รีวิวหลังดูจบแบบไม่สปอยล์: The Secrets of Dumbledore เมื่อ Warner Bros. สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับในหนังแฟรนไชส์เวทมนตร์สุดอมตะ
แม้ว่าจะเจอกับกระแสต่อต้านระลอกแล้วระลอกเล่า แต่ Warner Bros. ก็ยังขอสู้ชีวิตต่อ ด้วยการฉายภาพยนตร์แฟรนไชส์โลกเวทมนตร์อย่าง Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore ตามกำหนดการณ์เดิม แม้จะทำรายได้ไม่สู้ดีนักในสัปดาห์แรกของการเปิดฉายที่ 43 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับว่าเป็นรายได้เปิดตัวที่น้อยที่สุดในบรรดาแฟรนไชส์โลกเวทมนตร์ที่เคยสร้างมา แต่เนื้อหาและความกลมกล่อมน่าติดตามที่ถูกถ่ายทอดออกมาในภาคนี้ก็ยังมากพอจะจัดให้อยู่ในรายชื่อเรื่องที่ไม่ควรพลาดชมในโรงภาพยนตร์อยู่ดี
ภาพยนตร์เรื่อง สัตว์วิเศษ 3 : ความลับของดัมเบิลดอร์ เป็นภาพยนตร์สปินออฟ (Spin-off) ในจักรวาลเดียวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) ที่เล่าเรื่องราวย้อนกลับไปในยุคที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ (Albus Dumbledore) รับบทโดยจู๊ด ลอว์ (Jude Law) ครูใหญ่เคราเงินยวงที่แฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์ทุกคนคุ้นเคย เพิ่งเริ่มเข้ามาทำงานเป็นอาจารย์ในโรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ใหม่ๆ ในยุคที่เกิดสงครามการเมืองจากพ่อมดศาสตร์มืด เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ (Gellert Grindelwald) ที่พยายามจะปฏิวัติโลกเวทมนตร์ และจัดระเบียบเหล่ามักเกิ้ล (ซึ่งหมายถึงคนธรรมดาที่ไม่มีเวทมนตร์) ให้มาเป็นทาสรับใช้ของเหล่าผู้วิเศษ เพื่อที่ชุมชนผู้วิเศษจะได้ไม่ต้องปิดบังตัวตนของตนเองอีกต่อไป
หลังจากรวบรวมสมัครพรรคพวกในภาคที่แล้ว เพื่อหาแนวร่วมในการก่อการปฏิวัติ ในภาคนี้ เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำตามปณิธานเดิมของตน แม้ดัมเบิลดอร์ผู้เคยเป็นคนใกล้ชิดจะพยายามเข้าห้ามปราม แต่เจ้าแห่งศาสตร์มืดอย่างกรินเดลวัลด์ก็ยังยืนยันว่าเขาจะเดินหน้าตามแผนการของตนเองต่อ และไม่มีใครจะสามารถขัดขวางเขาได้ แม้แต่ตัวดัมเบิลดอร์เอง
ทำให้ดัมเบิลดอร์ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากพระเอกของเราอย่าง นิวท์ สคามันเดอร์ (Newt Scamander) รับบทโดยเอดดี เรดเมน (Eddie Redmayne) นักสัตว์วิเศษวิทยาผู้รอบรู้ ที่รวมสมัครพรรคพวกทั้งพ่อมดและมักเกิ้ลมาเพื่อร่วมต่อสู้กับเจ้าแห่งศาสตร์มืดแทนดัมเบิลดอร์ที่ไม่สามารถลงมือทำร้ายกรินเดลวัลด์ได้ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เป็นความลับ (ซึ่งแฟนภาพยนตร์รวมทั้งแฟนหนังสือก็คงจะรู้อยู่แล้วและเถียงว่ามันก็ไม่ลับเสียทีเดียว ในเมื่อภาพยนตร์ก็โปรโมทปาวๆ ขนาดนั้น!)
การตั้งชื่อภาพยนตร์ภาคต่อนี้ว่า ‘ความลับของดัมเบิลดอร์’ จึงไม่ลับสักเท่าไหร่ เพราะในภาคนี้ภาพยนตร์จะเปิดเผยปูมหลังของดัมเบิลดอร์ว่านอกจากจะเป็นเกย์ แท้จริงแล้ว เขาและกรินเดลวัลด์ มีความสัมพันธ์ที่เกินกว่าเพื่อน เพราะดัมเบิลดอร์หลงรักกรินเดลวิลด์มาตลอด จนเคยทำ สัญญาเลือด ที่เป็นเหมือนคำสาบานว่าเขาทั้งสองจะไม่มีวันทำร้ายกันเอง ทำให้ดัมเบิลดอร์ที่เติบโตและมองเห็นโลกในแง่มุมที่ต่างออกไป ไม่สามารถขัดขวางหรือทำร้ายกรินเดลวัลด์ได้แม้จะมีความคิดหรือทัศนคติที่ไม่ตรงกันอีกต่อไปแล้ว
ภาพยนตร์ภาคสามของจักรวาลสัตว์วิเศษยังคงมีความเข้มข้น และขนเทคนิคพิเศษสุดอลังกาลเพื่อเนรมิตเหล่าสัตว์วิเศษทั้งหลายมาอวดโฉมให้แฟนภาพยนตร์ทั่วโลกได้ตื่นตาตื่นใจจนร้องว้าว รวมทั้งมีเจ้าตัว กิเลน สัตว์วิเศษที่มีความสามารถในการเลือกสรรและตรวจสอบความดีงามของผู้คนได้ มันจึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหลักในภาคนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าใครที่เป็นคนดีพอเพื่อจะปกครองโลกเวทมนตร์ต่อไปในยุคเปลี่ยนผ่าน
แม้ชื่อจักรวาลแฟรนไชนส์สัตว์วิเศษจะมีที่มาจากชื่อหนังสือ สัตว์วิเศษและถิ่นที่อยู่ อันเป็นตำราเรียนในโลกเวทมนตร์ที่นิวท์เขียนขึ้น แต่เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว บทบาทของเหล่าสัตว์วิเศษและตัว นิวท์ สคามันเดอร์ ที่ควรจะเป็นพระเอกและตัวชูโรง ก็ยังดูจะน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ที่ถูกชูให้กลายเป็นประเด็นหลักของภาพยนตร์ภาคนี้
โดยเลือกพาเราไปสำรวจชีวิตของครูใหญ่ที่ทุกคนคุ้นเคยอย่างดัมเบิลดอร์ และทำความรู้จักเขาในแง่มุมที่หลากหลายกว่าที่เคย ซึ่งจู๊ด ลอว์ผู้มาทำหน้าที่ถ่ายทอดบทบาทนี้ก็เปิดเผยว่าเขาเองก็สนุกกับการได้มีโอกาสทำความรู้จักเรื่องราวและปูมหลังของดัมเบิลดอร์ในอดีตมากขึ้น ทั้งพัฒนาการของตัวละครที่เติบโตขึ้น นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาเคยเห็นดีเห็นงามกับการปฏิวัติโลกเวทมนตร์ที่รุนแรง จนกระทั่งเขามองเห็นความดีงามในตัวของมนุษย์ผู้ไร้เวทมนตร์และเปลี่ยนความคิดทางการเมืองของตนเองไป แม้นั่นจะสั่นคลอนความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคนที่เขาเคยรัก
การสอดแทรกประเด็นการเมือง เข้ากับเสน่ห์ของโลกเวทมนตร์ยังคงทำได้ลื่นไหลและน่าสนใจอย่างไร้ที่ติ โดยไม่ลืมที่จะแอบหยอดมุกตลกให้คนดูได้หัวเราะเป็นช่วงๆ ไปพร้อมกับเหล่าตัวละครทั้งหน้าใหม่และเก่าที่มาร่วมเดินทางไปต่อสู้กอบกู้โลกเวทมนตร์ แต่ความสนุกของเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ก็ยังถูกบดบังด้วยดราม่าและการต่อต้านภาพยนตร์เรื่องนี้จากแฟนๆ
ตั้งแต่เรื่องการเกลี่ยความสำคัญของเหล่าตัวละครได้ไม่ดี และการหล่นหายไปของบางตัวละคร อย่างเช่น พอร์เพนทีน่า โกลด์สตีน (Porpentina Goldstein) หรือ ทีน่า ที่รับบทโดยแคทเธอรีน วอเตอร์สตัน (Katherine Waterston) ถูกลดบทบาทจนแทบไม่เห็นหน้าค่าตาในภาคนี้ ทั้งที่ในภาคก่อนเธอถูกวางให้เป็นตัวละครสำคัญที่มีแนวโน้มจะมีความสัมพันธ์ในเชิงโรแมนติคกับ นิวท์ พระเอกของเรื่อง
ซึ่งแฟนๆ เชื่อว่ามาจากดราม่าที่แคทเธอรีนแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับ เจ.เค. โรลลิ่ง (J.K.Rowling) ผู้แต่งเรื่องราวทั้งหมดในจักรวาลเวทมนตร์ และเป็นหนึ่งในทีมเขียนบท เกี่ยวกับความอคติทางเพศต่อเหล่าคนข้ามเพศ (Transphobic) ของเจ.เค. โรลลิ่งเอง ที่ยืนกรานว่าทรานส์วูแมน (Transwoman หรือผู้หญิงที่ได้รับการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง) ไม่นับว่าเป็นผู้หญิง ซึ่งประเด็นนี้ก็ถูกนักแสดงหลายคนออกมาแย้งว่าทรานส์วูแมนควรถูกนับว่าเป็นเพศหญิง และสามารถเป็นเพศอะไรก็ได้ตามที่ตนเองต้องการ
จากดราม่าข้างต้นนี้เอง แม้เจ.เค.โรลลิ่งจะพยายามหยิบเอาความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกของตัวละครดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ที่เป็นคู่รักเกย์มาเล่าและปรุงแต่งให้ดูน่าเย้ายวนใจสำหรับแฟนๆ แต่ปัญหาเรื่องอคติทางเพศต่อเหล่าคนข้ามเพศ (Transgender) ที่เจ.เค. โรลลิ่งมี ก็ทำให้เหล่าแฟนคลับไม่สามารถจะอิ่มเอมกับเรื่องราวความรักของดัมเบิลดอร์ได้มากเท่าที่ควร ซ้ำร้ายหลายคนยังบอยคอตเธอด้วยการไม่สนับสนุนภาพยนตร์ในแฟรนไชส์เวทมนตร์ต่อด้วย
รวมถึงการตัดสินใจเปลี่ยนนักแสดงหลักผู้รับบทเจ้าแห่งศาสตร์มืด กรินเดลวัลด์จากจอห์นนี่ เดปป์ (Johnny Depp) มาเป็นแมด มิคเคลเซน (Mad Mikkelsen) เนื่องจากดราม่าความขัดแย้งและฟ้องร้องระหว่างเดปป์และแอมเบอร์ เฮิร์ด (Amber Heard) อดีตภรรยาที่กล่าวอ้างและพยายามสร้างหลังฐานเท็จว่าเดปป์ทำร้ายร่างกายเธอ ทำให้แฟนๆ ของเดปป์ที่ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิดออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างมาก ที่ทาง Warner Bros. เลือกจะเปลี่ยนตัวนักแสดงทั้งที่คำกล่าวอ้างของแอมเบอร์ไม่มีมูลความจริง
ด้วยสองสาเหตุหลักนี้ ทำให้รายได้ของภาพยนตร์ภาคนี้ซบเซาอย่างไม่น่าเชื่อ โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการของบ็อกซ์ออฟฟิศ รายได้ทั่วโลกของภาคนี้อยู่ที่ 280 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งฉิวเฉียดขาดทุนจากทุนสร้างราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นตัวเลขที่พูดได้เต็มปากว่าไม่น่าพอใจและไม่เป็นไปตามที่หวัง
จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่แม้ว่าแมด มิคเคลเซน จะมารับช่วงถ่ายทอดตัวตนของกรินเดลวัลด์ได้ดีเพียงใด แต่ดูเหมือนการสู้ชีวิตครั้งนี้ของ Warner Bros. และเจ.เค.โรลลิ่ง ไม่ต่างอะไรกับการถูกเหล่าแฟนภาพยนตร์สู้กลับ เนื่องจากผู้ชมไม่แม้แต่จะเลือกตัดสินใจไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ!
Credit:
Photos: Courtesy of Fantastic Beast Official and Warner Bros. Studio Official
อ่านเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ได้บน Padthai.co
- แม่ก็คือแม่! แฟนๆ 2NE1 สุดกรี๊ดกับการกลับมารวมตัวกันเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ถล่มเวที Coachella ให้ลุกเป็นไฟในโชว์พิเศษจาก 88Rising ด้วยเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง I Am The best
- วันนี้ที่อาร์มี่รอคอย ! BTS ประกาศวันเตรียมคัมแบ็ค 10 มิถุนายนนี้ ผ่าน VTR ในคอนเสิร์ต Permission to Dance on Stage – Las Vegas วันสุดท้าย
- อวดลุคแซ่บ! DAMN เพลงใหม่พร้อมมิวสิควีดีโอสุดล้ำจาก WAII หวาย ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์ ที่ชวนให้คนฟังหันมารักตัวเอง และเชิดใส่เหล่าเฮทเตอร์
- ร่วมเดินทาง Road Trip ไปกับป๊อปสตาร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่อวอร์ดส โอลิเวีย ร็อดดริโก ชมโชว์เพลงสุดอลังกาลพร้อมเบื้องหลังอัลบั้มแห่งปี Sour ใน Olivia Rodrigo: driving home 2 u สารคดีเรื่องใหม่บน Disney+ Hotstar
- REPEAT AFTER ME: รู้จักและเข้าใจปัญหา Domestic Violence ผ่านการ์ตูนอนิเมะ Kotaro Lives Alone อนิเมะ10ตอนจบบน Netflix ที่อาจทำให้คุณเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว