เปิดไดอารี่ช่วงกักตัว! นั่งคุยกับ 2Choey ก่อนไปชมนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในไทยในชื่อ Fingers Crossed ที่หยิบเรื่องราวในสังคมไทยช่วงนี้มาถ่ายทอดผ่านภาพวาดสุดป็อป
หลังจากการประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์เพื่อป้องกันการระบาดของโรค Covid-19 เชื่อว่าหลายคนคงไม่รอช้าที่จะเลือกชุดสวย สวมรองเท้าคู่โปรด ออกไปเที่ยวนอกบ้าน ทานข้าวในร้าน ดูหนังในโรงภาพยนตร์และเดินชมศิลปะในแกลอรี่เป็นแน่แท้ รวมทั้งงานนิทรรศการใหม่แกะกล่องจาก Trendy Gallery และ River City Bangkok อย่าง Fingers Crossed นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทยของศิลปินสตรีทสุดป็อป ขวัญใจเหล่าคอลเลคเตอร์และคนรักศิลปะทั้งไทยและเทศ บอม-เชิดศักดิ์ เม้ยขันหมาก หรือที่ทุกคนรู้จักในชื่อ 2Choey (ทูเฉย)
Talk To 2Choey
“จริง ๆ อ่านว่า ทูเฉยหรือทูเชย ก็ได้หมดครับ มันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ” บอมบ์เปิดบทสนทนาเกี่ยวกับนามแฝงที่เขาใช้ในการทำงานศิลปะ และเป็นชื่อที่ชาวสตรีทอาร์ททั้งไทยและเทศคุ้นเคย ก่อนจะเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการทำงานศิลปะของตนเอง
“มันเริ่มจากสมัยก่อนเราสมัครอินสตาแกรม และเอาคำว่าเฉยๆ ซึ่งเป็นคำพูดติดปากในช่วงนั้นมาตั้งว่า 2Choey แต่พอเราเริ่มวาดรูปลงอินสตาแกรมมากขึ้น มีคนเข้ามาจ้างงาน กลายเป็นเราเป็นที่รู้จักในชื่อนี้ไปแล้ว บางคนก็เรียกเฉยๆ หรือฝรั่งก็จะเรียกว่าทู-เชย“
บอมจบการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในสาขาสถาปัตยกรรมผังเมือง แต่เลือกเบนสายไปโลดแล่นในวงการโฆษณาอยู่ถึง 2 ปี ในฐานะอาร์ต ไดเรกเตอร์ เพื่อค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่เขาชื่นชอบจริง ๆ จนมาลงท้ายที่การวาดภาพ
“อาจจะเป็นเพราะเราชอบวาดภาพมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่เลี้ยงเราให้โตมากับหนังสือการ์ตูนและการวาดรูปเล่น มันเลยกลายมาเป็นความชอบของเราไปโดยไม่รู้ตัว ช่วงที่ทำงานโฆษณา เราวาดรูปเล่นลงบนอินสตาแกรม วาดไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่ามีคนชื่นชอบเยอะ ก็ทำให้เริ่มมีคนเข้ามาจ้างงาน อินสตาแกรมชื่อ 2Choey เลยถูกเปลี่ยนจากแอคเคาต์ส่วนตัวมาเป็นแอคเคาต์ที่ใช้ลงผลงานเป็นหลัก”
จากคนทำงานวงการโฆษณา สู่การเริ่มต้นวาดภาพและรับงาน Commercial อย่างจริงจัง บอมบ์สำรวจผลงานของตนเองและเริ่มค้นพบว่า ‘มือ’ คือสิ่งที่หลงใหลและโปรดปรานในการวาดเป็นพิเศษ จนเป็นที่มาของคาแรคเตอร์ Fingie อันเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้คนจดจำ
ผลงานของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นป็อปอาร์ตและสตรีทอาร์ท ที่มีลายเส้นและการลงสีแสนเป็นเอกลักษณ์ บอกเล่าผ่านตัวละครหรือคาแรคเตอร์จากการ์ตูนเด็กที่หลายคนคุ้นเคย โดยมีมือแทนใบหน้าของตัวละครที่เขาวาด
“ตอนที่เราเริ่มรับงาน Commercial ไปสักพัก เริ่มมีงานจ้างที่ยาก ที่เรารู้สึกว่าบางอย่างเราก็ยังไม่สามารถวาดได้ มันเลยทำให้เรากลับมาคิดว่าอะไรที่เป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆ และวาดได้ดี ก็เลยได้คำตอบว่าเราชอบวาด ‘มือ’ เพราะเรามองเห็นมันอยู่ตลอด มีแบบอยู่ใกล้ตัว เราก็เริ่มค่อยๆ เอาสิ่งนี้แหละมาพัฒนาเป็นชิ้นงาน”
แม้คาแรกเตอร์ Fingie ของบอมจะมีใบหน้าเป็นมือเหมือนกันแทบทั้งหมด แต่ทุกคาแรกเตอร์ถูกถ่ายทอดอารมณ์ ใบหน้าและเอกลักษณ์อันเป็นที่จดจำของตัวละครนั้นๆ ผ่านการวางตำแหน่งของนิ้วมือ ทำให้งานที่ออกมามีความแปลกใหม่อยู่เสมอ และยิ่งเมื่อผสมผสานกับเรื่องราวในฉาก ทำให้เจ้านิ้วแสนซนกลายเป็นคาแรกเตอร์ที่มีความขี้เล่น และบอกเล่าเรื่องราวผ่านงานด้วยภาษาอันเป็นเอกลักษณ์
ในนิทรรศการ ‘FINGIES’ ซึ่งเป็นนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของเขาในออสเตรเลีย บอมแต่งแต้ม Ben Frost Gallery ด้วยคาแรกเตอร์แสนขี้เล่นของเขาบนภาพวาด 25 เฟรม เพื่อแนะนำนำตัวให้คนจดจำชื่อของ 2Choey
ครั้งต่อมาในนิทรรศการ ‘HANDS UP’ ที่ฮ่องกง บอมบ์เริ่มเปิดเผยขั้นตอนการทำงาน ผ่านงานสเก็ตดีไซน์คาแรกเตอร์ ที่ยิ่งดูก็ยิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ เช่นการออกแบบใบหน้าทั้งเจ็ดแบบของเหล่าคนแคระที่ทุกคนคุ้นเคยในเรื่อง สโนว์ไวท์ กับคนแคระทั้งเจ็ด ซึ่งมีบุคลิกและการแสดงสีหน้าที่แตกต่างกัน
จึงนับเป็นความพอดิบพอดีที่สุด ในนิทรรศการ Fingers Crossed ครั้งนี้ เพราะหลังจากผ่านสองนิทรรศการเดี่ยวในต่างประเทศมาแล้ว บอม จึงรู้สึกอิสระในการถ่ายทอดผลงานในนิทรรศการครั้งนี้ โดยเน้นไปที่เรื่องราวและวิธีการนำเสนอเป็นหลัก และทำให้ภาพวาดในนิทรรศการครั้งนี้ถูกขายหมดทุกชิ้นก่อนจะเริ่มเปิดแสดงด้วยซ้ำ!
Fingers Crossed – Solo Exhibition
by Trendy Gallery and RCB
โดยชื่อนิทรรศการ Finger Crossed ตั้งขึ้นจากสำนวนภาษาอังกฤษที่หมายถึงการไขว้นิ้วเป็นสัญลักษณ์นำโชค เพื่อหวังว่าสิ่งต่างๆ ในชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแล้ว จะเป็นไปในทิศทางที่ดี ก็มาจากแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานชุดนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากบอมย้ายกลับจากเมลเบิร์น มาอยู่ที่ไทยช่วงปีค.ศ. 2019 และวางแผนจะโชว์งานศิลปะหลังจากสถานการณ์โรคระบาดดีขึ้น แต่จนแล้วจนรอดสถานการณ์ก็ยังคงน่าเป็นห่วง เขาจึงได้แต่วาดภาพสะสมไว้เรื่อยๆ เพื่อรอให้สถานการณ์การระบาดคลี่คลาย
ผลงานในนิทรรศการครั้งนี้จึงเป็นเสมือนไดอารี่ช่วงกักตัว ที่บอมบ์หยิบยกเอาเรื่องราวที่พบเห็นในประเทศไทยมาถ่ายทอดลงในงานผ่านคาแรกเตอร์ Fingies สุดกวน และเฉดสีที่สดใส แต่เสียดสีและยั่วล้อปรากฏการณ์ต่างๆ ในสังคมอย่างแสบสัน และตัวเขายังแอบแทรกรายละเอียดบางอย่างที่เป็นการ Tribute ให้ศิลปินที่ตนชื่นชอบอย่างคีท แฮริ่ง รวมทั้งเจ้าพ่อป็อป-อาร์ตแห่งวงการโฆษณาอย่างแอนดี้ วอร์ฮอลล์ไว้ด้วย
ชิ้นงานในนิทรรศการครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แม้จะเล่าถึงเรื่องราวที่เป็นปัญหาในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ โซเชียลมีเดีย วัคซีนและสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 แต่บอมก็สามารถหยิบเอาวิถีชีวิตที่คนคุ้นเคยมาสร้างเป็นชิ้นงานที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานแต่สะท้อนมุมมองใหม่ๆ ได้อย่างไม่ขัดเขิน
“อย่างภาพนี้เกิดจากตอนที่ผมไปเดินย่านเยาวราช เจอโฮมเลสนอนอยู่ข้างถนน ใช้หมอนแมคโดนัลด์ ฝั่งตรงข้ามเขาเป็นร้านพิซซ่า ภาพที่เห็นมันทัชเรามากเลยนะ เรารู้สึกว่าที่เมืองนอก อาหารฟาสต์ฟู๊ดเป็นอาหารที่ทุกคนเข้าถึงได้ แต่พอกลับมาที่ไทยมันกลับกลายเป็นอาหารมื้อพิเศษที่หลายคนเข้าไม่ถึง เลยอยากถ่ายทอดออกมาว่ามันคือความขัดแย้ง (Contrast) หรือเหลื่อมล้ำที่เราได้เห็นทั่วไปในสังคม”
บอมเล่าถึงภาพวาด Jump Food ที่มีพระเอกของภาพเป็นโฮมเลสซึ่งโผล่ขึ้นมาจากถังขยะ โดยมีมาสคอตฟาสต์ฟู๊ดชื่อดังกระโดดโบยบินอยู่รอบ ๆ เป็นรูปตัวอักษร M บนโลโก้แบรนด์ด้วยคู่สีที่ทุกคนคุ้นเคย ก่อนที่เขาจะกล่าวออกตัวทั้งรอยยิ้ม “แต่เราไม่ได้วิพากย์หรือโจมตีแบรนด์ใดแบรนด์นึงนะ แค่เป็นความบังเอิญที่จุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจที่เราเจอ เขานอนหนุนหมอนแมคโดนัลด์อยู่พอดี”
“หรืออย่างภาพนี้ มันก็มาจากช่วง Covid-19 แหละ ตอนเราออกไปนอกบ้าน เราจะพบว่าสถานที่ๆ เราเคยไปบ่อยๆ มันปิดหมดเลย แม้แต่หมาป่าที่จะมาหลอกเด็กก็ยังเจอว่าบ้านปิดอยู่ ส่วนหนูน้อยหมวกแดงไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อาจจะป่วยไปแล้ว” บอมหัวเราะและค่อยๆ เล่าเรื่องราวในแต่ละภาพในนิทรรศการให้เราฟังด้วยน้ำเสียงสดชื่น
คาแรคเตอร์แต่ละตัวจะถูกหยิบมาเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกัน ผ่านรูปลักษณ์หรืออุปนิสัย อย่างเหล่าเทเลทับบีส์ ที่กำลังรอดูโทรทัศน์ผ่านจอบนหน้าท้อง แต่กลับถูกปิดกั้นสื่อหรือภาพที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมผ่านการควบคุมของผู้ให้บริการสื่อ รวมทั้งป็อปอายที่กำลังประกาศขายพื้นที่บนร่างกายของตนเองเป็นพื้นที่โฆษณา ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการดูแลตัวเองของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ใช้ตนเองเป็นเสมือนพื้นที่โฆษณา
นอกจากภาพวาดทั้ง 18 ชิ้น ในงานครั้งนี้ยังมี Sculpture และ Spray paint บนแผ่นอะคริลิคหลากสีสัน โดยบอม เลือกหยิบเอาตัวละคร เจ้าหนูปรมาณูหรืออะตอมบอย มาพัฒนาคาแรกเตอร์ให้เป็น Fingie Boy พระเอกของนิทรรศการนี้
“อะตอมบอยเป็นตัวละครหุ่นยนต์ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองกับมนุษย์อยู่ตลอดเวลาให้มนุษย์ยอมรับ ผมว่ามันคล้ายกับคนที่ทำงานศิลปะ หรือเป็นศิลปิน เพราะเราต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ต้องพยายามที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้คนยอมรับ ทั้งครอบครัวพ่อแม่ที่ตั้งคำถามว่าอาชีพคนทำงานศิลปะจะหาเลี้ยงตัวเองได้ไหม หรือกับเพื่อนที่ตั้งคำถามกับเราว่าทำไมเราไม่หางานประจำที่มั่นคงทำ”
อะตอมบอยจึงถูกเลือกให้เป็นพระเอกของงาน โดยมีภาพ Don’t Tell My Mom อีกหนึ่งผลงานภาพวาดที่มาช่วยบอกเล่าเรื่องราวของ Fingie Boy ศิลปินหนุ่มที่ต้องพบปัญหาในช่วง Covid-19 เพราะไม่มีพื้นที่ให้สามารถทำงานศิลปะได้ตามใจตนเอง จนต้องแอบมาพ่นสีทำกราฟิตี้ลงบนกำแพง โดยมีคำว่าเฉย เฉย 2021ถูกพ่นไว้ โดยบอมบ์เลือกภาพนี้เป็นผลงานชิ้นที่ชอบเป็นพิเศษในนิทรรศการ
“แต่จริงๆ ถ้าให้ผมเลือกผลงานชิ้นที่ชอบที่สุด ก็เลือกยากนะครับ แต่ละรูปมันก็เล่าเรื่องต่างกัน ผมชอบทุกรูปเลย” บอมกล่าวทิ้งท้ายทั้งรอยยิ้ม และทำให้เรารู้สึกเชื่อในคำตอบนั้น เพราะน้ำเสียงและแววตาของศิลปินหนุ่มที่เล่าเรื่องราวในแต่ละภาพระหว่างพาเราเดินชมนิทรรศการครั้งนี้ ก็บ่งบอกถึงความหลงใหลและสนุกกับงานของตนเองออกมาอย่างไม่ปิดบัง
นิทรรศการจาก 2CHOEY โดย Trendy Gallery และ River City Bangkok เปิดให้ชมฟรีที่ RCB Galleria 3 ชั้น 2
ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม – 14 พฤศจิกายน 2564
CREDITS:
VIDEOGRAPHER & EDITOR : AJ CHOLVIBUL
PHOTOS: COURTESY OF PADTHAI.CO BY AJ CHOLVIBUL, RIVER CITY BANGKOK, TRENDY GALLERY, OFFICIAL ARTIST BLOG
อ่านคอนเทนต์ Lifestyle ที่น่าสนใจอื่น ๆ บน Padthai.co
ROOM 063 By KARMS นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของก้าม-ธรรมธัช สายทอง
Bvlgari Colors: A Journey Between Jewels and Art นิทรรศการสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรก ณ เกาหลีใต้
คุณเองก็เป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะได้ ในนิทรรศการ 365 ° by Eugenio Recuenco
Exhibition — Padthai.co ชวนปักหมุด 6 นิทรรศการที่ยังเปิดให้ชมในช่วง Covid-19