ผลงานใหม่ใน DB28GS JPS ของ De Bethune (เดอ บีธูน) พร้อมทั้งรูปโฉมในเฉดสีดำและทอง ที่เป็นตัวแทนแห่งยุคอันกล้าหาญของการแข่งขันฟอร์มูลวันจากช่วงปี 1970s รวมถึงชื่อ JPS ที่ได้มาจาก John Player Special สามตัวอักษรที่ชวนให้หวนนึกถึงสัมพันธภาพแห่งตำนานของเฉดสีดำและทอง รหัสสีไอคอนิกของ Team Lotus และการสืบทอดชัยชนะ นับจากถ้วยรางวัล Constructors’ World Championship ถึงเจ็ดครั้ง และรางวัล Drivers’ World Champhionship อีกหกครั้ง ซึ่งสร้างไว้โดยเหล่านักขับแห่งตำนาน อย่าง Jim Clark, Graham Hill, Jochen Rindt, Emerson Fittipaldi, Mario Andretti ที่ตอกย้ำว่านี่คือยุคแห่งฟอร์มูลาวันอย่างแท้จริง
ถ่ายทอดผ่านภาพแห่งความทรงจำของบรรดาเหล่านักแข่งและชุดสีดำกับทอง พร้อมทั้งหมวกกันน็อคสีดำและทอง หรือแม้แต่ภาพของทีมวิศวกรที่ทำงานอย่างรวดเร็วในพิตส์ ที่ครั้งนี้ De Bethune ได้นำมาตีความใหม่ผ่านนาฬิกาด้วยรูปทรง ดีไซน์ และสมรรถนะที่ได้แรงบันดาลใจและต้นแบบการพัฒนาเดียวกันกับการวิจัยด้านหลักอากาศพลศาสตร์หรือ aerodynamics ของรถแข่งสูตรหนึ่ง ตลอดจนถึงการผสมผสานด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และการจับคู่สีสัญลักษณ์อันทรงเกียรติบนสนามแข่งขันความเร็ว สู่การสร้างสรรค์เวอร์ชันใหม่ของนาฬิกาสปอร์ตอย่าง DB28GS JPS กับความโดดเด่นอย่างแรกนั้นต้องยกให้กับลุคสีดำและทอง อันเป็นตัวแทนถึงจิตวิญญาณของ JPS แห่งยุค 70s
โดยใน DB28GS JPS มาพร้อมตัวเรือนสตีล ไทเทเนียม และเซอร์โคเนียม ผ่านการพัฒนาปรับปรุงด้านโครงสร้างจากนาฬิกาสปอร์ตรุ่นแรกอย่าง DB28GS ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดย Denis Flageollet และทีมของเขา เพื่อมอบมิติที่ตัดกันระหว่างการตกแต่งแบบขัดเงาและด้าน สีเทาเข้มและดำสนิท ขณะที่ยังเติมเต็มด้วยรายละเอียดอันแวววาวของทอง โดยเฉพาะเทคนิคของการสร้างสรรค์ไทเทเนียมสีเหลืองที่แสดงออกถึงความเชี่ยวชาญของแบรนด์ โดยอาศัยการจัดการกับปฏิกิริยาออกซิเดชันของไทเทเนียมและแถบสีสันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น De Bethune blue ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และการบุกเบิกของแบรนด์ และในวันนี้ยังได้สืบทอดไว้โดยสีเหลืองทอง ที่จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการสร้างสรรค์พิเศษ ไปจนถึงเทคนิคการประกอบใหม่และการสร้างลวดลายใหม่
ขณะที่ในแง่ของสมรรถนะ ยังพัฒนามาจากหลักอากาศพลศาสตร์ที่เป็นหัวใจของรถแข่งเช่นเดียวกัน โดยในนาฬิการุ่นใหม่นี้เน้นจุดสำคัญไปที่การปรับปรุงสมรรถนะของชิ้นส่วนควบคุมของกลไก ที่เชื่อมโยงกับหลักอากาศพลศาสตร์ของบาลานซ์ แต่ต่างวัตถุประสงค์ไปจากโลกแห่งความเร็ว โดยเป็นการเสาะหาวิธีที่จะกำจัดแรงดึงดูดของบาลานซ์เข้าหาแท่นเครื่อง และมอบผลลัพธ์เป็นการยกขึ้นของบาลานซ์ด้วยความเบาและดูเหมือนกำลังลอยหรือบินเหนือแท่นเครื่อง และใช้หลักการของปีกเครื่องบิน เพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกดันเข้าหาแท่นเครื่อง ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ที่ต่างไปจากหลักการปีกเครื่องบินแบบทั่วไป
นอกจากนี้ De Bethune ยังได้ประยุกต์ใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของการเคลือบ DLC (Diamond-Like Carbon) โดยเน้นความสำคัญไปที่เทคนิคการเคลือบที่ทั้งช่วยลดแรงเสียดสีของชิ้นส่วน ขณะเดียวกันยังเป็นการเคลือบ DLC บนสตีลที่ผ่านการทำให้แข็ง เพื่อพัฒนาปรับปรุงด้านความทนทานของชิ้นส่วนนาฬิกา เช่น บนขอบตัวเรือน และหูตัวเรือนเชื่อมสายแบบลอยเคลือบสีดำ โดยแตกต่างไปจากการเคลือบ DLC บนโลกของการประดิษฐ์สร้างสรรค์นาฬิกา ซึ่งมักใช้เทคนิคเคลือบนี้บนวัสดุที่อ่อนเกินไป อาทิ สเตนเลสสตีล 316L หรือไทเทเนียม ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปภายใต้ชั้นของ DLC ได้ หรือแม้แต่อาจทำให้เปราะได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลนี้ De Bethune จึงเลือกใช้การเคลือบ DLC เฉพาะกับสเตนเลสสตีลที่ผ่านความร้อนเพื่อทำให้มีความแข็งพิเศษ เหมือนกับสเตนเลสสตีลที่นำไปใช้ในเครื่องยนต์หรือเครื่องมือศัลยกรรมที่มีความคม โดยชั้น DLC แข็งนี้จะยึดติดได้อย่างสมบูรณ์เข้ากับวัสดุที่มีความแข็ง และไม่ถูกทำลายโดยสิ่งกระทบจากภายนอกต่างๆ ขณะที่ในทางตรงกันข้าม การเคลือบนี้ยังช่วยพัฒนาคุณภาพโดยรวมได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
DB28GS JPS มาพร้อมกับธีมสีทูโทน และยังมอบแสงสว่างบนนาฬิกาได้ตามต้องการ โดยการใช้งานปุ่มกดที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา อันเป็นผลลัพธ์มาจากเกียร์เทรน (gear train) ซึ่งขับเคลื่อนโดยตลับลานคู่ และโดยวิธีการเดียวกันกับการจำลองย่อส่วนมาจากไดนาโมแบบดั้งเดิม ที่เกียร์เทรนนี้จะมอบพลังงานที่จำเป็นสำหรับการให้แสงสว่างขึ้นบนหน้าปัดและควบคุมได้ผ่านปุ่มกด ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการทำงานและพลังงานสำรอง 5 ของกลไกไขลานด้วยมือ Calibre DB2080 โดยแสงสว่างเพียงไม่กี่วินาทีนั้น ยังมากเพียงพอสำหรับการอ่านค่าเวลาหรือแม้แต่ในเวลากลางคืน และฉายแสงให้ DB28GS JPS นั้นถ่ายทอดรูปโฉมสีดำและทองได้อย่างโดดเด่น แม้ในที่มืด
ขณะที่หัวใจสำคัญอีกหนึ่งข้อนั้นคือความสะดวกสบายในการสวมใส่และรับกับสรีระข้อมือได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่มีตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44.0 มิลลิเมตร หนา 12.8 มิลลิเมตร ผสมผสานระหว่างเซอร์โคเนียมสีดำ ตกแต่งด้วย “Microlight” และสเตนเลสสตีลทำให้แข็งเคลือบสีดำบนขอบตัวเรือนและฝาหลัง ผ่านการตกแต่งด้วยงานขัดเงาและขัดด้าน รวมถึงเม็ดมะยม ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา พร้อมประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 105 เมตร หรือ 10 ATM รักษาไว้ด้วยเอกลักษณ์ของระบบหูตัวเรือนเชื่อมสายแบบลอยผ่านการจดสิทธิบัตรของแบรนด์
มาพร้อมด้วยปลายทรงกรวยและแทรกด้วยไทเทเนียม เกรด 5 สีเหลืองขัดเงา ชวนให้หวนนึกถึงการตกแต่งด้านข้างของตัวเรือน ทั้งยังมอบผลลัพธ์อันทรงคุณค่าคือการรับไปกับแต่ละขนาดข้อมือและทุกการเคลื่อนไหวข้อมือได้อย่างดี โดยผลงานอันปราดเปรียวและสง่างามรุ่นนี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือน
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF DE BETHUNE
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
MUSIC: Anton Vlasov from Pixabay, Cold Espionage from www.videvo.net
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่